แสงธรรมนำใจ > วัชรยาน

คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย

(1/3) > >>

มดเอ๊กซ:


ขอถวายสักการะต่อเหล่าทวยเทพ
คุรุ องค์ยิดัมและทักคินี
ขอจงอำนวยให้เกิดวิมุตติในบาร์โดด้วยเทอญ
จากถ้อยความแห่ง " มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
บาร์โดแห่งธรรมดาได้รับการสอนสั่งแล้วในข้างต้น
บัดนี้ ขอให้ผู้ตักเตือนให้ระลึกถึงบาร์โดแห่งการเกิด
จงมาที่นี่เถิด
 
 
 
ถึงแม้บาร์โดแห่งธรรมดาจักได้รับการถ่ายทอดหลายหนก่อนหน้านี้ ยกเว้นก็แต่บุคคลที่ได้ผ่านการทำสมาธิและประจักษ์แจ้งในคำสอน และประกอบแต่กุศลกรรม ทั้งนี้เพราะการที่จะระลึกได้ถึงความกลัวและอกุศลกรรมนั้น เป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้าน สมาธิภาวนาหรือคนต่ำทราม ด้วยเหตุนี้ นับจากวันที่สิบเป็นต้นไป ผู้ตายควรได้รับการตักเตือนอีกครั้งด้วยถ้อยคำต่อไปนี้
 
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงตั้งใจฟังให้ดีและทำความเข้าใจให้ได้ เหล่าสัตว์นรก ทวยเทพ และวิญญาณในบาร์โดแห่งธรรมดา ท่านกลับจดจำไม่ได้ ดังนั้นท่านจึงหลับใหลไปด้วยความหวาดกลัวเป็นเวลาห้าวันครึ่ง ทว่าเมื่อท่านฟื้นตื่นขึ้นมา วิญญาณของท่านจะ กระจ่างใสกว่าเดิม รูปร่างคล้ายตัวท่านยามมีชีวิตอยู่จะลุกขึ้นมา ในคำกล่าวของคัมภีร์ตันตระมีว่า
 
 
อาศัยกายเนื้อในกาลก่อนและกาลต่อไปภายในบาร์โดแห่งการเกิด สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส พเนจรไปโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง ครอบครองอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม และเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพ ที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน
 
 
คำว่า " กาลก่อน " หมายความว่าคุณมีร่างกายดั่งในยามมีชีวิตอยู่อันเปี่ยมด้วยเลือดและเนื้อหนัง เกิดจากความทรงจำของคุณที่มีต่อมัน กอปรด้วยรัศมีในตน และตำหนิบางประการคล้ายในยามมีชีวิตอยู่ นี้คือประสบการณ์แห่งกายทิพย์ ดั่งนามที่ถูกขนานว่ากายทิพย์ในประสบการณ์แห่งบาร์โดในช่วงเวลานี้ หากคุณจะจุติไปเกิดเป็นเทวดา คุณจะได้แลเห็นนิมิตแห่งเทวโลกและไม่ว่าคุณจะจุติไปเกิดเป็น อะไร อสูร มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต หรือสัตว์นรก คุณก็จะประสบกับภพภูมิเหล่านั้น ดังนั้นคำว่าในกาลก่อนจึงหมายถึงช่วงเวลาสี่วันครึ่ง ที่คุณคิดว่ามีร่างกายดังเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ คำว่า ในกาลต่อไป หมายความว่า ภายหลังจากนี้คุณจะได้ประสบกับภพภูมิที่คุณจะไปก่อเกิด ในภายหลัง ดังนั้นจึงเรียกว่า " ในกาลก่อนและในกาลต่อไป "
 
" ไม่ว่านิมิตใดจากใจท่านจะปรากฏขึ้นในเวลานี้ อย่าติดตามหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด ถ้าท่านข้องแวะกับมันหรือยอมจำนนต่อมัน ท่านจะเร่ร่อนไปในภูมิทั้งหกและได้รับความทรมาณอันแสนสาหัส "
 
" ถึงแม้ว่านิมิตในบาร์โดแห่งธรรมดาจะปรากฏขึ้นจนถึงเมื่อวานนี้ ท่านกลับไม่อาจจดจำมันได้ ดังนั้นท่านจึงเร่ร่อนมาถึงที่นี่ บัดนี้ ถ้าท่านสามารถสำรวมสมาธิได้ไม่หวั่นไหว พิงพักอยู่ในจิตอันเปลือยเปล่าบริสุทธิ์ในสุญตาธรรมอันสว่างไสว ที่คุรุของท่าน ได้เสนอท่าน จงพำนักอยู่ในภาวะที่ไม่ได้ยึดติดในสิ่งใดและอกรรม ทำเช่นนี้ด้วยท่าจะได้รับซึ่งวิมุตติสุข และไม่พลัดเข้าสู่ครรภ์อุทร "
 
" ถ้าท่านไม่สามารถจดจำมันได้ จงเพ่งนิมิตถึงยิดัมของท่าน รวมทั้งคุรุเหนือเศียรและจงเร่งความเสียสละอย่างแรงกล้า สิ่งนี้สำคัญมาก จงเพียรแล้วเพียรอีกอย่าหวั่นไหว "
 
ดังนั้นจึงพึงกล่าวว่า หากบุคคลใดระลึกได้เมื่อใด เขาย่อมได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ และไม่เร่ร่อนไปในภูมิทั้งหก ทว่าภายใต้อิทธิพล ของผลกรรมอันต่ำทรามย่อมเป็นการยากที่จะกระทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงควรกล่าวถ้อยคำเช่นนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟังถ้อยคำเหล่านี้อย่าแชเชือน ' สมบูรณ์พร้อมด้วยประสาทสัมผัส ' หมายความว่า แม้ท่านจะมีดวงตาอันบอด สนิท เป็นใบ้ ขาเสีย หรือเลวร้ายกว่านั้นในยามมีชีวิตอยู่ก็ตามที แต่บัดนี้ในสภาวะบาร์โด ดวงตาของท่านจะแลเห็นรูปต่าง ๆ หูของท่านจะ ได้ยินสรรพสำเนียง ประสาทสัมผัสของท่านจะแจ่มใสไม่พร่ามัว ดังนั้นพึงกล่าวว่า " ศักยภาพชั้นสูงแห่งประสาทสัมผัส " นี่เป็นสัญลักษณ์ ว่าท่านได้ตายไปแล้วและกำลังร่อนเร่อยู่ในสภาวะบาร์โด ดังนั้นพึงจดจำให้ได้ถึงคำสอนนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' ปราศจากการกีดขวาง ' หมายความว่า ในขณะที่ท่านคงสภาพกายทิพย์ และจิตของท่านได้แยกขาดจาก องค์ประกอบทั้งหลาย ท่านปราศจากกายเนื้ออีกต่อไป ดังนั้น บัดนี้ท่านจึงสามารถผ่านเข้าออกอย่างอิสระ ทะลุผ่านเขาพระสุเมรุใหญ่ ตระเวณไปทุกแห่งหน ยกเว้นแต่เพียงครรภ์อุทรของมารดาและวัชระอาสน์ เป็นสัญญาณเตือนว่าท่านได้ร่อนเร่อยู่ใน บาร์โดแห่งการเกิด ดังนั้นพึงทำการระลึกถึงคำสอนสั่งของเหล่าคุรุและขอที่พึ่งพิงในพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' การครอบครองซึ่งอำนาจวิเศษอันเกิดจากวิบากกรรม ' หมายความว่า บัดนี้ท่านได้มีอำนาจวิเศษจากอิทธิพล ของกรรมที่สอดคล้องกับการกระทำของท่านซึ่งหาได้มาจากอำนาจแห่งสมาธิหรือธรรมะไม่ ท่านสามารถจักเดินรอบพระสุเมรุครบสี่ทิศ ภายในเวลาชั่วพริบตา ไปทุกแห่งหนที่ท่านต้องการอย่างทันทีทันใด เพียงชั่วขณะที่ท่านครุ่นคิดกำหนดถึงมัน หรือเพียงชั่วเวลามนุษย์เรา ยืดแขนเข้าและออก ทว่าอำนาจวิเศษเหล่านี้ไม่น่าพึงพอใจ อย่าใส่ใจกับมัน บัดนี้ท่านสามารถจะโอ้อวดได้อย่างไร้ความกังวล สามารถ กระทำทุกสิ่งดั่งใจปรารถนา จงตั้งสติให้มั่นคงและนึกถึงแต่คำสอนของคุรุประจำตน
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ' แลเห็นโดยนัยน์ตาอันบริสุทธิ์ของทวยเทพที่มีคุณลักษณ์อย่างเดียวกัน ' หมายความว่า บุคคลผู้ที่กำลังจะไปเกิด ในสภาพใด ย่อมแลเห็นผู้อื่นที่ร่วมภพภูมิเดียวกัน หากเขาจะจุติไปเกิดเป็นเทวดาย่อมแลเห็นหมู่เทวดา จงอย่าข้องแวะกับอำนาจวิเศษนี้ เพ่งสมาธิระลึกถึงแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความกรุณา การแลเห็นด้วยนัยน์ตาบริสุทธิ์ของทวยเทพยังอาจมีนัยถึง การแลเห็นโดย อาศัยอำนาจอันบริสุทธิ์จากฌานสมาบัติหรือสมาธิชั้นสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งมิได้เกิดจากอำนาจวิเศษของเหล่าทวยเทพ ซึ่งนั้นย่อมหมายถึงว่า มันอาจไม่ดำรงอยู่ตลอดเวลา หากพวกเขาเพ่งจิต เขาย่อมแลเห็นได้ แต่หากสมาธิของเขาถูกรบกวนแล้ว การแลย่อมปราศนาการไป
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล โดยความอาลัยต่อร่างเดิม ท่านจะแลเห็นบ้านเรือนและครอบครัวของท่านอีก คล้ายดังว่าท่านได้พบกับพวกเขาในความฝัน ทว่าแม้ท่านจะทำการสนทนาเจรจากับพวกเขา เขาก็จะไม่ตอบรับพูดคุยกับท่าน ญาติมิตรและครอบครัวของท่านจะพากัน คร่ำครวญโศกศัลย์ ท่านจะฉุกคิดว่า " นี่ฉันตายไปแล้วแน่นอนหรือนี่ ฉันจะทำประการใดต่อไปดี แล้วท่านจะรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสดุจดัง ปลาน้อย เกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นทรายร้อนระอุ แต่ในขณะนี้ความเจ็บปวดก็หามีประโยชน์ใดไม่ ถ้าท่านมีคุรุประจำตน จงขอที่พึงในท่าน เหล่านั้น หรือยึดเอาเหล่ายิดัม หรือพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เปี่ยมด้วยกรุณา แม้ว่าท่านจะผูกพันอยู่กับญาติมิตรก็ไร้ประโยชน์ อย่าสร้างความ ผูกพันใด ๆ ให้ยึดถือแต่องค์พระมหามุนี ท่านจะปราศจากซึ่งความกลัวและความทุกข์
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เมื่อท่านถูกพัดพาด้วยสายลมกรรโชกแห่งผลกรรม จิตของท่านจะปราศจากเครื่องยึดเหนี่ยวหมุนวนดุจพายุ สลาตัน ควบคุมและบังคับมิได้ ลอยเคว้งคว้างดุจขนนกบางเบา ท่านจะกล่าวกับผู้ที่กำลังเศร้าโศกว่า ' ฉันอยู่ที่นี่แล้ว อย่าร่ำไห้ไปเลย ' ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ยินท่านเลย ดังนั้นท่านจะฉุกคิดได้ว่า ' ฉันได้ตายไปแน่แล้วหรือนี่ ' ความปวดร้าวจะโถมทับท่าน อย่าทนทรมาณ เยี่ยงนี้เลย ตลอดเวลาจะมีหมอกควันสีเทาประดุจ ดังแสงสีเทาในรุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิ ทั้งยามกลางวันและกลางคืน ภาวะเช่นนี้ ในบาร์โดแห่งการเกิดจะปรากฏอยู่เป็นเวลา หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก หรือ เจ็ดสัปดาห์ ประมาณ ๔๙ วัน ซึ่งก็ไม่ใช่ตัวเลขตายตัวนัก ขึ้นอยู่กับอิทธิพลจากผลกรรมเป็นใหญ่
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้พายุร้ายแห่งผลกรรมอันน่ากลัว ด้านทานมิได้ จะควงพัดอย่างเกรี้ยวกราด และโจมตีท่านจากด้านหลัง อย่าหวาดกลัวมัน มันเป็นเพียงนิมิตอันสับสนจากจิตท่านเอง เป็นความมืดมนอันหนักหน่วง น่าสะพรึงกลัวไม่อาจขัดขืนได้ มีเสียงขู่กรรโชก อันน่าพรั่นพรึงว่า ' โจมตี ' และ ' สังหาร ' อย่าหวาดกลัวเป็นอันขาด สำหรับในบุคคลที่ได้ประกอบซึ่งอนันตริยกรรม ปิศาจที่กัดกินเลือดเนื้อ จะปรากฏขึ้นจากวิบากกรรม ถือศาสตราวุธมากมาย โห่ร้องดังยามสงคราม ตะโกนกู่ฆ่าฟัน ท่านจะรู้สึกเหมือนถูกไล่ล่าโดยสัตว์ป่าอันดุร้าย หลากชนิด ถูกไล่ตามโดยกองทัพมหึมา ในหิมะ สายฝน พายุ และความมืด เสียงภูผาจะสั่นไหว สายน้ำจะทะลัก พระเพลิงจะลุกลามและ พายุร้ายจะโอบล้อม ในความหวาดกลัวท่านจะหลบหนีไปในทุกที่ที่เป็นไปได้ แต่แล้วหุบเหวจะปรากฏ มีสามสี คือ แดง ขาว และดำ ลึกและอันตราย ท่านจะพลัดตกลงไปหาพวกเขา
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล เงื้อมผานั้นมิใช่ของจริง เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวร้าว อารมณ์ปรารถนา และอวิชชา เมื่อท่านระลึกได้ว่า กำลังตกอยู่ในบาร์โดแห่งการเกิด และร้องเรียกหานามแห่งพระผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา ท่านจะได้รับการช่วยเหลือ " โอพระผู้มีพระภาคเจ้ผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา คุรุของข้าน้อย องค์พระรัตนตรัยอันประเสริฐ อย่าปล่อยให้ข้าถูกผจญและพลัดตกสู่นรกเบื้องต่ำเลย " จงเพ่งพินิจ อย่างแรงกล้าเยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด

มดเอ๊กซ:


*ภาพองค์เชนเรสิก 1000 กร หรือ พระอวโลกิเตศวรพันมือ  ศิลปะธิเบต


ในกรณีของบุคคลที่ได้ประกอบคุณงามความดี เปี่ยมคุณธรรมและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ความร่าเริงปีติสุขจะมาเชิญเชื้อเขา ความสดใส งดงามเริงรื่นและความศักดิ์สิทธิ์นานับประการจะประกาศให้ท่านได้รับรู้ ในกรณีบุคคลที่โง่งมและหมักหมมด้วยอวิชชา ที่ไม่คยประกอบกรรมดีและกรรมชั่ว พวกเขาย่อมไม่ประสบทั้งความปีติสุขและความปวดร้าว มีเพียงแต่อวิชชาและความโง่งมเท่านั้นที่จะปรากฏขึ้น ไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะปรากฏต่อหน้าท่านก็ตาม อย่าหลงใหลหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด จงถวายมันแก่เหล่าคุรุและ องค์รัตนตรัย ละเว้นจากความปรารถนาและข้องแวะติดพันในใจของท่าน ถ้าเหตุการณ์อันเปี่ยมด้วยความโง่งมปรากฏขึ้น โดยปราศจากความปีติสุขหรือความปวดร้าวก็ตามที จงผ่อนพักจิตของท่านในภาวะมหาสัญลักษณ์คือ ภาวะที่ว่างจากสมาธิภาวนา และปลอดจากความฟุ้งซ่าน
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ สะพาน วิหาร และอาราม กระท่อม สถูป และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จะปรากฏขึ้นคุ้มหัวท่านชั่วขณะ แต่ท่านไม่อาจพักอยู่ที่นั้นได้เนิ่นนาน เป็นเพราะว่าจิตของท่านได้ถูกแยกออกจากกายจนท่านไม่อาจตั้งมันขึ้นได้ใหม่ ท่านรู้สึกโกรธเกรี้ยว และเหน็บหนาว วิญญาณดูบางเบา มีความเร็วสูงล่องลอยและไม่มั่นคง ครั้นแล้วท่านจะคิดว่า " อา บัดนี้ข้าได้ตายไปแล้ว ข้าจะทำอะไรต่อไปดี " ครั้นคิดเช่นนี้ดวงใจของท่านจะว่างเปล่าลงดุจห้องว่างและหนาวเย็นลงในฉับพลัน ท่านจะรู้สึกถูกบีบคั้น เจ็บปวดเหลือประมาณ จนท่านต้องเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเรื่อย ๆ ไม่อาจหยุดยั้งลงที่ใด จงจำไว้ว่า อย่าเก็บกักความคิดใด ๆ แต่จงพักพิงจิตอยู่ในภาวะปกติตามธรรมชาติ
 
บัดนี้เป็นเวลาที่ท่านจะไม่ได้รับประมานอาหาร เว้นแต่อาหารที่เขาอุทิศให้ท่านเท่านั้น ไม่มีมิตรสหายผู้ใดปรากฏร่วมทางกับท่าน สิ่งหล่านี้เป็นสัญลักษณ์แห่งกายทิพย์อันเร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ในเวลานี้ความสุขและความปวดร้าวได้ถูกกำหนดขึ้นจากผลกรรมของท่าน ท่านจะแลเห็นบ้านเกิด มิตรสหาย ญาติพี่น้องและศพของท่านเอง ท่านจะครุ่นคิดว่า ' บัดนี้ฉันได้ตายไปแล้ว ฉันจะทำประการใดต่อไปดี ' กายทิพย์ของท่านจะเจ็บปวดยิ่งนัก ท่านจะคิดว่า ' ทำไมฉันไม่แสวงหาร่างใหม่เล่า ' ครั้นแล้วท่านจะ เดินทางไปในทุกแห่งหนเพื่อค้นหาร่างกายใหม่ ท่านจะพยายามกลับเข้าร่างเดิมถึงเก้าครั้ง แต่ความนาวเย็นจะทำให้ศพของท่านเย็นชืด ส่วนความร้อนก็จะทำให้ศพเน่าเปื่อย หรือมิฉะนั้นญาติมิตรของท่านอาจทำการเผาหรือฝังมันในป่าช้าก็เป็นได้และอาจปล่อยให้เป็นเหยื่อ ของนกกาหรือสัตว์ป่า เพราะช่วงเวลาได้ล่วงเลยมายาวนานนับแต่การผ่านพ้นไปในบาร์โดแห่งธรรมดา ดังนั้นท่านจะมิมีที่ใดให้พักพิงในบาร์โด ท่านจะเสียใจยิ่งนัก และมีความรู้สึกปวดร้าวประดุจถูบบีบรัดด้วยหินผา ความเจ็บปวดดังกล่าวนี้คือคุณลักษณ์ แห่งบาร์โดของการแปรเปลี่ยน แม้ว่าท่านจะเสาะหาร่างกายเพื่ออาศัย ท่านก็จะได้แต่ความปวดร้าวเป็นผลตอบแทน ดังนั้นจงปล่อยวาง ความปรารถนาในร่างกายและพักพิงในความว่างอย่างแน่วแน่
 
 
" เมื่อได้รับการชี้แนะดังกล่าวนี้ ย่อมบรรลุถึงการหลุดพ้นจากบาร์โด กระนั้นก็ตามที ทั้ง ๆ ที่ได้รับการชี้แนะท่านก็ยังไม่อาจระลึกได้ ทั้งนี้เพราะอกุศลกรรมอันร้ายแรง ถึงตอนนี้ผู้อ่านควรขานหรือเรียกชื่อผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงฟังทางนี้ เป็นเพราะกรรมท่านเอง จึงทำให้ท่านทุกข์ทรมาณ ท่านไม่อาจกล่าวโทษผู้ใดได้ มันเป็นเพราะกรรมของท่าน ดังนั้น บัดนี้จงขอที่พึ่งในพระรัตนตรัยอย่างแน่วแน่ ซึ่งจะคุ้มครองท่าน ถ้าท่านไม่ทำเช่นนี้ และไม่รู้จัก สมาธิมหาสัญลักษณ์ และไม่เพ่งจิตต่อองค์ยิดัมของท่าน มโนธรรมในจิตท่าน จะรวบรวมกุศลกรรมทั้งหมดของท่านและนับด้วยอาศัย เมล็ดกรวดสีขาว ส่วนความรู้สึกต่ำช้าในตัวท่าน จะรวบรวมอกุศลทั้งหมดของท่านและนับด้วยก้อนกรวดสีดำอันทำให้ท่านสั่นกลัวและ กล่าวคำโกหกว่า ' ฉันไม่เคยประพฤติตนต่ำช้า ' ครั้นแล้ว พญยมราชจะกล่าวว่า ' ข้าดูผลการกระทำในอดีตของท่านจากในกระจก ' และเมื่อพญายมได้มองเข้าไปในกระจกแห่งวิบากกรรม ทั้งบาปและคุณงามความดีของท่านจะปรากฏขึ้นโดยฉับพลัน แจ่มชัดและคมกริบ ดังนั้น แม้ท่านจะโกหกก็ไร้ประโยชน์ ยมทูตจะนำท่านไป เอาเชือกพันรอบคอ บั่นศีรษะของท่านให้ขาดออกจากร่าง ขยี้หัวใจของท่าน ให้เป็นผุยผง ดึงตับไตไส้พุง เลียสมองของท่าน ทว่าท่านกลับไม่ตาย แม้ว่าท่านจะถูกสับแล่ออกเป็นชิ้น ๆ ก็ตาม ท่านก็จะฟื้นคืนชีพ ขึ้นมาใหม่
 
" การถูกสับแล่ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส อย่าไหวหวั่น เมื่อเม็ดกรวดสีขาวถูกตรวจนับ อย่าโกหก อย่าหวั่นเกรงท่านท้าวยมราช เพราะว่าท่านมีกายทิพย์ ท่านจึงไม่สามารถตายแม้จะถูกสังหารและแล่เป็นต้น ท่านเป็นความว่างเปล่าตาม ธรรมชาติเดิม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ท้าวยมราชก็เป็นความว่างเปล่าตามธรรมชาติ เป็นนิมิตอันสับสนจากใจท่านและ ท่านก็เป็นความว่างเปล่า เป็นกายทิพย์แห่งความฝักใฝ่อันไร้สำนึก ความว่างย่อมไม่อาจทำอันตรายต่อความว่างได้ สิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ย่อมไม่ อาจทำอันตรายสิ่งที่ไร้คุณลักษณ์ พญายมราช เทวดา ภูติผี ปิศาจศีรษะวัว และเหล่านิมิต ไม่มีคุณสมบัติใดที่ต่างไปจากนิมิตอันสับสน จากจิตท่านอยู่ ดังนั้นพึงระลึกให้ได้ว่านี้คือ สภาวะการณ์ในบาร์โดเท่านั้น

มดเอ๊กซ:

* ภาพพระไมตรียะ หรือ พระศรีอาริยเมตไตรย ศิลปะทังก้า ธิเบต




จงบำเพ็ญจิตภาวนา ต่อมหาสัญลักษณ์ หากท่านไม่ทราบว่าจะเริ่มทำสมาธิอย่างไรดี จงมองดูอย่างพินิจที่ธรรมชาติของสิ่งอันก่อความ หวาดกลัวแก่ท่าน และท่านจะได้พบกับความว่างที่ไร้ธรรมชาติแน่นอน สิ่งนี้มีนามว่า ธรรมกายสภาวะ ทว่าความว่างเช่นนี้มิได้หมายถึง การปฏิเสธความดำรงอยู่ ธรรมชาติของมันนั้นน่ากลัว ส่วนจิตที่มีความตื่นตัวและแจ่มใส ได้แก่จิตแห่งสัมโภคกาย ความว่างและ ความสว่างสุกใสหาใช่สิ่งที่แตกต่างกัน ธรรมชาติของความว่างได้แก่ความสุกใส และธรรมชาติของความสุกใสได้แก่คามว่าง บัดนี้ ความว่าง - ความสุกสกาวอันแยกขาดกันไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือจิตอันเปลือยเปล่าได้ถูกเปลื้องออกในที่โล่งแจ้ง และดำรงอยู่ ในสภาวะดั้งเดิม อันได้แก่ สวาภาวิกากาย และพลังอำนาจของมันตามธรรมชาติก็อุบัติในทุกแห่งหนโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง สิ่งนี้ได้แก่ นิรมาณกายอันเปี่ยมด้วยกรุณาคุณ
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยกุล จงยึดเอาหนทางเหล่านี้อย่าแชเชือน ทันทีที่ท่านระลึกได้ ท่านจะเข้าถึงภาวะตรัสรู้อันยิ่งในจตุรกาย อย่าหวั่นไหว เพราะนี้คือเขตแดนแบ่งแยกระหว่างสรรพสิ่ง ผู้ระทมทุกข์และเหล่าพระพุทธองค์ในอดีต มีโศลกกล่าวถึงชั่วขณะนี้ว่า
 
เพียงพริบตา พวกเขาก็แยกออกจากกัน
เพียงพริบตา การตรัสรู้ประจักษ์แจ้งก็บังเกิด
 
" จนถึงยามเมื่อวานนี้ ท่านยังตกอยู่ในความสับสน แม้ว่าเหตุการณ์ในบาร์โดมากมายจักบังเกิดขึ้นท่านก็กลับไม่รับรู้มัน และกลับบังเกิด ความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ถ้าท่านสับสนในตอนนี้พันธะผูกพันแห่งกรุณาคุณจะถูกตัดขาดและท่านจะพลัดตกไปยังสถานที่ที่ไม่มี การปลดปล่อยใด ๆ ดังนั้น จงระแวดระวังให้ดี "
เมื่อได้รับการชี้แนะดังนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ทำการระลึกได้ในก่อนหน้านี้ เขาจะตระหนักรับรู้ได้ในยามนี้เองและเข้าสู่ภาวะวิมุตติสุข แต่หากเขาเป็นปุถุชนผู้ไม่ล่วงรู้ถึงกลวิธีแห่งสมาธิจิตเช่นนี้ ผู้อ่านพึงกล่วถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริสกุล " ถ้าท่านไม่รู้วิธีการทำเพ่งพินิจดังกล่าว จงระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาอย่างยิ่ง พึงยึดท่านเหล่านี้เป็นที่ระลึก แล้วเพ่งพินิจว่าภาพสะท้อนอันแสนน่าสะพรึงกลัว นั้นคือองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า หรือองค์ยิดัมประจำตัวท่าน จงระลึกถึงคุรุของท่านให้ได้ รวมทั้งคำสอนอันลึกลับที่ได้ถ่ายทอดแก่ท่าน ครามีชีวิตอยู่ และกล่าวออกไปแก่ราชันย์ผู้ทรงธรรมพญายมราช แล้วแม้ว่าท่านจะพลัดตกสู่หุบเหวท่านก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย จงระงับความหวาดกลัวและความหวั่นไหวเสีย "
 
เมื่อได้รับการชี้แนะด้วยถ้อยคำดังกล่าวนี้ แม้ว่าผู้ตายจะไม่ได้รับการปลดปล่อยมาก่อนหน้านี้ เขาก็จะได้รับการปลดปล่อยในยามนี้นี่เอง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ที่เขาอาจหลงลืมและไม่ได้รับการปลดปล่อยจากประสบการณ์ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องพยายามอีกครั้ง ดังนั้นผู้อ่านต้องเรียกชื่อผู้้้้ตายอีกครั้ง และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ประสบการณ์ในขณะนี้จะกระชากท่านสู่ภาวะปีติและปวดร้าวสลับไปมาแทบทุกขณะจิต คล้ายดังแรงส่งของกลไกปืน ดังนั้นจงอย่าสร้าง อารมณ์ปรารถนาหรือก้าวร้าวใด ๆ ขึ้นเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านจะได้ไปเกิดยังภูมิชั้นสูง ในขณะที่กำลังจะไปอยู่ในภูมินั้นเอง หากญาติพี่น้องท่านในสถานที่ที่ท่านจากมาได้ทำการบูชายันสัตว์ จำนวนมากเพื่ออุทิศผลให้แก่ผู้ตาย ความคิดอันไม่บริสุทธิ์จะอุบัติขึ้นในตัวท่านและท่านจะรู้โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรงอันจะทำให้ท่านต้อง ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ดังนั้นไม่ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นในที่ที่ท่านจากมา จงอย่ามีความโกรธแค้นเป็นอันขาด แต่จงเน้นสมาธิอยู่แต่ความกรุณา
 
" ถ้าท่านเกิดยึดติดกับทรัพย์สมบัติที่ได้ทิ้งไว้เบื้องหลังหรือเกิดความรู้สึกหวงแหน โดยล่วงรู้มาว่า มีบุคคลอื่นจะได้ครอบครองบ้าน และเสพสุขจากมันแทนท่านแล้ว ท่านเกิดโกรธเกรี้ยวบุคคลที่ท่านได้จากมา แน่นอนว่ามันย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านได้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก หรือเปรตอันหิวโหย แม้ว่าท่านกำลังจะได้ไปเกิดในภพชั้นสูงก็ตาม จำไว้เสมอว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การข้องแวะติดยึดในทรัพย์สมบัติ นั้นไม่มีประโยชน์ เพราะท่านไม่อาจจะครอบครองมันได้อีก จงระงับเสียซึ่งความปรารถนาและไขว่คว้าในทรัพย์สมบัติทั้งปวง จงทิ้งมันไป ทำการตัดสินใจให้แน่วแน่ ไม่ว่าใครจะเป็นของคนต่อไปก็ตามที ปล่อยให้มันดำเนินไปตามครรลอง อย่าหวงแหนอยู่เลย จงทำในใจด้วยจิตเป็นหนึ่งเดียวว่า ท่านกำลังถวายสิ่งเหล่านั้นให้แก่รัตนตรัยและดำรงอยู่ในสภาวะไร้ความปรารถนาใด ๆ
 
" เมื่อพิธีกรรม สำหรับผู้ตายถูกประกอบขึ้นเพื่อท่าน และการชำระล้างต่อภพภูมิอันต่ำช้าถูกจัดทำขึ้นเพื่อท่าน โดยอาศัยประสาทสัมผัส เหนือมนุษย์อันละเอียดอ่อน ที่มีผลจากกรรมของท่านเอง ทำให้ท่านได้แลเห็นว่าพิธีกรรมนั้นทำโดยไม่บริสุทธิ์ เฉื่อยชา ไม่ใส่ใจทำอย่าง ลวก ๆ ปราศจากการอธิษฐาน ท่านจะรับรู้ได้ถึงการขาดศรัทธาและความไม่เชื่อมั่นในในคำสอน แลเห็นถึงอกุศลกรรมที่ทำขึ้นเพราะ ความหวาดกลัว และความมัวหมองแห่งพิธีกรรม ท่านจะคิดว่า ' ดูสิพวกเขากำลังหลอกลวงข้า ฯ ' ความคิดเช่นนี้จะทำให้ท่านเศร้าโศก เสียใจและสิ้นหวังท้อแท้ เมื่อถึงที่สุด ท่านจะไร้ศรัทธาอันบริสุทธิ์ นี้ย่อมเป็นเหตุทำให้ท่านตกไปสู่ภูมิอันต่ำช้า ความคิดเช่นนี้ไม่มีประโยชน์ ใดเลย แต่กลับก่อผลเลวร้ายขึ้นอีก ดังนั้นไม่ว่าพิธีกรรมจะถูกประกอบขึ้นดดยญาติมิตรที่ท่านทิ้งไว้เบื้องหลังจะมีมลทินสักเพียงใด จงครุ่นคิดอย่างเปี่ยมล้นด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่นว่า " ภาพสะท้อนจากจิตของฉัน เป็นของเศร้าหมอง แต่จะมีความเศร้าหมองในถ้อยคำแห่งพระพุทธองค์ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เกิดภาพสะท้อนอันสับสนจากจิตของฉันเอง เปรียบดังแลเห็นความบูดเบี้ยวของใบหน้า ในกระจก อันที่จริงแล้วสำหรับคนเหล่านั้นร่างของเขาคือพระสงฆ์ คำพูดของเขาคือพระธรรม จิตของเขาคือพุทธภาวะ ดังนั้น ข้า ฯ ขอถือเอาเป็นสรณะ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะมีพิธีกรรมเช่นใดประกอบขึ้นเพื่อท่าน มันก็จะช่วยเหลือท่าน เป็นการสำคัญมากที่จะมีความคิดอันบริสุทธิ์เยี่ยงนี้ อย่าลืมเป็นอันขาด
 
" ถ้าท่านกำลังจะไปเกิดในภูมิอันต่ำช้าสามภูมิ และขณะที่ท่านกำลังจะไปอยู่ภูมินั้นเอง ญาติพี่น้องของท่านที่ท่านได้ละทิ้งไว้เบื้องหลัง กำลังประกอบพิธีกรรมทั้งไตรทวารอันได้แก่ กาย วาจา ใจ ดังนั้น ท่านจึงรู้สึกปีติยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อแลเห็นเช่นนั้น นี่จะเป็นเหตุให้ท่าน ได้ไปเกิดในภูมิชั้นสูงทันที แม้ว่าท่านกำลังจะเคลื่อนสู่ภูมิอันต่ำช้าก็ตาม ดังนั้นมันจึงช่วยท่านได้มาก เป็นการสำคัญที่ต้องนำคนให้ปลอดจากความคิดอันมัวหมอง หากให้มีศรัทธาอย่างบริสุทธิ์จริงใจไม่มีเคลือบแฝง จงตั้งใจให้ดี
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงบจนบัดนี้ จิตของท่านได้อยู่ในบาร์โดที่ปราศจากเครื่องพยุงค้ำ ดังนั้นมันจึงบางเบาและแกว่งไกว ไม่ว่าจะมีความคิดเช่นใดอุบัติขึ้น ทั้งดีและชั่วก็ตามมันจะทรมาณมาก ดังนั้นจงอย่าคิดถึงอกุศลกรรม จงระลึกถึงการปฏิบัติธรรม อันบริสุทธิ์ หากท่านไม่เคยฝึกฝนตนมาก่อน จงอุทิศตนอย่างจริงใจ และมีแต่ความคิดอันสว่างไสว จงขอยึดเอาองค์พระอวโลกิเตศวร ราชา และองค์ยิดัมผู้ทรงกรุณาอันไพศาล กล่าวท่องบทสวดอ้อนวอนเพื่อขอกำลังใจด้วยความแน่วแน่อย่างแรงกล้า
 
 
 
 
เมื่อแยกจากมิตรสหายอันเป็นที่รัก
ข้า ฯ เดินทางอย่างร่อนเร่โดดเดี่ยว
รูปลักษณ์อันว่างเปล่าของภาพที่สะท้อนออกจากตัวฉันได้ปรากฏขึ้น
ขอให้เหล่าพระพุทธองค์โปรดแผ่อำนาจแห่งกรุณามาถึง ข้า ฯ ด้วย
เพื่อที่ความน่าสะพรึงกลัวแห่งบาร์โดจะไม่มาสู่ข้า ฯ
เมื่อข้า ฯ ต้องผจญกับอำนาจจากอกุศลกรรม
ขอให้องค์ยิดัมของข้า ฯ ได้ขจัดเสียซึ่งความทุกข์ทรมาณ
เมื่อเสียงแห่งธรรมชาติคำรามขึ้นดังสายฟ้านานานับ
ขอให้มันกลับกลายเป็นเสียงสวดของอักขระหกตัว
เมื่อข้า ฯ ต้องติดตามวิบากกรรมไปโดยปราศจากผุ้ช่วยเหลือ
ขอให้องค์ผู้ทรงกรุณาอันแผ่ไพศาล ( อวโลกิเตศวร )
จงเป็นผู้ช่วยข้า ฯ ให้รอด
เมื่อข้า ฯ ได้ทนทุกข์จากกรรมแห่งอำนาจใฝ่ต่ำโดยไม่รู้สึกตัว
ขอให้สมาธิแห่งความปีติสุขและความสว่างไสวจงอุบัติขึ้น
 
 
 
 
จงสวดมนต์บทนี้อย่างเข้มแข็ง มันจะนำทางท่านในบาร์โด จงเชื่อมั่นในมันว่าจะไม่นำไปสู่ความหลอกลวงหรือล้มเหลว นี้เป็นสิ่งสำคัญมาก "

มดเอ๊กซ:
เมื่อคำชี้แนะเหล่านี้ผ่านไปแล้ว ผู้ตายจะจดจำและระลึกได้ และได้รับการปลดปล่อยในที่สุด แต่แม้นหากผู้ตายจะได้พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า การระลึกได้ก็เป็นของยาก เพราะอิทธิพลจากอกุศลกรรมนานา ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงเรียกชื่อของผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล หากท่านไม่เข้าใจว่าได้บังเกิดสิ่งใดขึ้นแล้ว นับแต่บัดนี้ร่างของท่านในกาลก่อนจะบางเบาลง และร่างของท่าน ในอนาคตเบื้องหน้าจะกระจ่างชัดขึ้น ครั้นแล้วท่านจะรู้สึกเศร้าเสียใจและคิดว่า ' สภาพเช่นนี้ช่างทุกข์ทรมาณนัก ดังนั้นฉันจะแสวงหา ร่างอยู่ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ' ครั้นแล้วท่านจะวิ่งพล่านไปเบื้องหน้า ไปด้านหลัง ไปยังทุกสิ่งที่ปรากฏขึ้น แสงทั้งหกแห่งภูมิทั้งหกจะ ฉายฉานและภูมิที่ท่านจะไปจุติอันเนื่องจากผลกรรมจะฉายฉานสว่างไสวที่สุด
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงฟัง หากท่านจะถามว่า แสงทั้งหกเป็นเช่นใดบ้าง แสงสีขาวคือภูมิแห่งเทพเทวา สีแดงเป็นภูมิแห่งอสูร สีน้ำเงินเป็นภูมิแห่งมนุษย์ สีเขียวเป็นภูมิแห่งเดรัจฉาน สีเหลืองเป็นภูมิแห่งเปรต หมอกควันเป็นภูมิแห่งนรก นี้คือแสงหกประเภท ในเวลานี้ร่างของท่านจะยึดเอาแสงของสถานที่ที่ท่านจะจากไปถือกำเนิด
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในยามนี้แก่นแท้แห่งคำสอนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ว่าแสงจากภูมิใดจะฉายฉาน จงแน่วแน่อยู่ในองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา จงเพ่งพินิจความคิดว่าเมื่อลำแสงปรากฏขึ้น นั่นคือองค์ผู้ทรงไว้ซึ่งมหากรุณา นี้คือประเด็นคำสอนอันลึกซึ้งที่สุด เป็นสิ่งสำคัญยิ่งและป้องกันการเกิดได้
 
" จงเพ่งสมาธิเป็นเวลานานในเทพที่เป็นองค์ยิดัมประจำตนว่าเป็นนิมิตที่ปราศจากธรรมชาติอันแท้จริงในตัวมันเอง เปรียบดังมายา อันมีนามเรียกขานว่า กายมายาอันบริสุทธิ์ ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมปลาสนาการไปจากภายในและพิงพักชั่วขณะในสภาวะสว่างสุกใส ว่างเปล่าซึ่งมิได้ประกอบขึ้นจากสิ่งใด จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้สลับไปมา และภายหลังจากนั้นปล่อยให้ดวงจิตของท่านปลาสนาการไปจาก ภายใน ที่ใดมีอากาศธาตุที่นั้นมีดวงจิตและที่ใดมีดวงจิตที่นั้นมีธรรมกาย ( สภาวะตามธรรมชาติ ) จงพักผ่อนอยู่ในภาวะอันเรียบง่าย และปราศจากตัวตนแห่งธรรมกาย
 
ในสถานการณ์เช่นนี้การเกิดจะถูกขัดขวางและเขาจะกลายเป็นพุทธะผู้ตื่นแล้ว แต่ในบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนมาเพียงเล็กน้อยและต่ำทราม และมิได้เชี่ยวชาญในวิปัสสนาญาณย่อมไม่อาจทำความเข้าใจในสาระสำคัญของคำสอน และจะยังดำรงความสับสนไว้ในตน ออกเร่ร่อน ไปจนถึงทางเข้าแห่งครรภ์มารดร ด้วยเหตุนี้คำแนะนำเพื่อปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้นผู้ประกอบพิธีจึงควรเรียกชื่อ ของผู้ตายและกล่าวถ้อยความต่อไปนี้
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ถ้าท่านไม่อาจระลึกถึงสิ่งที่เกิดก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้สึกว่ากำลังถูกดูดขึ้นลงหรือกวัดแกว่งไปมาโดยอิทธิพลของวิบากกรรม ดังนั้นในเวลานี้จงเพ่งสมาธิไปที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้า และจดจำถ้อยความเหล่านี้ให้จงได้
 
" ต่อจากนี้ ท่านจะได้ประสบกับบรรยากาศอาการดังที่ได้พรรณามาแล้ว ทั้งพายุ ลมกรด พายุหิมะ และพายุจากนรกชั่ว ความมืด จะครอบคลุมในทุกแห่งหน ชายฉกรรจ์จำนวนมากจะออกไล่ล่าท่าน ท่านจะหนีจากเขาพ้นไปได้ บุคคลที่ปราศจากกุศลกรรมจะรู้สึก เหมือนถูกผลักไสไปยังสถานที่อันทุกข์ทรมาณ ในขณะที่บุคคลผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมจะรู้สึกดังได้ประสบกับสถานที่อันเปี่ยมด้วยความสุข
 
" ในเวลานี้ ทายาทแห่งอริยสกุล สัญญาณทั้งปวงแห่งดินแดนและแห่งหนที่ท่านจะไปเกิดจะปรากฏขึ้น ดังนั้นจงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือน มีประเด็นสำคัญอยู่ในคำสอนต่อไปนี้ แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำความเข้าใจในความลับแห่งการระลึกได้มาก่อนก็ตาม และแม้ว่าท่านจะเป็น บุคคลที่มีการฝึกฝนในระดับต่ำ ท่านก็อาจจะได้รับประโยชน์ล้ำค่าในตอนนี้ ดังนั้น ตั้งใจฟังคำข้า ฯ ให้แน่ชัด
 
" ในยามนี้ การปิดหนทางเข้าสู่ครรภ์มารดาเป็นเรื่องสำคัญมาก มีวิธีดำเนินการอยู่สองวิธีด้ยกันคือ หนึ่ง หยุดยั้งบุคคลที่จะล่วงสู่ครรภ์ อุทรเสีย สอง ปิดทางเข้าที่ถูกเลือกเสีย ในตอนนี้ท่านจะได้รับคำสอนที่ใช้ในการหยุดยั้งบุคคลผู้ที่กำลังจะล่วงเข้าไป
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ( ชื่อ ) จงสร้างนิมิตแห่งองค์ยิดัมประจำตนให้แจ่มชัด ทำความตระหนักรู้ว่านั้นคือนิมิตที่ปราศจากแก่นสาร แน่นอนในตัวเอง เปรียบประดุจดังภาพมายาหรือเงาจันทร์ในสายน้ำ ถ้าท่านไม่มีองค์ยิดัมประจำตนให้เพ่งนิมิตที่องค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าแทน สร้างนิมิตให้ใสกระจ่าง ครั้นแล้วจงปล่อยให้องค์ยิดัมนั้นเลือนหายไปในกาย และเพ่งสมาธิจิตไปที่ความสว่างไสวอันว่างเปล่า โดยปราศจากเรื่องราวความคิดใด ๆ นี่คือเคล็ดวิธีอันลึกซึ้ง กล่าวกันว่าโดยอาศัยวิธีนี้ ครรภ์อุทรจะถูกกั้นมิให้ผ่านเข้าไป ดังนั้น จงเพ่งสมาธิเยี่ยงนี้ให้ได้ผล
 
" ทว่า หากวิธีนี้ไม่อาจหยุดยั้งท่านลงได้ และท่านเกือบจะผ่านเข้าสู่ครรภ์อุทรอยู่แล้ว ยังมีคำสอนอันลึกซึ้งที่จะใช้ปิดทางเข้าสู่การเกิดได้ จงฟังตามให้ดี ท่องตามข้า ฯ ถ้อยคำเหล่านี้มีที่มาจาก " วลีสำคัญแห่งบาร์โดสภาวะ "
 
บัดนี้เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้น เบื้องหน้าข้า ฯ
 
ข้า ฯ จะเพ่งจิตแน่วแน่มิหวั่นไหว
และจะวิริยะบากบั่นในการสืบทอดผลจากกุศลกรรม
ปิดเสียซึ่งทางเข้าสู่ครรภ์มารดาและขัดขืน
ยามนี้ ความอดกลั้น และความคิดอันสว่างไสวเป็นที่ต้องการยิ่ง
ข้า ฯ จะละทิ้งความริษยาทั้งปวงลงและเพ่งสมาธิแน่วแน่แต่องค์คุรุและองค์ศักติ ฯ
 
 
จงกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างชัดเจน เพื่อปลุกเร้าความทรงจำ เป็นเรื่องสำคัญมากที่ควรจะกำหนดสมาธิแน่วแน่ที่ความหมายของมัน และนำไปปฏิบัติ

มดเอ๊กซ:
" ความหมายของคำว่า ' บัดนี้ เมื่อบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยนได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าข้า ฯ ' หมายความว่า บัดนี้ท่านเองได้เร่ร่อนอยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน สัญญาณบ่งบอกนั้นได้แก่ ถ้าท่านจ้องมองลงบนผิวน้ำท่านจะไม่แลเห็นตัวท่านเลย อีกทั้งร่างของท่านยัง ปราศจากเงาประจำกาย บัดนี้กายเนื้ออันกอปรด้วยโลหิตและมังสะไม่ได้ดำรงอยู่อีกต่อไป เหลือเพียงแต่สัญญาณแห่งกายทิพย์ที่ร่อนเร่ อยู่ในบาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน ดังนั้นบัดนี้ท่านจะต้องแน่วแน่อยู่ในอารมณ์เป็นหนึ่ง การรวบรวมจิตไปที่จุดเดียวเป็นเรื่องสำคัญมาก เปรียบประดุจดังการควบคุมม้าด้วยบังเหียน หากท่านมุ่งจิตไปยังเรื่องใดมันจะอุบัติเป็นตัวคนขึ้น ดังนั้นจงอย่าพะวงคิดถึงเรื่องราวชั่วร้าย เป็นอันขาด จงระลึกถึงแต่ถ้อยความอันทรงคุณค่า พระธรรมสิ่งที่ได้เล่าเรียนมา รวมทั้งพระสูตร อันทรงคุณานูปการ ตัวอย่างเช่น พระสูตร " วิมุตติโดยการสดับฟัง " เป็นต้น ที่ท่านได้รับการสั่งสอนในโลกมนุษย์ และจงพยายามอิงแอบอยู่กับผลแห่งกรรมดีอันเป็น เรื่องสำคัญมาก อย่าลืมเป็นอันขาด อย่าหวั่นไหวใด ๆ ช่วงเวลาที่แบ่งแยกระหว่างการก้าวขึ้นสู่หรือร่วงหล่นสู่ที่ต่ำได้มาถึงแล้ว หากท่านแค่ได้พลัดหล่นไปในความเกียจคร้านเพียงพริบตา ท่านจะทนทรมาณนานนับกัปกัลป์ แต่หากท่านสามารถสำรวมจิตเป็นหนึ่งได้ ท่านจะมีความสุขตลอดกาล จงเพ่งจิตเป็นหนึ่งเดียวและอิงแอบอยู่ในกุศลกรรม
 
 
บัดนี้เวลาที่จะต้องปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรได้มาถึงแล้ว นี่คือคำสอน
 
จงปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดรและคิดต้านทานขัดขืน
ความพากเพียรวิริยะและความคิดอันประภัสสรเป็นสิ่งสำคัญมาก
 
 
ช่วงเวลาวิกฤตได้มาถึงแล้ว ในชั้นแรกทางเข้าสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลง และมีวิธีการอยู่ห้าประการในการปิดกั้นมัน จงทำความเข้าใจให้ดี
 
 
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล ในเวลานี้ภาพสะท้อนของชายหญิงที่เสพสังวาสกันจะปรากฏขึ้น เมื่อท่านแลเห็นพวกเขา อย่าได้มุ่งเข้าไปเป็นอันขาด ให้ท่านสร้างนิมิตว่า ชายหญิงทั้งคู่นั้นคือตัวแทนแห่งองค์คุรุและองค์ศักติประจำตน ท่านเองจงหมอบกราบทำความเคารพ และถวายเครื่องบูชาด้วยศรัทธาแรงกล้าและขอรับคำสอนสั่ง ขณะที่ท่านตั้งใจแน่วแน่อยู่ในความคิดนี้ ทางผ่านสู่ครรภ์มารดรจะถูกปิดลงเป็นแน่
 
 
" ทว่าหากหนทางนี้ไม่อาจสัมฤทธิ์ผลลงได้ และตัวของท่านจวนจะผ่านไปเกิดแล้ว จงเพ่งสมาธิที่องค์คุรุและศักติว่าคือองค์ยิดัมประจำ ตนท่าน หรือเป็นองค์พระอวโลกิเตศวรเจ้าและชายา ถวายเครื่องบูชาแด่เทพเหล่านี้อย่างเต็มใจ โดยศรัทธาแรงกล้า ท่านจงวอนขอท่านช่วย นำสู่ภาวะตรัสรู้ นี้จะปิดทางเข้าสู่ครรภ์มารดร
 
 
" แต่แม้นว่าหนทางนี้ไม่สัมฤทธิ์ลง และท่านเกือบจะพลัดตกสู่ครรภ์มารดรแล้ว นี่คือคำแนะนำขั้นที่สามเพื่อหันเหจิตใจออกจากความ ปรารถนาและความก้าวร้าว การเกิดนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภทด้วยกัน คือ หนึ่งเกิดจากไข่ สองเกิดจากมดลูก สามเกิดเอง สี่เกิดจาก ความเปียกชื้น ทั้งสี่ประเภทนี้ การเกิดจากไข่และเกิดจากมดลูกนั้นคล้ายคลึงกัน จากนิมิตก่อนหน้านี้ของชายหญิงคู่หนึ่ง หากท่านได้ เข้าสู่มดลูกในช่วงเวลานั้นตามอำนาจความโกรธและความปรารถนา ท่านย่อมไปเกิดเป็นม้า นก สุนัข มนุษย์ และสัตว์อื่น ๆ ไม่ว่าท่าน จะไปเกิดเป็นสัตว์ประเภทใดก็ตามที หากท่านจะถือกำเนิดเป็นบุรุษเพศ ท่านจะรู้สึกว่าตนเองเป็นบุรุษโดยพลันและรู้สึกโกรธเคืองตัวบิดา อย่างรุนแรง และรู้สึกปรารถนาในตัวของมารดา หากท่านจะเกิดเป็นสตรีท่านจะรู้สึกอิจฉาและริษยา อาฆาตต่อมารดา และเกิดคามต้องการ ในตัวบิดาอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้จะชักจูงท่านเข้าสู่ครรภ์มารดร หลังจากนั้นท่านจะรู้สึกเป็นสุขเมื่อเชื้ออสุจิและรังไข่ได้มาประสบรวมตัวกัน ครั้นแล้วท่านจะสิ้นสติไป ไข่อ่อนจะขยายขนาด กลมขึ้น ๆ และก่อตัวเป็นรูปไข่ และในที่สุดเมื่อร่างกายได้เจริญเติบโตเต็มที่ และได้คลอดออกจากครรภ์มารดา ท่านจะเปิดตาออก และกลายร่างเป็นลูกสุนัข จากตอนแรกที่ได้เป็นมนุษย์ บัดนี้ท่านได้กลายเป็นสุนัข เสียแล้ว ดังนั้นท่านจะทนทรมาณอยู่ในกรงขัง หรือในเล้าหมู หรือในรังมด หรือในรูไส้เดือน หรือมิฉะนั้นก็จักถือกำเนิดเป็นวัวหนุ่ม หรือแกะ หรือแพะ ฯลฯ เป็นอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ ไม่ทวนกลับ ท่านจะต้องทนทุกข์นานาชนิด จากลำดับขั้นของความโง่งมอันใหญ่หลวง รวมทั้งอวิชชากล้า การวนเวียนอยู่ในภูมิทั้งหก ทั้งสัตว์นรก เปรต และสัตว์ต่าง ๆ ท่านจะทรมาณโดยความทุกข์นานัปการ ไม่มีสิ่งใดจะน่าหาดกลัวหรือทรงพลังมากไปกว่านี้ บุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้ทำการศึกษาคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งคุรุธรรมย่อมตกลง ไปในหุบเหวแห่งวัฏสงสารตามอาการดังกล่าวนี้ และทนทรมาณเหลือคณานับ เป็นความทุกข์ทนที่ไม่อาจแบกรับได้ ดังนั้นจงฟังถ้อยคำ ของข้า ฯ และทำความเข้าใจให้ได้
 
" บัดนี้คำแนะนำเพื่อปิดเสียซึ่งการเข้าสู่ครรภ์อุทรโดยการผละจากความก้าวร้าวและลุ่มหลงจะได้ส่งผ่านสู่ท่าน โปรดจงฟังให้ดี และทำความเข้าใจให้จงได้ ดังต่อไปนี้
 
จงปิดทางผ่านสู่ครรภ์อุทรเสีย จงคิดขัดขืน บัดนี้เป็นช่วงเวลาที่ความวิริยะพากเพียรและมโนกรรมอันผ่องแผ้วเป็นสิ่งสำคัญ จงละทิ้งความริษยา และเพ่งสมาธิไปยังเหล่าคุรุและองค์ชายา

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ตอบ

Go to full version