ผู้เขียน หัวข้อ: กรัณฑวสูตร ว่าด้วยเรื่อง การคบคน  (อ่าน 45 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.

.

วันนี้ เป็นวันเด็ก (วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567) ผมขอทำบุญตามหลักบุญกริยาวัตถุ 10 คือ ธัมมเทสนามัย (ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้) ถึงแม้ไม่มีใครเปิดฟัง หรือ อ่านธรรมะ บุญนั้นก็สำเร็จจากการกระทำของผมทั้ง กาย , วาจา(คือการโพส) และ ใจ(เจตนา)

.

หากมีผู้ที่ฟัง (ที่เคยมีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้อง) เมื่อฟังหรืออ่านแล้ว มีความเห็นที่ถูกต้อง) ผมได้ทำบุญในเรื่อง ทิฏฐุชุกัมม์ (ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง)

.

มาร่วมโมทนาบุญกัน บุญเสมอกัน ครับ

.

หากมีผู้ที่อ่าน มีความเห็นว่า ผมได้ทำบุญตามที่บอก และ มีจิตที่ยินดีในการทำบุญของผมในครั้งนี้ ท่านผู้อ่านจะได้บุญในเรื่อง ปัตตานุโมทนามัย (ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น)

.

.

ผลบุญที่ผมได้ทำในครั้งนี้ ขออธิษฐานว่า ขอความไม่มีโรคภัยไข้เจ็บจงเกิดกับตัวข้าพเจ้า ความไม่มีอื่นๆจงอย่าได้เกิดกับตัวข้าพเจ้า และขอให้ข้าพเจ้าจงมีดวงตาที่เห็นในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างง่ายดายและรวดเร็วด้วยเทอญ

.

.

.

.**********************************.

.

.
.
.
กรัณฑวสูตร ให้ร้ายบุคคลอื่น การอยู่ร่วมกัน
.
.
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
.
ที่มา เว็บไซด์ 84000
.
กรัณฑวสูตร
.
.
            [๑๐๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัครา ใกล้นครจัมปา
.
สมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุที่ถูกภิกษุทั้งหลายโจทด้วยอาบัตินั้นเอาเรื่องอื่นๆ มาพูดกลบเกลื่อน ชักเรื่องไปนอกทางเสียแสดงความโกรธเคืองและความไม่ยำเกรงให้ปรากฏ 
.
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป จงกำจัดบุคคลนั้นออกไป
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนชนิดนี้ต้องขับออก เป็นลูกนอกคอกกวนใจกระไร
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ มีการก้าวไป การถอยกลับ การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร เหมือนภิกษุผู้เจริญเหล่าอื่น
.
ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขาแต่เมื่อใด ภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา
เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ
ครั้นรู้จักอย่างนี้แล้ว ย่อมนาสนะออกไปให้พ้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่าภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนหญ้าชนิดหนึ่งที่ทำลายต้นข้าว มีเมล็ดเหมือนข้าวลีบ มีเมล็ดเหมือนข้าวตายรวง พึงเกิดขึ้นในนาข้าวที่สมบูรณ์ ราก ก้าน ใบของมันเหมือนกับข้าวที่ดีเหล่าอื่น ตราบเท่าที่มันยังไม่ออกรวง
.
แต่เมื่อใด มันออกรวง เมื่อนั้นจึงทราบกันว่า หญ้านี้ทำลายข้าว มีเมล็ดเหมือนข้าวลีบ มีเมล็ดเหมือนข้าวตายรวง ครั้นทราบอย่างนี้แล้ว เขาจึงถอนมันพร้อมทั้งราก เอาไปทิ้งให้พ้นที่นา
.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่า หญ้าชนิดนี้อย่าทำลายข้าวที่ดีอื่นๆ เลย  ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลายฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ มีการก้าวไป การถอยกลับ ฯลฯ เพราะคิดว่า ภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนกองข้าวเปลือกกองใหญ่ที่เขากำลังสาดอยู่ ในข้าวเปลือกกองนั้น ข้าวเปลือกที่เป็นตัว แกร่ง เป็นกองอยู่ส่วนหนึ่ง ส่วนที่หัก ลีบ ลมย่อมพัดไปไว้ส่วนหนึ่งเจ้าของย่อมเอาไม้กวาดวีข้าวที่หักและลีบออกไป
.
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่ามันอย่าปนข้าวเปลือกที่ดีอื่นๆ เลย ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันบุคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ มีการก้าวไป การถอยกลับ ฯลฯ เพราะคิดว่าภิกษุนี้ อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย
.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลต้องการกระบอกตักน้ำ ถือขวานอันคมเข้าไปในป่า เขาเอาสันขวานเคาะต้นไม้นั้นๆบรรดาต้นไม้เหล่านั้น ต้นไม้ที่แข็ง มีแก่น ซึ่งถูกเคาะด้วยสันขวาน ย่อมมีเสียงหนัก ส่วนต้นไม้ที่ผุใน น้ำชุ่ม เกิดยุ่ยขึ้น ถูกเคาะด้วยสันขวาน ย่อมมีเสียงก้องเขาจึงตัดต้นไม้ที่ผุในนั้นที่โคน ครั้นตัดโคนแล้ว จึงตัดปลาย ครั้นตัดปลายแล้วจึงคว้านข้างในให้เรียบร้อย แล้วทำเป็นกระบอกตักน้ำ ฉันใด
.
ดูกรภิกษุทั้งหลายฉันนั้นเหมือนกัน แลบุคคคลบางคนในธรรมวินัยนี้ มีการก้าวไป การถอยกลับ การแล การเหลียว การคู้ การเหยียด การทรงผ้าสังฆาฏิ บาตร และจีวร เหมือนของภิกษุที่ดีเหล่าอื่น ตราบเท่าที่ภิกษุทั้งหลายยังไม่เห็นอาบัติของเขา แต่เมื่อใดภิกษุทั้งหลายเห็นอาบัติของเขา เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายย่อมรู้จักเขาอย่างนี้ว่า ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ ครั้นรู้จักอย่างนี้แล้วย่อมนาสนะออกไปให้พ้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะคิดว่า ภิกษุนี้อย่าประทุษร้ายภิกษุที่ดีเหล่าอื่นเลย ฯ
.
                เพราะการอยู่ร่วมกัน พึงรู้ได้ว่า ผู้นี้มีความปรารถนาลามก มักโกรธ มักลบลู่ หัวดื้อ ตีเสมอ ริษยา ตระหนี่ โอ้อวด บางคนในท่ามกลางประชุมชน พูดไพเราะ ดังพระสมณะพูดปิดบังความชั่วที่ตัวทำ มีความเห็นลามกไม่เอื้อเฟื้อ พูด เลอะเลือน พูดเท็จ เธอทั้งหลายทราบบุคคลนั้นว่าเป็นอย่างไรแล้ว จงพร้อมใจกันทั้งหมดขับบุคคลนั้นเสีย จงกำจัดบุคคลที่เป็นดังหยากเหยื่อ จงถอนบุคคลที่เสียในออกเสียแต่นั้น จงนำคนแกลบ  ผู้มิใช่สมณะแต่ยังนับว่า เป็นสมณะออกเสีย เธอทั้งหลาย เมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนดีและคนไม่ดี ครั้นกำจัดคนที่มีความปรารถนาลามก มีอาจาระและโคจรลามกออกแล้ว จงเป็นผู้มีสติ แต่นั้น เธอทั้งหลายเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นผู้มีปัญญารักษาตน จักกระทำที่สุดทุกข์ได้ ฯ
.
.
จบสูตรที่ ๑๐
จบเมตตาวรรคที่ ๑
-----------------------------------------------------
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
.
            ๑. เมตตสูตร  ๒. ปัญญาสูตร  ๓. อัปปิยสูตรที่ ๑  ๔. อัปปิยสูตร
ที่ ๒  ๕. โลกธรรมสูตร  ๖. โลกวิปัตติสูตร  ๗. เทวทัตตสูตร  ๘. อุตตร-
*สูตร  ๙. นันทสูตร  ๑๐. กรัณฑวสูตร
.
.
-----------------------------------------------------
.
.

.

#ไม่เคยนำปืนไปจ่อหัวบังคับใครให้กระทำ

#การกระทำเป็นการกระทำด้วยกายวาจาใจของตนเองทั้งสิ้น

.

.

.

#กระทำถูกกฎระเบียบหน่วยงานราชการและบริษัทแต่ผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี

#กระทำถูกต้องตามกฎหมายแต่ผิดกฎแห่งกรรมต้องไปใช้กรรมเสมอ

.

.

.

#ของจริงต้องพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

.

.

.

#ต่อให้ไปไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก

#ต่อให้ไปไหว้พระอริยสงฆ์ทั่วโลก

#ต่อให้ไปไหว้เทวรูปเทวดาทั่วโลก

#ไม่มีใครช่วยให้หนีกรรมพ้น

.

.

.

#ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน

#ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด

#ไม่มีใครหนีกรรมพ้น

#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น

.

.

.

#ต่อให้ใหญ่แค่ไหน

#ต่อให้รวยล้นฟ้าเพียงใด

#ไม่เคยมีใครหนีกรรมพ้น

#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องชดใช้กรรม

#บุพกรรมพระพุทธเจ้า

.

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)