มีการเปิดเผยจากเว็บไซต์ในเมืองจีนถึงกรณี 'สาวจีนถ่ายคลิปฆ่ากระต่ายลงอินเตอร์เน็ต' ว่าความจริงแล้วนี่ไม่ใช่เป็นเพียงการทำเพื่อความบันเทิง แต่มันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่พวกสาว ๆ กลุ่มหนึ่งในเมืองจีนถึงกับแสดงพฤติกรรมและถ่ายทำหนังสั้นสุดโต่งเพื่อเงิน ในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีรสนิยมแปลกประหลาดจากต่างชาติ
Crush Fetish : หมวยสุดโฉด เว็บไซต์
China Hush เปิดเผยถึงความจริงเบื้องหลังภาพของการฆ่ากระต่ายอย่างโหดเหี้ยมทารุณในเมืองจีน ว่าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ จากการรวมตัวของหญิงสาวที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า
Crush Fetish ซึ่งสมาชิกในกลุ่มได้ถ่ายทำคลิปวิดีโอการฆ่าสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ตั้งแต่กระต่าย, แมว จนไปถึงสัตว์ปีกด้วยความโหดเหี้ยมทารุณ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การแสวงหากำไร กับการอัดคลิปดังกล่าวลงแผ่น DVD และทำการขายให้กับต่างชาติผู้มีรสนิยมทางเพศอันแปลกประหลาด
โดยก่อนหน้านี้เคยมีภาพคลิปของหญิงกลางคนชาวจีน ที่ฆ่าแมว, กระต่าย และสุนัขด้วยความโหดเหี้ยมทารุณ ซึ่งก็มีการเปิดเผยว่าหญิงเหล่านั้น ก็เป็นสมาชิกของกลุ่ม Crush Fetish ด้วยเช่นเดียวกัน
เว็บไซต์ China Hush ได้ข้อมูลโดยตรง จากคนวงในที่ทราบเรื่องราวของหญิงสาวกลุ่มนี้มาสักระยะแล้ว โดยเขาอ้างว่าได้ติดตามถึงพฤติกรรมต่าง ๆ มาประมาณ 6 เดือน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมด ให้สาธารณะชนทราบ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของ Crush Fetish เป็นไปอย่างลึกลับและเก็บเงียบ การสืบเรื่องจึงก้าวหน้าไปอย่างช้า ๆ กระทั่งล่าสุดเขาถึงได้หลักฐาน เป็นบันทึกการสนทนาทางอินเตอร์เน็ตกับสมาชิกบางคน, รูปถ่าย และคลิปวิดีโอของการทารุณกรรมสัตว์หลากหลายประเภท
ส่วนหนึ่งของบันทึกการสนทนาทางอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้นามแฝงว่า
Sound of Heaven ที่เกี่ยวข้องอยู่กับสาวจีนกลุ่มนี้ ได้เผยถึงจุดมุ่งหมายของพวกเธอ ว่าคือการตอบสนองต่อผู้มีรสนิยมที่แตกต่างเท่านั้น
"กลุ่มคนที่ใช้ชื่อว่า Crush Fetish ไม่ได้ส่งเสริมความรุนแรง และสนับสนุนความรุนแรง หรือการฆาตกรรม แต่นี่คือส่วนหนึ่งของรสนิยมแบบ ซาดิสต์มาโคซิสต์ (SM) สำหรับคนที่พิสมัย กับการเห็นสิ่งมีชีวิตถูกบดขยี้จนตายโดยหญิงสาว ดวงวิญญาณของพวกมันถูกบูชายัญเพื่อเธอ" ซึ่งผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนดังกล่าว ยังอ้างว่าคนที่ต่อต้านเรื่องนี้ รวมถึงต้องการผลักดันกฏหมายต่อต้านการทรมานสัตว์ในประเทศจีน น่าจะเป็นพวกมังสวิรัติมือถือสากปากถือศีล ที่เฉยชาต่อการทารุณสัตว์รูปแบบต่าง ๆ แต่กลับรับไม่ได้กับการกระทำของพวกเขา
อย่างไรก็ตามมีการตอบโต้ในประเด็นนี้ว่า
"เราไม่ใช่มังสวิรัติ แต่สัตว์ที่เป็นอาหารของมนุษย์ควรมีชีวิต และถูกฆ่าด้วยวิถีที่ถูกต้องกว่านี้ นั่นก็คือการตายโดยฉับพลัน, ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่การถูกทารุณ และทรมาน ให้ลมหายใจหมดลงอย่างช้า ๆ ด้วยความเจ็บปวด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาการกินเนื้อไปโจมตีการปกป้องสิทธิ์สัตว์ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ฆ่าสัตว์ด้วยความทรมาน รวมถึงไม่ได้ใช้ความทรมานของพวกมันมาสนองความพึงพอใจส่วนตัว ยิ่งกว่านั้นคนกลุ่มนี้ยังฆ่าสัตว์ด้วยความโหดเหี้ยม เพียงเพื่อแสวงหากำไรจากความเจ็บปวดของพวกมันเท่านั้น" ณ ปัจจุบัน จีนยังไม่มีกฏหมายต่อต้านการทรมานสัตว์ แต่ด้วยเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายเริ่มคิดว่ากฏหมายข้อนี้อาจจำเป็นต่อสังคมจีนแล้ว เพราะมันคือพื้นฐานทางศีลธรรมข้อหนึ่งของมนุษย์
Crush film: ฆ่าเพื่อความบันเทิง การถ่ายทำภาพการ 'ฆ่า' เพื่อเป็นความบันเทิงนั้นไม่ใช่ของใหม่ โดยเฉพาะสำหรับหนังแนวที่เรียกว่า
Snuff Film หรือภาพยนตร์ที่ถ่ายทำภาพการฆาตกรรม สำหรับการขายเพื่อความบันเทิง หรือผลกำไร โดยเป็นภาพของจริงที่ไม่ใช่การแสดง ปราศจากเทคนิคพิเศษทางภาพยนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งผิดกฏหมาย ทำให้โดยมาก Snuff Film จึงเป็นเพียงตำนานเล่าขาน ขณะที่งานส่วนใหญ่ซึ่งถูกเผยแพร่ เป็นเพียงหนังเลียนแบบ หรือ
'Snuff Film เทียม' ที่จำลองภาพการฆ่าขึ้นมา และถ่ายทำให้สมจริงสมจังที่สุดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการฆ่าสัตว์ที่กฏหมายรุนแรงน้อยกว่าการฆาตกรรมมนุษย์ด้วยกัน ซ้ำร้ายยังถือว่าเป็นเรื่องไม่ผิดกฏหมายในประเทศอย่างจีน ก็ทำให้ Snuff Film ของสัตว์ กลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ และเกิดขึ้นในชาติตะวันตกมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เป็นที่รู้จักในนามของ
Animal "Snuff" Films หรือ
Crush film Crush film หมายถึงหนังที่ถ่ายทำภาพการฆ่าสัตว์ ซึ่งไม่ใช่เพียงการฆ่าธรรมดา แต่เป็นการฆ่าด้วยความรุนแรงอย่างสุดโต่ง อาทิ การบีบด้วยมือ หรือกระทืบด้วยเท้า พร้อมบันทึกภาพความเจ็บปวดทรมานก่อนเสียชีวิตของเหล่าเพื่อนร่วมโลกเอาไว้ เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ
หนังประเภทดังกล่าวเป็นงานใต้ดินที่ถูกสร้างเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดทรมานในแบบ
S&M หรือ
ซาดิสต์ แอนด์ มาโคซิสต์ ที่ความตายของสัตว์ บวกกับการถูกทำลายของเส้นแบ่งทางศีลธรรม กลายเป็นเครื่องกระตุ้นต่อความรู้สึกทางเพศ ของผู้มีรสนิยมอันแปลกแตกต่างบางจำพวก
ส่วนใหญ่คลิปลักษณะนี้จะถ่ายทำโดยมีหญิงสาวเป็นผู้ทำทารุณกรรมต่อสัตว์ ขณะที่ผู้ชมซึ่งมีรสนิยมจำพวกนี้ จะจิตนาการตนเองเป็นสัตว์ และสร้างภาพในหัวว่าตัวเองถูกหญิงสาวในคลิปบดบี้ (Crush) จนเสียชีวิตเช่นเดียวกับพวกสัตว์ อันเป็นรสนิยมทางเพศที่เรียกว่า
Crush Fetish กฏหมายต้าน Crush Film ระยะแรกการสร้าง Crush film ทำกันแบบใต้ดิน และไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ โดยหนังถูกจัดประเภทอยู่กับงานในแบบหนังโป๊ฮาร์ดคอร์ประเภทอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อข่าวของ
Crush film เริ่มถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง จึงก่อให้เกิดการประท้วงมากมาย นำมาซึ่งการออกกฏหมายต่อต้านการเผยแพร่ และสร้างสรรค์งานลักษณะนี้
เมื่อปี 1999 รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกกฏหมายที่ชี้ว่า การผลิต, จำหน่าย, เผยแพร่ และครอบครอง Crush film คืออาชญากรรม อย่างไรก็ตามยังมีข้อยกเว้นสำหรับกรณีของ
"กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อทางศาสนา, การเมือง, วิทยาศาสตร์, การศึกษา, การสื่อสารมวลชน, ประวัติศาสตร์ และที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ" ในปี 2008 ศาลสูงของสหรัฐฯ ได้แบนหนังประเภทนี้ โดยชี้ว่าไม่สามารถใช้ข้ออ้างเรื่องสิทธิของการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูณของสหรัฐฯ มาเป็นข้อโต้แย้งได้
ซึ่งกฏหมายในประเด็นนี้ครอบคลุมไปถึงสัตว์ทุกประเภท ทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์ปีก จะยกเว้นก็เพียงแค่สัตว์จำพวกแมลง และสัตว์น้ำบางจำพวกเท่านั้นที่ไม่ได้รับการคุ้มครอง ขณะเดียวกันในอังกฤษ, ออสเตรียเลีย และอีกหลายประเทศก็มีกฏหมายคุ้มครองการทรมานสัตว์เพื่อความบันเทิง และแสวงหากำไรกับงานในแบบ Crush Film เช่นเดียวกัน
เจฟฟ์ วิเลนเซีย ผู้ท้าทายกฏหมาย และประกาศ Crush Fetish เป็นเพียงรสนิยมหาใช่อาชญากรรม ถึงปัจจุบันหนังประเภทนี้ก็ยังถูกผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดทำและเผยแพร่กันแบบใต้ดิน ซึ่งการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ต และกระดานข่าวออนไลน์ กลายเป็นสื่อที่ทำให้เหล่าผู้สร้าง และผู้ชม ที่มีรสนิยมสุดโต่ง ได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะรวมถึงคลิปหนังกัน ซึ่งแม้ต้องทำกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ตามที ยังมีคนทำหนังแนว Crush film ผู้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และผู้กำกับ
เจฟฟ์ วิเลนเซีย ก็คือหนึ่งในนั้น
ผลงานเรื่อง
Smush (1993) ของ วิเลนเซีย เป็นงานที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย รวมถึงได้ฉายในเทศกาลหนังหลาย ๆ แห่ง อย่างไรก็ตามเมื่อกระแสต่อต้านงานแนว Crush film กลายเป็นประเด็นทางสังคม วิเลนเซีย เริ่มถูกโจมตีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขากลายเป็นผู้ต้องหารายแรก ที่ถูกดำเนินคดีในกฏหมายห้ามค้าขาย วิดีโอที่เผยแพร่ภาพการทรมานสัตว์ ภายหลังวิเลนเซียจำหน่ายวิดีโอ Crush Film ที่มีลูกหมาเป็นเหยื่อสนองตอบต่อความบันเทิง
วิเลนเซีย ผู้ยอมรับว่าตนเองมีรสนิยมด้านนี้ตั้งแต่เด็กเมื่อจำความได้ ตอนอายุประมาณ 2 หรือ 3 ขวบแล้ว แสดงเจตจำนงค์ว่าเขายังจะมุ่งมั่นในการเผยแพร่รสนิยมแบบนี้ให้กับคนอื่นต่อไป
"แล้วอุตสาหกรรมหนังสัตว์นั่นล่ะ, ชาวประมงอีก ปศุสัตว์ด้วย?" วิเลนเซีย พยายามโต้ข้อกล่าวหาทั้งหมดว่า ภาพยนตร์ของเขาก็ไม่ได้ผิดปกติแตกต่างอะไรกับการทารุณสัตว์รูปแบบอื่น ๆ
"มันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนัก ที่คุณสามารถฆ่าสัตว์ทุกประเภทได้อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อเป็นอาหาร, แฟชั่น หรือกีฬา แต่เมื่อกระทำเพื่อตอบสนองการกระตุ้นรสนิยมทางเพศ มันกลายเป็นเรื่องผิดไปซะอย่างงั้น" วิเลนเซีย ยังอ้างว่ามีผู้ชื่นชอบหนัง Crush film อยู่ประมาณเกือบ 1,000 คนทั่วโลก เป็นข้อมูลที่เขากะประมาณการจากการติดต่อกับคนเหล่านั้นทางอินเตอร์เน็ต
ถึงจุดสุดยอดเมื่อ 'ตนเอง' ถูกบดขยี้ อย่างไรก็ตามรสนิยม Crush Fetish ไม่ได้หยุดแต่เพียงการใช้สัตว์ตัวเล็ก ๆ เป็นเหยื่อเท่านั้น เพราะผู้มีรสนิยมทางนี้หลายคน เริ่มรู้สึกไม่หนำใจกับการเห็นชีวิตอื่นถูกคร่าไป แต่เลือกที่จะใช้ร่างกายของตนเองไปกับการเสี่ยงถูกบดขยี้แทน
เมื่อปี 1999 มีคดีความเกิดขึ้นที่เมือง โอกีโชบี เคาน์ตี้ เมื่อนาย
ไบรอัน วัย 28 ปี เสียชีวิตอย่างประหลาด โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าเกิดจากพฤติกรรมแปลกประหลาดของ สเตฟานี่ ผู้เป็นภรรยา ที่มีพฤติกรรมฆ่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างกระต่าย และหนู ด้วยการเหยียบย่ำ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศของสามี
โดยในคดีความครั้งนี้ มีการพบศพของเขาในหลุมตื้น ๆ บริเวณบ้าน ซึ่งการเสียชีวิตเกิดจากผู้เป็นภรรยาขับรถสปอร์ตทับไปบนร่างของฝ่ายสามี ซึ่งอยู่ในหลุ่ม ในขั้นตอนของการสอบสวนผู้เป็นภรรยาไม่ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่ให้เหตุผลว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงกิจกรรมทางเพศระหว่างเธอและสามีเท่านั้น โดยที่เธอไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขาให้ตายแต่อย่างใด
สเตฟานี่ แสดงหลักฐานเป็นม้วนเทปวิดีโอ ที่ตนเองฆ่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นข้อยืนยันว่าพฤติกรรมต่าง ๆ ของตนเองเป็นไปเพื่อตอบสนอง และกระตุ้นต่ออารมณ์ทางเพศของผู้เป็นสามี สุดท้าย สเตฟานี่ ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี แต่ศาลให้รอลงอาญาเอาไว้ พร้อมต้องทำงานบริการชุมชนชดใช้ต่อโทษความผิด นอกจากนั้นยังถูกดำเนินคดีความผิดลหุโทษ จากการฆ่าสัตว์หลาย ๆ ประเภทด้วย
รสนิยม และกิจกรรมทางเพศเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล แต่ Crush Fetish และการสร้าง Crush film ที่กิจกรรมทางเพศมีแนวโน้มไปสู่การเบียดบังชีวิตของตนเอง และผู้อื่น กลายเป็นสิ่งยากจะรับได้ของสังคม จึงไม่สามารถนำเรื่องความเป็นส่วนตัวมากล่าวอ้างได้อีกต่อไป http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000165711