ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดประสบการณ์หนี้บัตรเครดิต ชีวิตจริงที่ผิดมากกว่าสองครั้ง  (อ่าน 4696 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เปิดประสบการณ์หนี้บัตรเครดิต ชีวิตจริงที่ผิดมากกว่าสองครั้ง
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 สิงหาคม 2553 17:11 น.
 
ใครหลายคนอยากเป็นคนมี "เครดิต" กับบัตรพลาสติกใบเล็ก ๆ ที่พกแล้วดีมีสิทธิประโยชน์มากมาย แต่เรื่องเล่าของคนที่ผิดพลาดจากการใช้งานบัตรเครดิตก็มีออกมาเตือนใจไม่น้อย จึงไม่แปลกที่จะยกฐานะของบัตรเครดิตมาเปรียบเทียบกับดาบสองคม แถมคมที่อยู่ในด้านมืดของบัตรเครดิตนี้ก็พร้อมจะทำลายผู้ใช้ด้วยความประมาท หรือใช้ด้วยความโลภให้บาดเจ็บเจียนตายได้อย่างง่ายดายเสียด้วย

ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเอก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ผู้ที่ยอมรับว่าชีวิตเขากำลังล้มเหลวว่า เขาเป็นหนึ่งในคนที่หลงใช้ชีวิตผิดพลาด มีหนี้ท่วมตัวจนถึงขั้นล้มละลาย ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่มีชื่อว่า "บัตรเครดิต" โดยคุณเอกเริ่มต้นเรื่องราวของเขาว่า เขามีบัตรเครดิตครั้งแรกตั้งแต่ยังเรียนในระดับอุดมศึกษาอยู่เลยทีเดียว

"ตอนนั้นใช้บัตรเสริมของคุณพ่อ โดยยอดการใช้จ่ายคุณพ่อเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด พี่น้อง 3 คนมีบัตรเสริมกันทุกคน แต่ละคนรูดใช้จ่ายกันอย่างไร ไม่มีใครทราบ สิ้นเดือนคุณพ่อเป็นคนเคลียร์ให้" คุณเอกเล่าย้อนถึงรูปแบบการใช้เงินของตนเองในอดีต

เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรี เขาเข้าทำงานในบริษัทมีชื่อแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่ภูมิใจแก่พ่อแม่เป็นอันมาก ในฐานะที่ลูกชายคนโตได้ดีทั้งด้านการเรียนและการงาน ท่านทั้งสองจึงปล่อยให้เขาบริหารชีวิตด้วยตัวเอง ขณะเดียวกัน ในยุคนั้น บริษัทบัตรเครดิตกำลังเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ เขาตัดสินใจสมัครใช้งาน เพื่อให้มีบัตรเครดิตของตนเอง คุณเอกยอมรับว่า เพื่อน ๆ รุ่นเดียวกันก็ได้รับข้อเสนอดี ๆ จากบริษัทบัตรเครดิตเช่นนี้หลายราย

จากคน ๆ หนึ่งที่เคยใช้แค่บัตรเสริม เมื่อมีบัตรเครดิตใบที่ 1 สถาบันทางการเงินก็เริ่มยื่นข้อเสนอให้เขามีบัตรใบที่สอง สาม สี่ มาเรื่อย ๆ จนถึงวันที่เขาหมดตัวล้มละลายนั้น เขามีบัตรพลาสติกเหล่านี้ในกระเป๋ามากกว่า 10 ใบ คุณเอกเล่าถึงสาเหตุของการวางแผนทางการเงินที่ผิดพลาดว่า นอกจากรูดบัตรแล้ว ยังมีการกดเงินสดออกมาใช้ล่วงหน้า ซึ่งค่าธรรมเนียมของการกดเงินสดเหล่านั้น ทางคุณเอกไม่ได้ศึกษาให้ดีเสียก่อน

"ทางบัตรเครดิตเองก็มีบริการผ่อนชำระ จ่ายแค่ขั้นต่ำของยอดที่ต้องชำระก็ได้ ทำให้ชะล่าใจ จ่ายแค่นิดเดียว พอจ่ายแค่ขั้นต่ำ เงินเดือนที่เหลือเยอะขึ้นก็เลยเอาไปใช้จ่ายมากขึ้น หนี้ก็เริ่มมากขึ้น ๆ ๆ สุดท้ายก็ต้องสมัครบัตรใหม่ เพื่อกดเงินด่วนออกมาจ่ายชำระหนี้บัตรเครดิตใบเก่า เป็นวัฏจักรเช่นนี้ บัตรก็เริ่มมีเยอะขึ้น ๆ จนในที่สุด ยอดหนี้ก็เยอะเกินกว่าที่เงินเดือน ๆ หนึ่งจะสามารถจ่ายได้"

ในเวลานั้น เขาอ้างว่า เหตุที่ใช้เงินเกินตัวเพราะอยู่ระหว่างการสร้างฐานะ และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวของตัวเองด้วยการมีลูกชาย 1 คน ส่วนภรรยาก็ไม่ได้ทำงาน จึงเป็นเหตุให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของครอบครัว เขาต้องรับผิดชอบคนเดียว

เมื่อมีปัญหาทางการเงิน เขาจึงตัดสินใจกลับไปขอความช่วยเหลือจากทางบ้าน แต่ก็ต้องอึ้งเป็นคำรบสอง เมื่อทราบว่า พ่อของเขาซึ่งเคยเป็นหัวหน้าครอบครัวคนเก่ง หาเงินให้ลูก ๆ ใช้จ่ายมาตลอดนั้นก็ประสบปัญหาทางการเงินเช่นเดียวกัน โดยหนี้ที่พ่อของเขาก่อขึ้นนั้น ล้วนมาจากการใช้จ่ายภายในครอบครัวทั้งสิ้น

"มาทราบว่าพ่อเองก็เจอปัญหาเช่นเดียวกัน จนพ่อต้องออกจากงาน และเอาเงินที่เก็บสะสมไว้ตลอดการทำงาน 30 กว่าปีไปใช้หนี้จนหมด ทำให้ย้อนนึกถึงตอนที่เด็ก ๆ ที่เรารูดบัตรพ่อไปใช้ แต่พ่อไม่เคยบ่น ไม่เคยว่า เราจึงไม่รู้เลยว่าพ่อเองก็มีปัญหาทางการเงินเช่นกัน ตอนนี้จึงเท่ากับว่า เราต้องรับผิดชอบทั้งครอบครัวตัวเองและพ่อแม่ เพราะหนี้ของพ่อทำให้เงินเก็บหลังเกษียนหมดลง"

เมื่อไม่สามารถพึ่งครอบครัวได้ คุณเอกจึงตัดสินใจบ่ายหน้าไปหาญาติพี่น้อง โดยเขาได้รับความช่วยเหลือจากคุณลุงผู้เป็นพี่ชายของพ่อ ด้วยคุณลุงท่านนี้เป็นคนที่ค่อนข้างมีหน้าที่การงานมั่นคง อีกทั้งยังเป็นโสด ไม่มีครอบครัว เขาจึงขอหยิบยืมเงินจากคุณลุงจำนวน 1 ล้านบาทเพื่อไปใช้หนี้

แม้คุณเอกจะเล่าว่า เขาต้องยอมให้คุณลุงท่านนี้ดุด่าว่ากล่าวอยู่นานหลายชั่วโมงถึงการบริหารเงินที่ผิดพลาดด้วยความผิดหวัง เพราะเขาเป็นหลานที่คุณลุงรักมาก กว่าที่เขาจะได้รับเงินก้อนนี้มา แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่ก็เป็นวิธีหาเงินที่ง่าย และรวดเร็วที่สุดแล้ว

แต่เงินที่ได้มาง่าย ๆ ก็ไม่ได้สร้างบทเรียนอะไรให้กับชีวิต ....

 
   
 
 
ทันทีที่ได้เงินมา แทนที่เขาจะนำไปจ่ายชำระหนี้ของบัตรเครดิตแต่ละใบให้หมด แล้วเลิกใช้งานบัตรเครดิตเหล่านั้น เริ่มต้นชีวิตใหม่ เขากลับนำเงินบางส่วนมาใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่ยอดหนี้ก็ยังเดินหน้าคิดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

คุณเอกบอกว่า เขารอจนถึงวันครบกำหนดชำระ จึงค่อยไปจ่ายเงิน แต่ทันทีที่จ่ายเงินชำระหนี้ไปแล้ว บัตรเครดิตใบนั้นของเขาก็ประหนึ่งกลับมามีชีวิต เขาสามารถรูด-กดเงินสำรองมาใช้ได้อีกครั้ง!!

เขาทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุด เงิน 1 ล้านบาทที่ได้รับมาก็หมดลง โดยที่หนี้ของเขาไม่ได้หมดตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี หนี้ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาไม่สามารถจะบากหน้ากลับไปหาคุณลุงท่านเดิมได้อีกต่อไปแล้ว เขาจึงมองหาญาติพี่น้องของพ่อคนต่อไป รายแล้วรายเล่า จนทุกคนได้แต่ส่ายหน้าเมื่อเขาและพ่อแวะเวียนไปหา

"หลัง ๆ ไม่มีใครช่วยแล้ว ก็ต้องหาทางช่วยตัวเอง แต่ก็ยังดีที่คุณลุง (คุณลุงท่านแรกที่เคยให้ยืมเงิน 1 ล้านบาท) ยังช่วยค่าใช้จ่ายของพ่อบ้าง ตอนนี้งานที่ทำอยู่ก็ต้องลาออก เพราะบริษัททวงหนี้ได้ทำให้ความน่าเชื่อถือของเราหมดลง คนในองค์กรก็ไม่ยอมรับอีกต่อไป เลยก็ต้องมองหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไปก่อน" คุณเอกเล่า

ส่วนครอบครัวนั้น เขาเล่าว่า กำลังมีปัญหากับภรรยา จากที่ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของภรรยาเชื่อว่าเขาเป็นคนมีฐานะดี มีรายได้สูง จึงตั้งความหวังกับเขาเอาไว้มาก เมื่อทราบความจริงว่า เขาในตอนนี้อยู่ในสภาพเกือบ ๆ จะล้มละลาย เงินไม่มีให้เหมือนเดิม ก็ปฏิบัติต่อเขาเปลี่ยนไป

"ตอนนี้ก็แยกกันอยู่ กลับมาอยู่บ้านพ่อ แล้วให้พ่อช่วยเลี้ยงลูกให้ เงินที่ใช้ก็เป็นของคุณลุง แล้วก็พยายามหางานทำอยู่" คุณเอกยอมรับแบบไม่อาย

หลายคนที่เคยประสบปัญหาทางการเงินเช่นเดียวกับคุณเอก อาจมีทางออกให้กับตัวเอง ทั้งการหักดิบ ตัดบัตรทิ้ง ยกเลิกทุกอย่าง และก้มหน้าก้มตาใช้หนี้จนหนี้หมด จนสามารถเริ่มต้นชีวิตได้ใหม่ แต่สำหรับคุณเอกนั้น แม้ครึ่งชีวิตที่ผ่านมา เขาได้ทำลายมันให้ย่อยยับลงไปจากพฤติกรรมการใช้เงินที่ผิดพลาด ทุกวันนี้ เขาก็ยังไม่แน่ใจกับตัวเองนักว่าจะสามารถเข้าใจ หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินได้หรือไม่

"อยากฝากถึงคนที่เริ่มต้นใช้บัตรเครดิต ขอให้ใช้อย่างระมัดระวัง อย่าคิดว่าจ่ายขั้นต่ำก็พอ เพราะจะทำให้วินัยทางการเงินเราเสีย และอาจส่งผลถึงครอบครัวได้ในที่สุด" คุณเอกกล่าวทิ้งท้าย

 
 


Life & Family - Manager Online -
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
การแก้ไขปัญหาหนี้สิน(Thai Debt Solutions)
ปัญหาหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้เงินกู้นอกระบบ หนี้เงินกู้ในระบบ สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถยนต์ หนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ฯลฯ ย่อมมีทางแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เสมอ อย่ายอมให้ชีวิตต้องอยู่อย่างลำบากเพราะปัญหาหนี้สิน มาหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินกันเพื่อชีวิตที่มีความสุข

26 กุมภาพันธ์ 2009
เมื่อลูกหนี้ต้องไปศาล ยังไงก็ต้องไปศาลอย่านิ่งนอนใจ
 

เมื่อมีหมายศาลส่งมาถึงบ้านแล้ว อย่าทำเพิกเฉย ให้เตรียมตัวไปศาลตามนัดในหมายศาล เหตุผลในการไปศาลคือลูกหนี้ต้องสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิ์และความถูกต้องของตนเอง การที่ลูกหนี้ไม่ไปศาลมีแต่จะเสียเปรียบเจ้าหนี้ทำให้เหตุการณ์แย่หนักกว่าเดิม ให้ลูกหนี้จำไว้เลยว่ายังไงก็ต้องไปศาลอย่าเพิกเฉยเพราะหากลูกหนี้ไม่ไปศาล ศาลจะตัดสินไปตามคำฟ้องที่เจ้าหนี้ยื่นต่อศาล

เมื่อลูกหนี้ได้รับหมายศาล ให้ดูรายละเอียดตามหมายนัดของศาลว่าให้ไปศาลไหน(สถานที่) วัน เวลา ต้องไปให้ถูกต้องตรงวัน ถ้ามีเหตุจำเป็นในวัน-เวลาที่ศาลนัดให้ติดต่อขอเลื่อนการพิจารณาคดีออกไปได้ อย่ากลัวที่จะไปศาล ยอมเสียเวลาไปศาลเพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวลูกหนี้เอง การไปศาลครั้งแรกของลูกหนี้ย่อมมีความวิตกกังวลและกลัว ขอให้รู้ไว้ว่าการไปศาลไม่ใช่เรื่องแปลกโดยเฉพาะการไปศาลตามคดีแพ่ง รับรองว่าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอย่างแน่นอน

ก่อนไปขึ้นศาล ลูกหนี้ต้องทำการบ้านสักนิดคือ ตรวจสอบรายละเอียดและความถูกต้องในหมายศาล นั่นคือสำนวนที่โจทก์(เจ้าหนี้)ฟ้องลูกหนี้ในเรื่องต่อไปนี้คือ คดีความหมดอายุหรือยัง ดูจำนวนเงิน(ยอดหนี้)ที่ฟ้องว่าถูกต้องหรือว่าฟ้องเกินยอดหนี้จริงหรือไม่ ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม เบี้ยปรับต่างๆ ในการที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าที่ตกลงในสัญญาหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ดูว่าสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากมีสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงลูกหนี้มีสิทธิ์ทักท้วงหรือร้องต่อศาลได้ แต่ลูกหนี้จะพูดลอยๆไม่ได้ต้องมีหลักฐานเป็นเอกสารที่น่าเชื่อถือประกอบ การทักท้วงเป็นการยื้อเวลาไปได้อีกนานพอสมควร

วันไปขึ้นศาลให้ทำใจเย็นๆไว้ อย่าลืมนำบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วย ให้ไปก่อนเวลาที่ศาลนัดสักครึ่งชั่วโมงเพื่อไปตรวจสอบว่าคดีของเราอยู่ห้องพิจารณาไหน บัลลังก์ไหน ตึกไหน ชั้นไหน ให้ดูได้ที่ประกาศกระดานนัดโดยถามเจ้าหน้าที่ภายในศาลได้ ถ้าลูกหนี้มีข้อทักท้วงหรือประสงค์จะสู้คดีก็แจ้งต่อศาลได้เลยแต่ต้องมีเหตุผลและหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ หากลูกหนี้ยืนยันจะสู้คดีศาลก็จะเลื่อนสืบพยานออกไปอย่างน้อยก็สามเดือน(บางทีเป็นปีก็มี)

ถึงตรงนี้แล้วก็รอศาลนัดสืบพยานใหม่ ช่วงเวลาที่ลูกหนี้รอจะขึ้นศาลครั้งต่อไปทำให้มีเวลาที่จะเก็บเงินเก็บทองให้ได้สักก้อนเพื่อนำมาเจรจาเพื่อปิดบัญชีแบบมีส่วนลดให้กับลูกหนี้(Hair Cut) หากตกลงกับเจ้าหนี้ได้ก็จบไป แต่ถ้าตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้ก็ว่ากันไปตามกระบวนการและขั้นตอนของศาล ที่สำคัญอย่าลืมว่า ยังไงลูกหนี้ก็ต้องไปศาลเพื่อทักท้วงสิ่งที่ไม่ถูกต้องให้ถูกต้องเพื่อรักษาสิทธิ์ของลูกหนี้ไว้อีกอย่างคือเพื่อยื้อเวลาออกไปอีกสักระยะหนึ่งให้มีเวลาหายใจหายคอและหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สิน(Debt Solution)ในช็อตต่อไป.

ผู้เขียน Choke Chira

ป้ายกำกับ: เมื่อขึ้นศาลเป็นคดีความ


11 กุมภาพันธ์ 2009
ลูกหนี้ถูกฟ้องศาล มีข้อดีอย่างไรกับปัญหาหนี้สินของลูกหนี้
 

ลูกหนี้ถูกเจ้าหนี้ส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาล ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรผ่อนสินค้า หรือเงินด่วน แน่นอนย่อมมีหมายศาลมาถึงบ้าน การที่ลูกหนี้ถูกฟ้องร้องต่อศาลไม่ใช่ว่าจะเลวร้ายมากนัก การที่ปัญหาหนี้สินเดินทางมาจนถึงขั้นฟ้องศาลแล้วก็ยังมีข้อดีอยู่ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากก็คือเป็นการซื้อเวลาได้เป็นอย่างดีเพราะการฟ้องร้องต่อศาลเป็นคดีความทางแพ่งที่มีขั้นตอนและต้องใช้เวลานานพอสมควรอย่างน้อยอาจจะครึ่งปีหรือมากกว่านั้น เวลาที่ได้จากการซื้อเวลานี้หากลูกหนี้รู้จักนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวลูกหนี้เองก็จะทำให้ลูกหนี้มีเวลาตั้งหลักเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยการหยุดคิดแก้ปัญหาหนี้สินและหาเงินมาจ่ายชำระหนี้หรือเก็บรวบรวมเงินสดไว้เพื่อการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้โดยจ่ายครั้งเดียวเพื่อขอปิดบัญชีและขอส่วนลดตามสมควร

เมื่อลูกหนี้ถูกฟ้องศาล เจ้าหนี้จะหยุดการติดตามทวงหนี้ ทำให้ลูกหนี้หายเครียดไปได้สักพักหนึ่ง แต่ลูกหนี้ไม่ควรชะล่าใจ ลูกหนี้ควรใช้เวลาในระหว่างที่เจ้าหนี้กำลังส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาลอยู่ในการเลือกที่จะสู้คดีหรือยอมแพ้โดยไม่ไปศาล ถ้าลูกหนี้นิ่งเฉยต่อหมายเรียกของศาลไม่ไปศาลตามนัดก็เท่ากับยอมแพ้ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้สามารถมัวนิ่มในเรื่องของยอดมูลหนี้ ค่าปรับ ดอกเบี้ยได้ตามสบาย โดยที่ลูกหนี้ต้องยอมรับโดยปริยายเพราะลูกหนี้ไม่ไปศาลตามหมายศาลที่ส่งมา
ลูกหนี้ควรตัดสินใจไปตามหมายศาล เหตุผลที่ต้องไปตามหมายศาลเมื่อถูกฟ้องมีเหตุผลหลายข้อที่เป็นประโยชน์ต่อตัวลูกหนี้เอง แต่ก่อนไปตามนัดตามหมายศาลที่ถูกฟ้องลูกหนี้ต้องทำการบ้านสักหน่อย โดยดูรายละเอียดในหมายศาลที่เจ้าหนี้ส่งฟ้องในเรื่อง อายุความของคดี ยอดมูลหนี้ อัตราดอกเบี้ย ว่าที่เจ้าหนี้ส่งเรื่องฟ้องศาลนั้นถูกต้องหรือไม่ มีช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดอะไรที่พอจะให้ลูกหนี้สามารถโต้แย้งได้บ้าง

ข้อแรกกรณีคดีหนี้สินนั้นขาดอายุความ เช่นหนี้บัตรเครดิต สิ่งสำคัญที่ลูกหนี้บัตรเครดิตไม่ค่อยรู้กันคือเรื่องอายุความ หนี้บัตรเครดิตมีอายุความเพียง 2 ปี นับจากวันที่ลูกหนี้เบี้ยวไม่ยอมจ่าย(ผิดนัดชำระหนี้)ถ้าคดีที่เจ้าหนี้ฟ้องศาลนั้นเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาเกิน 2 ปีแล้วถือว่าคดีขาดอายุความแล้วลูกหนี้มีสิทธิ์ร้องให้ศาลยกฟ้องได้เลย

ข้อต่อมาการไปศาลของลูกหนี้ก็เพื่อทักท้วงความถูกต้องของยอดมูลหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย มีหลายครั้งที่ยอดหนี้ในมูลฟ้องไม่ถูกต้องซึ่งมักจะมากกว่าความเป็นจริง ลูกหนี้มีสิทธิ์ทักท้วงได้แต่ต้องมีหลักฐานการจ่ายชำระซึ่งต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเพื่อนำมายืนยันว่าเจ้าหนี้ลืมบันทึกในระบบทำให้ยอดหนี้สูงกว่าความเป็นจริง

ต่อมาก็เป็นเรื่องของการคิดค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย ฯลฯ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอดังนั้นต้องดูที่ประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยเช่น หนี้บัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ได้ไม่เกินร้อยละ 20 (Effective Rate) โดยรวมค่าปรับ ค่าธรรมเนียมต่างๆแล้ว สินเชื่อเงินสดจะคิดดอกเบี้ยกับลูกหนี้ได้ไม่เกินร้อยละ 28 (Effective Rate) รวมค่าปรับทั้งหลายแล้วเช่นกัน หากรายละเอียดตามหมายศาลมีการคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด(ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย)ก็เป็นสิทธิ์ของลูกหนี้ที่จะทักท้วงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง

การที่ลูกหนี้ถูกฟ้องศาลแล้วไปตามนัด ลูกหนี้สามารถเจรจาขอประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลได้ ทางฝ่ายเจ้าหนี้ย่อมต้องการได้เงินคืน ให้ลูกหนี้ลองเจรจาต่อรองดู(ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว)หากตกลงกันได้จะเป็นผลดีกับทั้งตัวลูกหนี้และเจ้าหนี้ แต่อย่างไรก็ตามขอให้เชื่อว่าการไปศาลของลูกหนี้ดีกว่าไม่ไปศาลอย่างแน่นอน อย่างน้อยการไปศาลและสู้คดีจนถึงที่สุดและกระบวนการทางศาลต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง นั่นคือลูกหนี้สามารถยื้อเวลาออกไปได้นานพอสมควร ช่วงเวลาที่ยื้อออกไปทำให้ลูกหนี้มีโอกาสหาเงิน เก็บเงินเพื่อมาชำระหนี้หรือคิดหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินได้ต่อไป

การถูกฟ้องศาลและไปศาลตามหมายศาลมีข้อดีดังที่กล่าวมาแล้ว หากลูกหนี้ไม่ไปศาลก็จบข่าวเลย ศาลจะตัดสินคดีไปตามคำฟ้องที่เจ้าหนี้ยื่นมาให้ศาล เงินต้น ดอกเบี้ยปรับเท่าไหร่ ลูกหนี้ก็ต้องรับผิดชอบเท่านั้นเพราะลูกหนี้ไม่มาแย้งนั่นเอง เห็นหรือยังว่าการที่ลูกหนี้ถูกฟ้องศาลก็มีข้อดีเหมือนกันนะนี่.

ผู้เขียน Choke Chira

http://thai-debt-solutions.blogspot.com/search/label/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
30 ธันวาคม 2007
เมื่อผิดนัดชำระหนี้....ควรทำอย่างไร?
 

การผิดนัดชำระหนี้เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

ปัญหาเรื่องหนี้สินเกิดขึ้นได้เสมอ หากไม่ระมัดระวัง ขาดการวางแผนที่ดี ปัญหาหนี้สินจะเกิดขึ้นและทำการแก้ไขได้หรือไม่ อยู่ที่การมองปัญหา-ตีโจทย์แตกหรือไม่ว่าปัญหาหนี้สินจริง ๆ แล้วเกิดจากสาเหตุอะไร สิ่งที่จะตามมาเมื่อเกิดปัญหาหนี้สินก็คือ การไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรือ ชำระหนี้สินล่าช้า ปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้เสมอทั้ง ๆ ที่เราวางแผนไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ในบางครั้งอาจเกิดจากเหตุสุดวิสัย ทำให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว เราควรทำอย่างไร


การผิดนัดชำระหนี้ หมายถึงการชำระหนี้ช้ากว่ากำหนด แต่ไม่ได้หมายถึงการไม่จ่าย ดังนั้นถ้าคุณเพิ่งจะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรก ก็อย่าได้ตื่นตกใจจนเกินไป ให้ยึดสุภาษิตที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” ทางฝ่ายเจ้าหนี้เองก็เข้าใจดีในเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย แต่เนื่องจากเป็นความผิดครั้งแรก เจ้าหนี้มักจะไม่ถือเป็นเรื่องสำคัญอะไร ซึ่งเจ้าหนี้จะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นกับลูกหนี้ได้ แต่ถ้าผิดนัดชำระหนี้ครั้งที่ 2 หรือ 3 นี่สิ ทางเจ้าหนี้คงต้องมีการสอบถามจากทางฝ่ายลูกหนี้เพื่อขอเหตุผลที่ฟังได้จากลูกหนี้


ถ้าได้รับคำตอบที่มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอ คุณก็จะได้เป็นลูกหนี้ที่ดีของเจ้าหนี้ต่อไป ดังนั้นการให้เหตุผลในการผิดนัดชำระหนี้ ควรพูดความจริง อย่างตรงไปตรงมาในส่วนที่สมควรเปิดเผย เพื่อให้เจ้าหนี้สบายใจว่า ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ มีความจริงใจและตั้งใจในการให้เจ้าหนี้ได้รับรู้ปัญหา-สาเหตุ ในการผิดนัดชำระหนี้และให้เจ้าหนี้ได้มีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำในการแก้ปัญหานั้น


ถ้าเป็นไปได้ในการชี้แจงเหตุผล ในการผิดนัดชำระหนี้ถ้าคุณมีสิ่งที่จะนำมาเป็นหลักฐานซึ่งอาจจะเป็นเอกสารหรืออะไรก็ตามที่ช่วยยืนยันและสร้างความน่าเชื่อถือในการที่คุณผิดนัดชำระหนี้เป็นเพราะเหตุสุดวิสัย ไม่ได้เป็นความตั้งใจที่จะผิดนัดชำระหนี้


เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ได้โดยหลังจากที่คุณผิดนัดชำระหนี้แล้วคุณสามารถทำให้เจ้าหนี้มีความเชื่อถือคุณได้อยู่ จากการแก้ปัญหาด้วยวิธีข้างต้น ที่สำคัญอย่าลืมว่า เหตุผลในการผิดนัดชำระหนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุด และแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้เจตนาที่จะผิดนัดชำระหนี้ ถ้าทำได้ดังนี้จะทำให้เจ้าหนี้มองข้ามเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของคุณกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปทันที


แต่อย่าลืมว่า การไม่ผิดนัดชำระหนี้โดยจ่ายชำระหนี้ให้ตรงกำหนดจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด.

ผู้เขียน Choke Chira

http://thai-debt-solutions.blogspot.com/2007/12/blog-post_672.html
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มคนเป็นหนี้ทั้งหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ที่เกิดขึ้น ผ่านห้องคนเป็นหนี้ ซึ่งเป็น webboard ของเว็บไซต์ของ www.consumerthai.org ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
จากการนัดพบกันของสมาชิกที่ในห้องคนเป็นหนี้และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจึงคิดว่าควรจะก่อตั้งชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ขึ้น เพื่อ
1. ช่วยสังคม ในกลุ่มของผู้เป็นหนี้
2. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร เสนอแนะวิธีแก้ไขปัญหาหนี้
3. ให้ความรู้ทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
4. สร้างให้เกิดความเป็นธรรม เรื่องดอกเบี้ย วิธีการติดตามหนี้ในเบื้องต้น เผยแพร่ข้อมูลทางเว็บ
รายชื่อคณะกรรมการชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ที่ปรึกษาชมรมฯ 1. คุณอาไพโรจน์
2. คุณอาประพัฒน์
ประธานชมรม คุณสาโรจน์ - คนเคยเป็นหนี้
รองประธาน 1 คุณภรณ์หทัย (ประสานงานกิจกรรมต่างๆ)
รองประธาน 2 คุณวัชร ลำผักกูด
ประชาสัมพันธ์ คุณนนท์ประวิธ - คนเลวของแบงก์ (กิจกรรมและการประชาสัมพันธ์)
ประชาสัมพันธ์ คุณชูชาติ - นกกระจอกเทศ
เหรัญญิก นายสุวิทย์ - (greeny)
เลขานุการ คุณสมหมวย - sunshine
รองเลขานุการ คุณจูเลียต - พอกำก่า
ประสานงาน คุณเอก - เย็นชา/ยองเจ
ประสานงาน คุณสมเดช - คุณหากเป็นหนี้รัก
กรรมการ คุณสมภพ - pattrix
กรรมการ คุณพงษ์กานต์ - ทำงานสถาบันการเงิน
กรรมการ คณอรรถสิทธิ์ - กำลังเครียด
กรรมการ คุณวิลาสินี - คุณเคยเป็นหนี้เหมือนกัน

โทรศัพท์ปรึกษาโดยตรง :
คุณอาไพโรจน์ 0-2331-4727 หรือ 0-70164541กรุณาติดต่อหลัง 1 ทุ่ม
หรือ ตู้ ปณ.11 ปทฝ.งามวงศ์วาน 11001
"ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล" เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เป้าหมายเป็นศูนย์กลางช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของประชาชนที่เกิดจากการเก็บดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม
"ชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล" ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2550 ที่ห้องประชุมชั้น 1 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้ส่วนบุคคลและหนี้บัตรเครดิต ประมาณ 200 คนร่วมเป็นสักขีพยาน
นายสาโรจน์ จิระรรมกูล ประธานชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เปิดเผยว่า กิจกรรมที่สำคัญของชมรมฯ คือการให้คำปรึกษา แนะนำแก่ผู้ที่มีปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ผ่านทางเว็บบอร์ดของชมรมฯ ที่อยู่ภายใต้เว็บไซต์ของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค www.consumerthai.org โดยผู้ที่สนใจสามารถตั้งกระทู้ถามปัญหาหรือแบ่งปันประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล จากนั้นจะมีสมาชิกในชมรมฯ ที่มีประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาหนี้มาช่วยกันตอบคำถาม หรือแสดงความคิดเห็น ซึ่งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ จะถูกเก็บข้อมูลเอาไว้ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาและค้นหาได้ ปัจจุบันมีกระทู้มากกว่า 20,000 กระทู้ และมีสมาชิกชมรมถึง 3,700 คน
นอกจากให้คำปรึกษาปัญหาทางเว็บไซต์แล้ว หากกรณีใดที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ เช่น ต้องการแนวทางต่อสู้คดีในชั้นศาลก็สามารถนัดพบเพื่อขอคำปรึกษาจากทนายความที่ปรึกษาประจำชมรมฯ ได้
นายไพโรจน์ โภคสุวัฒน์ ในฐานะผู้ริเริ่มและที่ปรึกษาชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า ปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้นกับประชาชนในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการทางด้านดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประกาศให้กลุ่มผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non Bank) สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยจากประชาชนได้ถึง 28% ต่อปี ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีอำนาจแล้วไปอาศัยประกาศคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 58 เข้ามาใช้รองรับการประกาศนโยบายของตน ตนเห็นว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากและไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค เพราะในปัจจุบันก็มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องการเก็บดอกเบี้ย พ.ศ.2475 ที่กำหนดให้เก็บดอกเบี้ยได้เพียง 15% ต่อปีอยู่แล้ว และตนก็เห็นว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม แต่ ธปท.กลับไม่ใช้ การปล่อยให้มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ 28% ต่อปี จึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก

http://board.palungjit.com/f6/เปิดประสบการณ์หนี้บัตรเครดิต-ชีวิตจริงที่ผิดมากกว่าสองครั้ง-255354.html
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องบัตรเครดิต ยังมีอีกส่วนที่เกี่ยวข้อง

เรื่องที่เกี่ยวข้องก็คือ เครดิตบูโร

สามารถเข้าไปอ่านได้ที่กระทู้ ระวังถูกหลอกและเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ของใกล้ตัว

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,738.15.html

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ pokerthaiperfectxp

โหขอบคุณมากเลยที่มาเล่าให้ฟัง ต้องระวังแล้วล่ะ
ศูนย์บริการบัตรเครดิตจากหลากหลายสถาบันการเงินชั้นนำ