แสงธรรมนำใจ > วัชรยาน
.......เหนือห้วงมหรรณพ คำสอนธิเบตเพื่อการอยู่และตายอย่างไร้ทุกข์ ( บางส่วน )
มดเอ๊กซ:
สมาธิภาวนา
ถ้าเช่นนั้นสมาธิภาวนาในโซะเชนคืออะไร? มันก็คือการน้อมจิตพักอย่างไม่แส่ส่ายในญาณทัศนะทันทีที่เราได้รับการแนะนำให้รู้จักแล้ว ท่านดูจมรินโปเช อธิบายว่า "สมาธิภาวนาคือการจดจ่ออยู่กับริกปะดังกล่าว ปราศจากซึ่งการปรุงแต่งใดๆของจิต ขณะที่ยังคงผ่อนคลายอย่างเต็มที่โดยไม่มีการฟุ้งซ่านหรือติดยึดใดๆ" มีคำกล่าวว่า "สมาธิภาวนาไม่ใช่สิ่งที่ต้องพยายามทำ หากเป็นสิ่งที่ต้องเข้าไปกลมกลืนอย่างเป็นธรรมชาติ"
ประเด็นสำคัญของสมาธิภาวนาแบบโซะเชนก็คือการทำให้ริกปะ เข้มแข็งและมั่นคง และปล่อยให้มันงอกงามอย่างเต็มที่ จิตปกติและนิสัยเดิมๆ รวมทั้งการส่งออกนอกตัวนั้นมีอานุภาพสูงมาก มันจะกลับมาอยู่เรื่อยๆ และครอบงำเราไว้อย่างง่ายดายเมื่อเราไม่จดจ่อใส่ใจหรือเกิดแส่ส่าย ท่านดูจมรินโปเช มักกล่าวว่า "ปัจจุบันริกปะของเราคล้ายกับเด็กน้อย อยู่ในสนารบที่เต็มไปด้วยความคิดต่างๆผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า" ข้าพเจ้าชอบพูดว่าเราต้องเริ่มด้วยการเลี้ยงดูริกปะของเราราวกับเป็นทารกน้อย โดยให้อยู่ในสภาพแวดล้อมมั่นคงปลอดภัย ซึ่งก็คือสมาธิภาวนา
หากสมาธิภาวนาเป็นแค่การรักษาริกปะให้เป็นกระแสต่อเนื่อง หลังจากได้รับการแนะนำแล้ว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรมันเป็นริกปะ และเมื่อใดไม่ใช่? เมื่อข้าพเจ้าถามท่านดิลโกเคนเซรินโปเช ท่านตอบแบบง่ายๆตามแบบฉบับของท่านว่า "ถ้าเธออยู่ในสภาวะที่ไม่มีวันผันแปร นั่นแหละคือริกปะ" หากเราไม่ควบคุมหรือบงการจิตเลย เพียงแต่น้อมอยู่ในภาวะแห่งความตระหนักรู้ล้วนๆ ที่มีมาแต่เดิม โดยไม่มีอาการผันแปรเลย นั่นคือริกปะ หากยังมีการควบคุมหรือบงการจิตอยู่ นั่นไม่ใช่ริกปะ ริกปะคือภาวะที่ไม่มีความสงสัยอีกต่อไป ไม่มีจิตที่จะัสงสัยด้วยซ้ำ คุณเห็นตรงๆ หากคุณอยู่ในภาวะดังกล่าว ความแน่ใจและมั่นใจอย่างเต็มที่และเป็นธรรมชาติจะบังเกิดขึ้นพร้อมกับริกปะ และนั่นคือคำตอบว่าคุณรู้ได้อย่างไร
มดเอ๊กซ:
"เมื่อยึดมั่นในโพธิจิตเช่นนี้ พระชินบุตรย่อมไม่หวั่นไหว
พึงมีวิริยะอยู่เสมอ โดยไม่ย่อหย่อนจากการปฎิบัติ"
"เมื่อได้ตั้งปณิธานแล้ว หากข้าฯ ไม่ทำ
ย่อมเป็นการหลอกลวงมนุษย์ทุกคน
ข้าฯ จะไปถือชาติไปเกิดใหม่เป็นอะไร"
"หากข้าฯ ได้หลอกลวงสรรพสัตว์
ทั้งที่ได้เชื้อเชิญเขามาด้วยความตั้งใจ
สู่ความเกษมอันหาที่เปรียบมิได้
แล้วข้าฯ จะไปเกิดอย่างเป็นสุขได้ไฉน"
...........ศานติเทวะ
มดเอ๊กซ:
การทำกิจ
เมื่อสามารถน้อมใจอยู่ในกระแสของริกปะ มันก็เริ่มแผ่ซ่านไปในชีวิตประจำวันและการทำกิจของผู้ปฎิบัติ ก่อให้เกิดความมั่นคงและมั่นใจอย่างลึกซึ้ง ท่านดูจมรินโปเชกล่าวว่า
"การทำกิจคือการสังเกตุความคิดของตนอย่างแท้จริง ไม่ว่าคิดดีหรือคิดชั่ว เพ่งพินิจธรรมชาติแท้จริงของความคิดใดๆก็ตามที่อาจเกิดขึ้น ไม่ย้อนกลับไปอดีตหรือเชื้อเชิญอนาคต ไม่ยึดติดกับความดี หรือถูกความเศร้าโศกครอบงำ เมื่อทำดังนี้ เธอก็ได้พยายามเข้าถึงและคงอยู่ในดุลยภาพอันยิ่งใหญ่ ที่ซึ่งความดีและความชั่ว ความสงบและความเครียดไร้ซึ่งตัวตนที่แท้ "
การประจักษ์แจ้งซึ่งญาณทัศนะจะเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของคุณอย่างละเอียดอ่อนแต่สิ้นเชิง นับวันข้าะเจ้ายิ่งตระหนักว่าความคิดและความปรุงแต่งนั้นคือสิ่งที่กีดขวางเรา จากการอยู่ในปรมัตถ์สัจจะอย่างสะดวกดาย ทีนี้ข้าพเจ้าเห็นชัดว่าเหตุใดครูบาอาจารย์ จึงพูดบ่อยๆว่า " อย่าพยายามสร้างความหวังและความกลัวให้มากเกินไป " เพราะมันมีแต่จะทำให้ใจพึมพำพร่ำบ่น เมื่อบังเกิดญาณทัศนะเราจะเห็นความคิดตามที่เป็นจริง นั่นคือ ไม่จีรัง โปร่งใส และเป็นเรื่องสมมติ คุณอาจเห็นทะลุทุกอย่าง ราวกับมีตาเอ็กซเรย์ คุณไม่ติดยึดกับความคิดและอารมณ์ หรือปฎิเสธผลักไสมัน แต่ยินดีต้อนรับมันให้อยู่ในวงแขนของริกปะอันไพศาล สิ่งที่คุณเคยถือเป็นจริงเป็นจัง ไม่ว่าความทะเยอทะยาน แผนการณ์ ความคาดหวัง ความสงสัยและความปราถนา จะไม่ครอบงำทำให้คุณกังวลอีกต่อไป เพราะญาณทัศนะช่วยให้คุณเห็นความไร้สาระ และไร้แก่นสารของมัน และทำให้ใจปลีกไปจากกามอย่างแท้จริง
มดเอ๊กซ:
ท่านดิลโกเคนเซ รินโปเช อธิบายถึงโยคีที่ท่องเที่ยวอยู่ในสวน เขาจะตื่นตัวรับรู้ความสง่างามของดอกไม้อย่างเต็มที่ และชื่นชมสีสัน รูปทรงและกลิ่นของมัน แต่ไม่มีการติดยึดแม้แต่น้อยหรือ "การหวนระลึก" อยู่ในจิตใจ ท่านดูจมรินโปเช กล่าวว่า
"ไม่ว่าจะรับรู้อะไร เธอควรทำตัวคล้ายเด็กน้อยที่เข้าไปในวิหารที่ประดับประดาอย่างงดงาม เด็กน้อยมอง แต่ไม่ติดยึดสิ่งใด ดังนั้นเธอจึงจากทุกสิ่งด้วยความสดชื่น เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา และไม่มัวหมอง เมื่อเธอจากทุกสิ่งโดยปล่อยให้มันอยู่ในสภาพเดิม ทรวดทรงของมันจะไม่เปลี่ยนแปลง สีของมันจะไม่จางหาย และประกายของมันไม่หายไปไหน อะไรก็ตามที่ปรากฏอยู่ไม่ถูกแปดเปื้อนด้วยความติดยึด ดังนั้นสิ่งที่เธอรับรู้ได้บังเกิดเป็นปัญญาอันไร้สิ่งเคลือบคลุมของริกปะ ซึ่งคือความสว่างเรืองและความว่างที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ "
ความมั่นใจ ความพึงพอใจ และความสงบโล่ง พละกำลัง อารมณ์ขันอันลุ่มลึก และความแน่นอนที่เกิดขึ้นจากการประจักษ์แจ้งซึ่งญาณทัศนะแห่งริกปะ โดยตรงคือสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต เป็นบรมสุขซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมไม่มีสิ่งใดทำลายได้ แม้แต่ความตาย ท่านดิลโกเคนเซ รินโปเชกล่าวว่า
" ทันทีที่เธอได้ญาณทัศนะ ถึงแม้มายาภาพของสังสารวัฎจะปรากฎแก่จิตใจของเธอ เธอจะเป็นเหมือนท้องฟ้า เมื่อสายรุ้งปรากฏเบื้องหน้าเธอ ก็มิได้ยินดี และเมื่อเมฆปรากฏขึ้น ก็มิได้ยินร้าย มีความรู้สึกพอใจอย่างลึกซึ้ง เธอหัวเราะอยู่ในใจขณะเห็นโฉมหน้าของสังสารวัฎและนิพพาน ญาณทัศนะจะทำให้เพลิดเพลินเสมอ ด้วยรอยยิ้มน้อยตลอดเวลา "
มดเอ๊กซ:
" เมื่อพระตถาคตเจ้าทรงอุบัติขึ้น
ความศรัทธาการเข้าถึงแห่งการมนุษย์
และตัวข้าฯ ยังพบว่าการสร้างบารมีเป็นสิ่งที่ยากเย็น
แล้วเมื่อใดจึงจะเอาชนะได้เล่า "
" เมื่อข้าฯ มีโอกาสใช้ชีวิตที่สมบูรณ์
แต่ข้าฯ ไม่ประพฤติสิ่งที่สมบูรณ์
แล้วข้าฯ จะทำอะไรได้อีกเล่า
เมื่อต้องตกอยู่ในความสับสนด้วยความทุกข์ในโลกอันต่ำทราม "
..................................ศานติเทวะ.......................................
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version