ผู้เขียน หัวข้อ: ระบบชีวาลัย  (อ่าน 4644 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
ระบบชีวาลัย
« เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 07:34:54 am »


"ระบบชีวาลัย"
//- การมีจุดยืน ของชีวิต

1.อยู่อย่างเป็นทาส กระแสกิเลส ตัณหา อุปทาน
2.อยู่อย่าง ฝืน กระแสกิเลส ตัณหา อุปทาน
3.อยู่อย่าง ประหาร กระแสกิเลส ตัณหาอุปทาน
4.อยู่อย่าง ขี่กิเลสตัณหา อุปทาน ไปทำสิ่งดีๆ

แก่ตน ครอบครัว มนุษย์ สิ่งแวดล้อม ที่ชื่อ

"ระบบชีวาลัย"
//- ชีวิตสั้น เวลาชิวๆมีจำกัด ความสามารถแต่ละคนไม่เท่ากัน



เลือกข้อแรก............... เป็นวิถีปุถุชน
เลือกข้อสอง................ เป็นวิถีนักบวช
เลือกข้อสาม................. เป็นแนวทาง สู่เถรวาท
เลือกข้อสี่.................... เป็นแนวทาง..
.. สู่มหายาน ..

"ใคร่ครวญอย่างรอบคอบ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม"




ที่มา : http://www.212cafe.com/boardvip/view.php?user=cm99&id=1601
อนุโมทนาสาธุค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 19, 2016, 06:59:56 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ระบบชีวาลัย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 08:12:38 am »


//- ความสนใจ ปรากฎการณ์ และคาดการณ์ อนาคต เป็น สิ่งที่ มนุษย์ ล้วนสนใจ
และก็ยังไม่ล้าสมัยว่า มีแนวคิด ดังนี้

1.เป็นเรื่องของ"กรรมเก่า"
แบบข้ามภพชาติ
2.เป็นเรื่องของ"ผู้มีฤทธิ์บรรดาล"
3.เป็นเรื่องบังเอิญ "ไม่มีเหตุผล"
4.เป็นเรื่อง "ปฏิกริยาของธาตุ"
.............................................

//-พระพุทธเจ้า ตอบไว้ ยังไม่เคยล้าสมัย
เป็นเรื่องของ กรรม(การกระทำ)
ผลของการกระทำ(วิบาก)
จากการค้นพบ กฎของการเป็นเหตุ ปัจจัย
สัมพันธ์กัน ต่อเนื่อง จากสิ่งที่ง่ายๆ
กลายเป็นสิ่งที่ซับซ้อน หรือ

อีทัปจยตา "ปฏิจสมุปบาท"
และเอามาพิจารณา การเกิดดับของ
การสร้างบุคลิกภาพ จนเกิดทุกข์
และทำลาย โครงสร้างนี้ ด้วยการ
"คิดแบบใหม่"
และล้างความยึดติดใน

-การบริหารจัดการจิต แบบ คนทั่วไปทำกัน
-เปลี่ยนเทคนิค ใช้สติ ปัญญาฝึกดีแล้ว กุมสภาพจิต
-เปลี่ยนกายภาพ หรือบุคลิกภาพ



จากคนที่ จมในกองทุกข์ เป็นผู้ชนะอุปทานทุกข์
และอยู่เหนือ การปรุงแต่งจิต แบบสร้างทุกข์อย่างถาวร


//-อนาคต มนุษย์จะเป็นเช่นไร
ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ทั้งสี่ประการ ว่า
เราจะเปิดโอกาส ให้ส่วนไหนมามีอิทธิพล

-จากผล การกระทำของ บุพการี
การเลี้ยงดู อบรมยามเยาว์วัย
-จาก กรรมพันธุ์
-จากสิ่งแวดล้อม
-จากการ ฝึกมีสภาพสติ ปัญญา กุมสภาพจิต
ตัดสินใจ อย่างไร? ในขณะนั้น
............................................



//-แต่บางครั้ง เหตุปัจจัยอื่นๆ
ที่ร่วมทักทอ เป็นเหตุเป็นผล มาเสริม

และเกิดการแปรเปลี่ยน ไม่เป็นดังใจ
เราก็ มักคิด ไป แบบ"ฟุ้งซ่าน"
หดหู่น้อยเนื้อต่ำใจ แบบ"จิวยี่" อิๆ


แทนที่จะมองเห็น
"เหตุปัจจัย ที่เราไม่ได้เอามาใส่แต่ต้น ตอนคิด"

//-แต่ถ้าเราคิดว่า "เป็นโอกาส เรี่มต้นพัฒนา"
ท่านอาจ เป็นผู้นำกระแสโลก คนใหม่ก็เป็นได้"
ลองติดตาม เมื่อ กระแสสินค้า แฟชั่น กิมจิ
ไล่ล่า เด็กแซบ สาวสก้อย บ้านเรา ดู อิๆ
........................................

//-ดังนั้นถ้าชอบ
"ข้าขอ ลิขิตชีวิตข้าเอง"
ต้อง
"เกรงใจดินฟ้า"(ผลกรรมดี กรรมชั่ว)ด้วย อิๆ



ขอบพระคุณที่มาจาก : http://www.212cafe.com/boardvip/view.php?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 19, 2016, 07:19:22 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: ระบบชีวาลัย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 09:35:16 pm »
 :13: อนุโมทนาครับพี่แป๋ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ระบบชีวาลัย
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 19, 2016, 07:28:02 pm »


การถ่ายทอด ความรู้ความเข้าใจธรรมชาติ
1.ภาษาธรรม เป็นภาษาหลักการเหตุผล
2.ภาษาอภิจินตนาการเหนือจริง สมมุติตัวตนบุคคล เรื่องราว
3.ภาษาอวจนะภาษา เป็นภาษา ที่ไม่ใช่คำพูดตัวอักษร เช่นท่าทาง ศิลป์
4.ภาษาใจ คนที่ใจเสมอกัน จึงจะเข้าใจกัน
................................................



ธรรมชาติที่เป็นนามธรรม สมมุติเป็นรูปธรรม เพื่อเข้าใจได้
เช่นรูปลักษณ์ พฤติกรรม พระศิวะ หนึ่งในสาม มหาเทพของฮินดู
แปลเป็นภาษาหลักการ เหตุผลได้

ศิวะ................................คือชีวาในชีวิต
มีตาที่สาม.......................มีไฟตะบะ เผา เรื่องไร้สาระออกจากชีวา ในชีวิต
นุ่งหนังเสือ......................อยู่เหนือ สัญชาติญาณ กฎป่า
ตัวเปื้อนฝุ่น......................อยู่กับโลกธรรม แต่โลกธรรมแปด ไม่อาจย้อมจิตให้แปดเปื้อน



พระศอดำ........................พิษของโลก รู้ แต่ไม่ได้ยึดติด
มีงูเป็นสังวาล...................ความรู้มีไว้ประดับตน ไม่ได้มีไว้ ทำร้าย ทำลายใคร
มีหัวกะโหลกเป็นสร้อยคอ..สติรู้ว่า ชีวิตเป็นขันธุ์ห้า(คอมพิวเตอร์ที่มีชีวิต)
มีปิ่นจันทร์ประดับ..............รู้กาล จังหวะ เวลาที่ ทำใจได้ เมื่อขึ้น และลง
มีพระแม่คงคาอยู่บนมวยผม....มหาเมตตา กรุณา น้ำใจ ไม่เคยขาดจากชีวิต



มีตรีศูล ห้อยกลองสองหน้า.....ไม่คำนึงอดีตด้วยอาลัย ไม่กังวลอนาคตที่มาไม่ถึง
มีสติ พร้อมในทุกปัจจุบัน
มีโคนนทิ เป็นพาหนะ.............นนทิเป็นลูกพระศิวะที่เกิดจากแม่โคสุรภี
ที่เป็นหนึ่งในของวิเศษ ตอนกวนน้ำในเกษรสมุทร
คือสัญญาลักษณ์ ความอุดมสมบูรณ์(กิ๋นบ่เสี้ยง) ปัญญาที่รู้จัก พัฒนาเชิงอนุรักษ์ยั่งยืน
นนทิ ปกติจะเป็นผู้ตีกลอง ให้จังหวะ เมื่อ พระศิวะ เริงระบำ
และจะเป็นโคขาว ให้พระศิวะขี่ เวลาเดินทาง
มีพระแม่อุมา เป็นเทวี พระนามเดิมคือสตี คือ...มีสติในทางกล้าหาญ
มีขันธ์กุมาร ปราบอสูรที่นำความแห้งแล้ง
มีพระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งปัญญา
มีศิวะลึงค์ คือมีหลัก ที่เป็นกฎธรรมชาติ
..........................



ใครเคยคิดว่า วัฒนธรรมภารตะ แบบฮินดู โง่งม คิดใหม่เด้อ อิๆ
"โอมนมัสชีวา"
ทั้งหมดคือ มีชีวาในชีวิตนะ
ใครทำชีวาในชีวิตหายบ่อยๆ ชีวิตเกิดมา ขาดทุนความปิติสุข สาธุ
....................

การเข้าใจธรรมชาติ
1.โดยวิธีวิทยาศาสตร์
2.โดยจินตนาการผ่าน วัฒนธรรมมนุษย์
3.โดยการ เพ่งลงมาที่"จิต"ตนเอง
ในที่สุด เราอาจพบ สัจธรรมด้วยตนเอง
........................................



เมื่อกองทัพกรีก ของอเล็กซานเดอร์มหาราช บุกมาถึง ลุ่มแม่น้ำสินธุ
นำ ปรัชญา เหตุผล ....และเทวะนิยม มาด้วย
อินเดีย ต้องปรับ วัฒนธรรมตน ตั้งรับ เพื่อไม่ให้ วัฒนธรรมตนถูกกลืนกิน
พรามหณ์....จึงต้อง สร้างคัมภีร์ใหม่ อุปนิษัท..."จับเข่าคุยกัน"
มหาเทพ สามองค์ที่แต่ละเผ่านับถือ มารวมเป็นหนึ่ง"ตรีมูรติ"
พุทธ ก็ต้อง กลายเป็น"เทวะนิยม เต็มรูปแบบ" ในนาม มหายาน
.........................................



แต่ ฮินดูก็ยอมรับว่า พระศิวะ เป็น จ้าวโลกที่แท้จริง
มีศิวะลึงค์ เป็นประจักษ์พยาน อิๆ
......................................

รูปลักษณ์ของพระองค์แปล เป็นภาษา เหตุผล ได้
1.นุ่งหนังเสือ
อย่าให้สัญชาติญาณดิบใหญ่กว่าตนเอง
2.ตัวเปื้อนฝุ่น สุขวัตร
กระแส ความชั่วร้ายใด้ๆที่วัฒนธรรมโลกสร้างขึ้น
ไม่อาจซึมเข้าไปทำลายหลักชีวาในชีวิตได้
3.สร้อยสังวาล เป็นกระโหลกมนุษย์
อุปทานในขันธุ์ห้า ใครยึดไว้ทุกข์ ทันที
4.มีพระจันทร์เป็นเครื่องประดับ
รู้กาละ เร็ว ช้า หนัก เบา
5.มีพระแม่คงคา อยู่ข้างบน
มหาเมตตา จนอภัยให้ความไม่รู้ ของตน และผู้อื่นเสมอกัน



6.มีสังวาลเป็นงู
ความรู้ มีไว้ประดับตน หากไม่ควบคุมก็จะไปกับตน ผู้อื่น
7. มีตรีศูล เป็นอาวุธ
กฎธรรมดา อนิจจัง ทุกขขังอนัตตา ใครก็ไม่รอด
8.มีกลอง สองหน้า
ให้นนทิ คอย ให้จังหวะ ชีวิต และจักรวาล
ลองให้อีเล็กตรอน เคลื่อนไหว ไม่เป็นจังหวะ จักรวาลล่มสลายแน่นอน
9.เป็นเจ้าแห่งภูเขา
ความหนักแน่นมั่นนคง จิต ดังภูผา

10.เป็นเจ้าแห่งสายฟ้า
จิตแผลเก่า...ฝึกย่อมว่องไวดุจสายฟ้า
...และกลายเป็นเพชร อันงาม...เหนือดอกบัวที่เบิกบาน..คือที่สุดของ"จิต"
11.มีตาที่สาม
เป็นตาไฟบัลลัย์กัลป์ ล้างสามโลก และจักรวาลได้
ไฟที่ควรบูชา คือไฟของ สติปัญญา ไฟตะบะที่เพียรเผากิเลส สาธุ
12.มีพระศอ ดำ ไหม้เพราะ ดื่มพิษโลก ตอนกวนน้ำอมฤต
ทุกอย่างในโลก มีให้"ชิม" ใครกิน(มีอุปาทาน) ถึงตาย
.......................................


ใครจะไหว้พระองค์ คิดแบบเหตุผลด้วยเด้อ..จะได้ไม่งมงาย สาธุ
โอม นมัส ชีวา

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):
https://www.youtube.com/watch?v=lBvtXFjXQ7o

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ระบบชีวาลัย
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 10, 2016, 06:47:55 am »


Suraphol Kruasuwan
Shared publicly  -  Apr 8, 2016
Good morning
หรรษา มีชีวาในชีวิต กับวันอันยอดเยี่ยมนะครับ
 
สุขภาพที่พอดี คือเรื่องหมกมุ่นที่สาม
1.น้ำ
2.เวลา
3.สุขภาพ

"การไม่เบียดเบียน เป็นสุขในโลก
สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ
อิ่มใจในกุศลทุกขณะจิต คือยอดทรัพย์
มีมิตรอุปการะ เป็นยิ่งกว่าญาติ
ฉลาด ทำจิต ให้ สงบ แจ่มใสไร้ อุปาทาน คือยอดบรมธรรมฯ
............................................

"สุขภาพ จริงๆหมายถึง.....ความสามารถปรับตัว รักษาอารมณ์สุข"
............................................
เพราะยิ่งแก่ ถ้าไม่วางแผนปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ชีวิตสู่ทางที่เป็นมงคลชีวิต
เราก็จะตกเป็นทาส"อารมณ์ซึมเศร้า"
โดยจะมีความคิด นำสู่อารมณ์
หดหู่ ฟุ่งซ่าน ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำแค้น
ย้ำรัก ย้ำหลง ย้ำเสียดาย
แถมอิจฉา บ้าอำนาจฉลาดโกง ใช้อำนาจเงินเบียดเบียนโลก ธรรม
กลายเป็นเปรต เป็นผีเร่ร่อน ไปในภพภูมิต่างๆในใจฯไม่รู้จักเย็น
..........................................

1.ร่างกาย คิดสร้างให้กระดูกแข็งแรง แต่ไม่ต้องถึงกับขัดมัน
กล้ามเนื้อ สร้างกล้ามเนื้ออดทน ยืดหยุ่น
มาแทนกล้ามเนื้อแข็งแรง ด้วยการแบ่งเวลาบริหารทุกอริยาบท

2.จิตใจ
ประกอบด้วย สติ ปัญญา อารมณ์ดีๆ มีวิสัยทัศน์เห็นโลก ธรรม
ต้องปลุกโพธิจิต(ปรีชาญาณฉลาดเลือก) ให้ตื่น
มาควบคุมอธิจิต(จิตปรุงแต่ง) ให้ อิ่มในกุศล
ลด ละ เลิก ในสิ่งที่เคยติด เคยพยาบาท เคยเบียดเบียน ประจำ
และสุขจาก หิตายะสุขายะ แบ่งปันให้ความสุขชีวิตรอบข้าง

3.สังคม
เลิกมั่วสุม ชูงวง สร้างวาทะที่นำไปสู่ความขัดแย้ง
จูงคนไปขวิดกัน เพราะคันปาก มีขวานในปาก เป็นนักพ่นไฟ
และทำตัวเป็นต้นไม้ที่ดี ให้ร่มเงา ดอกผล
และตะเกียงที่แสงสว่าง ส่องทางชีวิตตนและ คนรุ่นต่อไป
ใฝ่รู้ใฝ่เรียนทั้งสหวิชาการ และวิชชานำทางชีวิต ผู้คน

4.สิ่งแวดล้อม
ช่วยกันรัก รักษ์ระบบชีวาลัย ของโลกที่ลอยอยู่ในอวกาศ
เพราะโลกเป็นยานอวกาศมหัศจรรย์ ที่ไม่ใช่เกิดขึ้นง่ายๆ

5.จักรวาล
ธาตุรู้...............................สร้างตัวรู้
ตัวรู้กิน.............................ความรู้
รู้ถึงที่สุด...........................ผู้รู้ก็ตื่น
ผู้รู้ตื่น สติปัญญา เมตตา.....ก็เจริญงอดงาม เบิกบาน
และ.................................กลับไปสู่ธาตุรู้ อย่าง สงบเย็นฯ
..................................................


สุขภาพ กาย จิต สังคม สิ่งแวดล้อม จักรวาล
เป็นหน้าที่ ที่เราต้องทำ เพื่อได้มาซึ่ง
"สุขภาพดี คือลาภอันประเสริฐ" สาธุ
(ขอบคุณเจ้าของภาพครับผม)

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):




Suraphol KruasuwanOWNER
การสนทนา  -   7 July 2016 - 7:01 AM
 
ปรัชญา
ปรัชญา มีหลายหลากความหมาย
1.ถ้าในมุมมองคนยุโรป เริ่มต้นที่กรีก
คือ"ความรักในความรู้""รักที่จะแสวงหาความรู้ยิ่ง"
Philosophy

2.มาจากอินเดีย
เป็นหลักของชีวิตที่เดียว ไม่ได้หวังผล สักแต่ว่ารู้จำ
จะหมายถึง ทฤษฎี ลัทธิ ศาสนา ที่เป็น
หลักรู้ หลักคิด หลักปฏิบัติ ให้เกิดแสงสว่างนำทางชีวิต มีสองหลัก
-แสงสว่างส่องภายนอก คือวิชา สหวิชาการทั้งหลาย
ให้เห็นปรากฎการณ์ สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม
เพื่อเข้าใจ ปรับตัวอยู่ร่วมอยู่รอด ในโลกที่แข่งขัน สุขจากการเสพ
ครอบครอง แบ้งปัน(สำหรับผู้มีจิตสูงส่ง)
-แสงสว่างภายใน คือวิชชา
ปลุกสติปัญญาตื่น ยามสัมผัสกระแสโลก ธรรม ที่ทำงานในจิตตนเอง
แสงสว่างส่องเห็นปรากฎการณ์การทำงานของจิตปรุงแต่ง
และเปลี่ยนแปลง สู่จิตที่ดีกว่า ประเสริฐกว่า
สูงสุดคือ อิสระภาพจาก อุปทานทุกข์

2.1 ทุกข์อันเกิดจาก สภาวะทุกข์ โดยมีกฏไตรลักษ์กำกับ
2.2 ทุกข์อันเกิดจาก เวทนาทุกข์ ด้วยการฝึกฝนทักษะ ความอดทันพันเท่า
2.3 ทุกข์อันเกิดจาก อารมณ์ทุกทุกข์ ที่จิตสำนึกปรุงแต่ง
จากความคิด อารมณ์ อุดมคติ ความรู้ ความอยาก สัญชาญญาณดิบ
เป็นบุคลิกภาพภายใน(กรัชกาย) ต่างๆ จากอบาย มนุษย์ เทพ พรหม อริยะ
หมุนเวียน เกิด ดับ เข้าครองกายหยาบ วันละหลายแสนรอบ

จนเมื่อสัมมาสติโพธิปัญญาตื่น มากุมสภาพจิตปรุงแต่ง
และล้างขยะปรุงแต่งอื่นๆ ในจิตใต้สำนึกสิ้น
จิตก็จะ สว่าง เบิกบาน มั่นคง มีคุณภาพ
ฉลาดเลือก ทำแต่สิ่งที่ให้คุณ แก่ตน ครอบครัว สังคม สิ่งแวดล้อม
ก็จะ"ทำหน้าที่ ดีที่สุดเท่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์"
ที่เป็นส่วนหนึ่งของ วิวัฒนาการ ของระบบชีวาลัยนี้
สาธุ
............................

Suraphol Kruasuwan originally shared to
Philosophy and healthy ปรัชญา และสุขภาพดี (การสนทนา):



Originally shared by Suraphol Kruasuwan

ตำนานฮินดู เมื่อโลกถูกสร้างใหม่ หลังจากพินาศ
เพราะ เมื่ออธรรมครองโลกหมดแล้ว
พระศิวะจะเปิดตาที่สาม
เกิดเป็นไฟบรรลัยกัลป์
หล่อหลอม ทุกสิ่ง ทั้งรูปธรรม นามธรรม
พร ทิพย์ เวทย์ ธรรม สรรพวิญญาณ
กลายเป็น ไข่ทองใบหนึ่งผ่านไปหลายชั่วกัปป์
ไข่ทอง ได้แยกเป็นสองส่วน
ธาตุเบาสว่างลอยขึ้น ธาตุหนักทึบจมลง

พระนารายณ์ บรรทมอยู่ และฝันไป
ความฝัน เกิดดอกบัวที่สะดือ กลางดอกบัว พระพรหม เกิดขึ้น
อยู่เดียวดาย จึงเนรมิตร นางร้อยรูป มาเป็นคู่ใจ
เพื่อเอาใจ ไม่ว่านางจะไปไหน
พระพรหม ก็ตามไป เนรมิตสิ่งต่างๆที่นางชอบ
วันหนึ่ง นางอยากจะมี พื้นที่ส่วนตัว พระพรหมจึงสร้างแผ่นดินโลก
กลางมหาสมุทรใหญ่ แผ่นดินโลก เกิดใหม่ มีกลิ่นหอม ดังนมที่ถูกเคี่ยว
หรือเป็น"ง้วนดิน" เหล่าเทวดา พรหม ต่างมาเที่ยวเล่น

พรหมอาภัสรา(มีแสงสว่างงดงาม) หมู่หนึ่ง
ลงมา ทนกลิ่นง้วนดิน ไปไหว จึงลองชิม
ร่างกายเกิดกายหยาบ เหาะกลับวิมานไม่ได้
จึงติดอยู่ในโลก พระมนู ที่เป็นบรรพบรุษ อาภัสราพรหม
จึง เนรมิตร ปัจจัยสี่ ให้ มนุษย์โลก ได้ยังชีพ และสอนให้มีคุณธรรม
เพื่อวิญาณ จะได้กลับคืนสู่วิมาน
เมื่อ มนุษย์ตาย วิญญาณได้ไปเกิด เป็น แทบทุกสิ่ง ในโลก
โดยไม่มีโอกาส กลับวิมาน
วนเวียนในวัฎฏะสังสาร ตกในห้วงมหรรนพ ไม่มีทางออก
พระมนู จึงเนรมิตร นกแก้ว มาสอน วิชาแห่งความรัก
และมนุษย์จึงเสพสม มีลูกหลาน และบอกลูกหลาน
ให้ชำระจิตวิญญาณ ให้บริสุทธิ เพื่อกลับสู่บ้านเกิด


ดังนั้น นกแก้ว และ สรรพน้องนก
คือ อาจารย์ พวกเราเด้อ 55555+
.........................................

และพวกเรา และจักรวาล คือความฝัน(มายา)
ของพระนารายณ์ ช่วงสร้างโลก
กุศลธรรมะสามส่วน อธรรม หรือ อธรรมหนึ่งส่วน ครองจักรวาล
เวลาผ่านไป อธรรมจะครอบงำ
จิตวิญญาณมนุษย์ มากขึ้น กุศลธรรมจะลดลง
ปัจจุบัน กุศลธรรมมีเพียงหนึ่งส่วน อกุศลมีสามส่วน
และ อกุศลก็ ยึดครองจิตวิญญาณมนุษย์และจักรวาล
จนสิ้น กุศล พระศิวะ ก็จะมาเปิดตาที่สามล้าง จักรวาล สร้างใหม่
มันเป็นเช่นนั้นเอง
......................................................

มนุษย์ เป็นบุตรพระมนู ผู้มีใจสูงส่ง ในร่างเดียรัจฉาน
เราจึง กิน นอน ถ่าย กลัวภัย สืบพันธุ์ เช่นเดียรัจฉาน
แต่จิตวิญญาณดั่งเดิม เราเป็น อาภัสราพรหม
พรหมผู้มีแสงสว่างอันงดงาม อันหาประมาณมิได้
เราจะเปล่งแสงสว่าง แห่งจิตวิญญาณ
หรือหลับ อยู่ในธาตุหนัก จนวันสิ้นโลก
อยู่ที่การกระทำ(กรรม)ที่เรามีเจตนาสร้างเอง
"ดีชั่ว...........................ตัวทำ
สูง ต่ำ..........................ทำตัวเอง"
ขอบคุณเจ้าของคลิป เรื่องราว และผู้ชมทุกท่าน ครับผม สาธุ
..
..


Originally shared by Suraphol Kruasuwan
4 พ.ย.2015
ท่ารำของพระศิวะ..มี 108 เท่ากับ
1.มีวิธี 108 ของจิต ในการจัดการกับ
ตัณหา 108 .....
2.มีท่าทางพิชิตชัย ในการต่อสู้ทางกายภาพ 108ท่า
3.คนที่ฉลาด ย่อมเห็น คุณค่า ในสิ่งที่ทุกสิ่ง สาธุ
""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
นาฏราช (Nataraja) หรือพระศิวะในฐานะของบรมครูองค์แรกแห่งการร่ายรำ
พระหัตถ์ขวาด้านบน ทรงถือกลองรูปร่างคล้ายๆ นาฬิกาทราย (เอวคอด)
กลองเล็กๆ ใบนี้ให้จังหวะประกอบการฟ้อนรำของพระศิวะ
และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เสียงกลองเป็นสัญลักษณ์แทนธาตุแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในจักรวาล
นั่นคือ กลองเป็นสัญลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทั้งมวล
พระหัตถ์ซ้ายด้านบน ถืออัคนี อันเป็นสัญลักษณ์แห่งการทำลายล้าง

โดยคำว่า ทำลายล้าง ในที่นี้ หมายถึง ล้างความชั่ว ล้างอวิชชา ให้หมดไป
เพื่อเปิดทางการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่
พระกรและพระหัตถ์คู่ซ้าย-ขวา ซึ่งแทนการสร้างสรรค์และการทำลายล้างนี้
กางออกไปในระดับเสมอกัน อันบ่งบอกถึงความหมายที่ว่า
"มีเกิด ก็ย่อมมีดับ" นั่นเอง

พระหัตถ์ขวาด้านล่างแบออก เรียกว่า ปางอภัย (abhaya pose)
ซึ่งมีความหมายว่า "จงอย่าได้กลัวเลย" (do not fear)
เพราะไม่มีภัยใดๆ จะมากล้ำกลาย ท่านี้บ่งว่าพระศิวะเป็นผู้ปกป้องอีกด้วย
ส่วนพระกรซ้ายด้านล่างพาดขวางลำตัวระดับอก
ในลักษณะคล้ายๆ งวงช้าง ซึ่งบางคนตีความว่า เป็นงวงของพระคเณศ
เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ และเป็นบุตรของพระศิวะอีกต่างหาก

ปลายนิ้วของพระกรที่เป็นงวงช้างนี้ชี้ไปที่พระบาทซ้ายที่ยกขึ้น มาจากพื้น
ก็ตีความกันว่า พระบาทที่ยกขึ้นมานี้บ่งถึงการหลุดพ้นจากวัฏสงสาร
ส่วนพระบาทขวานั้นเหยียบอยู่บนอสูรมูลาคนี
ซึ่งเป็นตัวแทนของอวิชชา
เมื่ออวิชชาถูก 'เหยียบ' ไม่ให้โผล่ขึ้นมาบดบังความจริง

ความรู้แจ้ง (วิชชา) ก็จะปรากฏขึ้นนั่นเอง
วงกลมๆ ที่ล้อมพระศิวะอยู่ก็คือ ขอบเขตแห่งการร่ายรำ
อันเป็นตัวแทนของจักรวาลทั้งมวล โดยมีขอบด้านนอกเป็นเปลวไฟ
และมีขอบด้านในเป็นน้ำในมหาสมุทร
พระศิวะในปางนาฏราชนี้ยังแสดงคู่ตรงกันข้ามกันเช่น กลอง = สร้าง vs ไฟ = ทำลาย

แม้พระศิวะจะร่ายรำ ขยับมือ ขยับเท้าและแขนขาอย่างต่อเนื่อง
แต่พระพักตร์กลับสงบนิ่งเฉย เหมือนไร้ความรู้สึก
ซึ่งเป็นเสมือนการสอนว่า การเกิด-ดับของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่โดยตลอด
พระเกศาของพระศิวะยาวสยาย ปลิวสะบัดยื่นออกไปทั้งซ้ายขวา
เป็นสัญลักษณ์แทนผู้ละทิ้งชีวิตทางโลก
แต่ก็มีพระคงคาและพระจันทร์เสี้ยวอนเป็นสัญญลักษณ์แห่งเทพสตรีประดับอยู่ด้วย

"เพื่อความเข้าใจอันดี ของ ลัทธิเพื่อนร่วมโลกย์ " สาธุ
"โอม นมัส ชีวา"

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 30, 2017, 11:18:10 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ระบบชีวาลัย
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2017, 04:10:06 pm »


มุมกาแฟ 3/11/17
ยาว แต่ดี สำหรับ
วันลอยกระทง
กระทงหลงทาง 55555+
คงคา
พระแม่คงคา มหาเทวีจากสวรรค์
ผู้นำคงคาสวรรค์ ลงสู่โลกมนุษย์
เป็น แม่น้ำแห่งการชำระบาป
จาก วรรณกรรม มหาภารตะ
มาถึงประเพณี ลอยกระทง
เพื่อขอขมา ต่อ สายน้ำที่ให้ ก่อเกื้อ ทุกสรรพชีวิต
และบูชา รอยพระบาท พุทธเจ้า ในใต้สมุทร
และ นางนพมาศ ของเรา
เป็นหนึ่งในประเพณีแสดง หลักกัตญญูกตเวที
ของสยามชน และชนในภูมืภาคเอเชียอาคเณย์
......................................

1.เพื่อป้องกัน วัฒนธรรมกรีก
ที่มากับกองทัพ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
กลืนกิน วัฒนธรรมชมพูทวีป
หลังพุทธกาล พศ. 200กว่า

พราหมณ์ จึง สังเคราะห์ฮินดู
ระบบเทวนิยม อันยิ่งใหญ่
ให้ทุกคนเข้าถึงพระเจ้าได้
ซึ่งเดิมพราหมณ์ ผูกขาดไว้ ต้องมาจิ้มก้องให้พวกตนเท่านั้น

2.มีคัมภรีสำคัญ คือ อุปนิษัท "จับเข่าคุยกัน"
รวมสามมหาเทพ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ
เป็นตรีมูรติ สามเป็นหนึ่ง ที่แบ่งภาค ทำหน้าที่ต่างกัน

3.และเกิดวรรณกรรม มหาภารตะ
ละครเรื่องใหญ่ วงค์วานหว่านเครือ ท้าวพรต
อธิบายที่ไปที่มา
ของจักรวาล พระเป็นเจ้า สวรรค์ ทวยเทพ มนุษย์
และคนครึ่งเทพ(วีระบรุษ)
 
4.และหน้าที่ของแต่ละคน
ที่ต้องตั้งใจ มุ่งมั่น เอา วิญญาณเร่รอนของตน(ชีวามัน)
กลับไปรวมกับ มหาวิญญาณ( ปรมาตมัน)
โดยผ่าน การทำหน้าที่ที่เหมาะสม(พรหมมัน)
ชีวามัน(อัตมัน) นั้นเป็นอมตะ แต่ต้องเปลี่ยนไปอาศัยใน รูปร่าง ตามกรรมที่ทำไว้ หรือ พรหมลิขิตไว้ โดยเอากรรมเก่าชาติก่อน มาปรุงแต่ง...

5.ซึ่ง พุทธศาสนา ก็ ยอมรับในเรือง
วัฎฏะสังสาร ในสัมมาทิฎฐิ เบื้องต้น ให้คน ละชั่ว ทำดี
และทำให้เกิดนิกาย มหายาน
ซึ่งเป็นระบบเทวนิยมแบบ อสังคะเขียนขึ้น
ยึดเอาหลัก วีระบรุษนิยม
คือ มีพระโพธิสัตว์ ที่ ยินดีที่จะมาเกิด เพื่อช่วยมนุษย์
"จิตสุขจากเอื้อเฟื้อ สำคัญกว่าจิตเย็นที่หลุดพ้น จากอุปาทาน"

6.แต่สัมมาทิฎฐิ ระดับ ทำนิพพานให้แจ้ง ใน มรรคแปด
ก็บอกตรงๆว่า
ทางสองสายนี้ อย่าไป เคร่งเครียด เอาเป็นสรณะ
เพราะ ดับเหตุทุกข์ ที่เกิดจาก อุปปาทานในตัณหา
อุปาทานในขันธ์ห้าไม่ได้
เพราะ พระพุทธเจ้าบัญญัติว่า
"สังขารโลก คือ กายกว้างศอกยาววา มีสัญญาใจครอง"

7.สังขารโลก เป็นชีวามัน คือชีวิตหนึ่ง
ชีวามัน........เป็นสังขารธรรม
คือธรรมชาติ ปรุงแต่ง ขึ้นมา
เป็น ชีวะยนต์ เครื่องยนต์มีชีวิต
เป็น ขันธุ์ห้า ปัจจุบันก็คือ คอมพิวเตอร์ชีวภาพ
ดังนั่นให้ฝึก ล้างขยะข้อมูล ที่ เป็นของคู่
ที่เป็นอาสวะ(ห้โทษ) สาสวะ(ให้คุณ)
คือ ดีชั่ว/ผิดถูก/ชอบชัง/ชายหญิง/
จน ระบบคอมพิวเตอร์ชีวภาพ เป็นกลาง(อนาสวะ)
ภูมิจิต ภูมิ ธรรม ภูมิปัญญา
ก็ชนะอุปสรรค์กั้นการพัฒนา ของปุถุชน
ไปอยู่เหนือ จิตสำนึกของมนุษย์ทั่วไป

8.ไปถึงแล้ว จะมีวิสัยทัศน์ญาณทัศนะอย่างไร
พระองค์ไม่ได้ตรัสไว้ เพียงบอกว่า
ผู้รู้ที่เป็นวิญญูชนจะรู้ได้ด้วยตนเอง
ปัจจัตตัง+ เวทิตัพโพ+ วิญญูหิติ
แต่บอกไว้ว่า ชีวิตจะอยู่เย็น สงบ เบิกบาน มั่นคง
ทั้งอารมณ์(ฌาน)และความรอบรู้(ฌาน)
จากปรีชาญาณฉลาดเลือก (Wisdom )ที่ตื่นแล้ว
สังกร ของ โพธิจิต โพธิปัญญา โพธิธรรม

9.ทุกข์คือนรก
สุขคือสวรรค์
วิมุติ คือ เย็น
เอาเลือกเอา
ไปลอยกระทง....ก็เอาขยะปรุงแต่งชีวิต ไปทิ้งด้วยเด้อ
และอย่างหลงทาง
ไปควงเอา สิ่งไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
มาแขวนคอ 55555+

พระแม่คงคา
พระแม่คงคาจะลักษณะโดยทั่วไปก็คือ มีสี่กร มีพาหนะเป็นจระเข้ มีอาวุธเป็นตรีศูลย์ และมีหม้อกลาฮัมและหม้อน้ำ แต่บางครั้งก็มีสองกรและทรงอาวุธเป็นตรีศูลย์ โดยส่วนมากจะเห็นพระแม่คงคาเป็นองค์เป็นสตรีที่ยื่นหน้าออกมาจากมวยพระเกศของพระศิวะเจ้า และที่ปากมีสายน้ำพ่นออกมา
พระแม่คงคาเป็นราชธิดาของพระหิมวัตและนางเมนกา หรือพระนางนั่นเป็นพี่สาวของพระแม่อุมาเทวี พระแม่คงคามีหน้าที่เป็นผู้ดูแลรักษาสายน้ำคงคา อันเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากสรวงสวรรค์ ซึ่งในอินเดียก็มีแม่น้ำหลายสายที่เชื่อว่ามีประวัติความเป็นมามีซับซ้อน เช่น

แม่น้ำสรัสวตี (ถูกเชื่อกันว่าไหลมาจากพรหมโลก)
แม่น้ำซันโตชี(มีผู้ดูแลเป็นพระแม่ซันโตชีธิดาของพระพิฆเนศ)
แม่น้ำคงคา(มีผู้ดูแลเป็นพระแม่คงคา)
แม่น้ำยมุนาหรือยมนา(ถูกเชื่อกันว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์โดยมีเจ้าของคือพระวิษณุเทพ)

นอกจากนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า น้ำจากแม่น้ำคงคาถือเป็นน้ำที่วิเศษที่สามารถชำระล้างบาปของมนุษย์ทั้งหลายได้ โดยแม่น้ำที่ใช้ในการชำระบาปของมนุษย์ได้จะมีอยู่ด้วยกันสองสายคือ แม่น้ำคงคา และ แม่น้ำยมนา
กล่าวถึงบริเวณต้นน้ำแห่งเขายาดาคีรีของท่านฤาษียาดาชี ซึ่งองค์ลักษมีนาราซิมฮาประทับบริเวณนี้ เมื่อ จะประกอบพิธีกรรมต่างๆ จะต้องนำน้ำจากแม่น้ำคงคาแห่งนี้เข้าไปร่วมในพิธีด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วบรรดาฤาษีในประเทศอินเดียจะมีหม้อน้ำเป็นเครื่องมือคู่กายอยู่เสมอ ซึ่งภายในหม้อน้ำจะบรรจุน้ำจากแม่น้ำคงคาเอาไว้
บริเวณที่แม่น้ำคงคาและยมนาไหลมาบรรจบกัน ถือว่าเป็นบริเวณที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด ที่แห่งนี้มีชื่อว่า “ตริเวนี” หรือที่คนไทยมักชอบเรียกกันว่า “จุฬาตรีคูณ” โดยมีความเชื่อเพิ่มเติมอีกด้วยว่า แม่น้ำสรัสวตีที่ไหลมาจากใต้พื้นดินก็ไหลมารวมกันที่นี่ด้วย ด้วยเหตุนี้ชาวฮินดูจึงนิยมใช้น้ำจากแม่น้ำคงคาเพื่อนำไปสรงน้ำพระพุทธรูป หรือใช้อาบกินเพื่อความเป็นมงคล

ตำนานกล่าวไว้ว่า เดิมทีนั้นแม่คงคาไหลเวียนไม่ไปไหนจากนิ้วเท้าของพระวิษณุ แต่สาเหตุที่พระคงคาเปลี่ยนทิศทางไหลลงมาที่โลกมนุษย์ก็เพราะว่า พระแม่คงคาถูกท้าวสักราชอัญเชิญลงมาสู่โลกมนุษย์มานานแล้วหลายชั่วคน จนสำเร็จในสมัยของท้าวภคีรถ แต่ด้วยอิทธิฤทธิความแรงของพระแม่คงคา ซึ่งมีผลให้โลกอาจกล่มสลายได้เลย พระศิวะเจ้าจึงได้รองรับพระแม่คงคาด้วยมวยพระเกศก่อนที่จะปล่อยลงสู่โลกมนุษย์
ส่วนอีกตำนานหนึ่งกล่าวไว้ว่า ด้วยความที่เดิมทีโลกมนุษย์มีความแห้งแล้งอย่างหนัก ยังผลให้มนุษย์และสัตว์ล้มตายจำนวนมากมาย เนื่องจากพระแม่คงคาไม่ยอมให้น้ำไหลลงมาสู่โลกมนุษย์ เมื่อบรรดาเทวดาเห็นดังนั้น จึงไปทูลเชิญให้พระศิวะเจ้ามาทรงจัดการเรื่องนี้ พระองค์จึงทรงไปคิดตามให้พระแม่คงคากลับมา แล้วบังคับให้พระแม่คงคาให้สายน้ำคืนแก่มนุษย์ แต่พระแม่ไม่ยอมทำตาม พระองค์จึงทรงใช้พระเกศของตนรัดพระแม่คงคา จนในมี่สุด พระนางก็ยอมปล่อยสายน้ำออกมาคืนสู่โลกมนุษย์

ในขณะที่บางตำนานกล่าวไว้ว่า พระศิวะเจ้าและพระแม่คงคาแอบเป็นสามีภรรยากันแบบลับๆ ด้วยความกลัวว่าพระแม่อุมาจะทรงพิโรธหารู้ความ พระศิวะเจ้าจึงซ่อนพระแม่เอาไว้ในมวยพระเกศ และให้พระแม่ปล่อยน้ำออกมาจากพระเกศของพระองค์ เพื่อเป็นการล้างบาปที่ทั้งสองได้ทรงทำร่วมกัน

http://nanszjitniyom.blogspot.com/2016/02/blog-post_2.html
ขอบคุณเจ้าของภาพ เรื่องราว คลิป และผู้อ่าน ครับผม
..
..
https://www.youtube.com/watch?v=_htpiyRkooY
วัฒนธรรมกรีก ที่ไหลมากับกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช
สู่ลุ่มแม่น้ำสินธุ และแผ่ลงมา ลุ่มแม่น้ำคงคา
นำเอา ลัทธิเทวะนิยม
ตรรกะนิยม คณิตศาสตร์
ธรรมชาตินิยม ประชาธิปไตย
อิสระภาพ เสรีภาพในการศึกษา เมื่อ พศ.200กว่า

ทำให้ วัฒนธรรมชมพูทวีปตั้งปรับตัว
"กลืนกินวัฒนธรรมกรีก" มาเกิดใหม่
-พราหมณ์ ก็สังเคราะห์"ฮินดู"
ป่าใหญ่ที่ ทุก ภูมิจิต ภูมิ ธรรม ภูมิปัญญา
มาอาศัยอยู่ร่วมกัน ในฐานทุกชีวิต
คือ จิตวิญญาณ ที่ พเนจร
ออกจาก มหาวิญญาณของจักรวาล
ที่ สามรวมเป็นหนึ่ง เป็นหนึ่ง มีองค์สามตามหน้าที่
พระพรหม เป็นผู้สร้าง
พระนารายณ์ เป็นผู้บริหารจัดการ
และอวตาร มาเกิด บนโลก เพื่อช่วยโลก พ้นภัยจากอสูร
มี10ปาง พระพุทธเจ้า เป็นปางที่9 พุทธอวตาร
พระศิวะ มีหน้าที่ รีไซเคิล ทำลายและ สร้างใหม่
และ.....ทุกชีวิต ต้องเล่นละครเรื่องใหญ่(มหาภารตะ)
จนกว่า จิตแท้ จิตเดิมจะตื่น และค้นทาง
กลับบ้าน สู่ มหาปรมาตมันจะต้องไม่มา เวียนว่ายตายเกิดอีก

-พุทธ ก็สังเคราะห์ มหายาน
สร้างจักรวาลเป็น
พุทธเกษตร ตามแนวคิด ของอสังคะ
มีพุทธเจ้า พระโพธสัตว์ อยู่บนฟ้า
การมาเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี ของสรรพชีวิต
โดยมีจิตเอื้อเฟื้อ เสียสละเพื่อสังคม สำคัญกว่า
จิตที่หลุดพ้นจากอุปทานอารมณ์ทุกข์แบบเถรวาท
....................................................

ช่วงนี้ ดาวเปอร์ซิอุส(ดูง่ายๆ ดาวเรียงกันสามดวง)
คนไทย มองเป็นดาวไถเล็ก อยู่กลางดาวเต่า
มีเรื่องเล่าแบบกรีก สุดอลังการอภิจินตนาการ
ใครอ่าน วรรณกรรม เทวนิยมแบบกรีก
แล้วไปชม มหาภารตะพระกฤษณะ พระราม
แม้นแต่ไซอิ๋ว ก็จะพบร่องรอยเทวนิยมกรีกแทรกอยู่
..............................................

เพอร์เซอุสเป็นวีรบุรุษผู้ที่ฆ่าปีศาจร้าย MEDUSA
(ใครมองจะกลายเป็นหิน)
ตามรูปมือซ้ายถือหัวปีศาจ
กลุ่มดาวนี้มีรูปคล้ายอักษรตัว K ตรงหัวปีศาจ
มี ดาวแปรแสง เรียกว่าดาวปีศาจ
เพราะกระพริบหรี่แสงได้
มีการหรี่แสงใน 2 วัน 20 ชั่วโมงเศษ
จะหรี่แสงลงราวนาที 20
กลุ่มดาวนี้อยู่ระหว่างกลุ่มดาวค้างคาว กับกลุ่มดาวลูกไก่
เพอร์เซอุส เป็นบุตรของจอมเทพจูปีเตอร์
และ พระนางดานี (Danae) เพอร์เซอุสเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
เพราะสามารถฆ่าปีศาจร้ายเมดูสา (Medusa) ได้
ขอให้สังเกตที่มือซ้าย ซึ่งถือห้วปีศาจ
หัวปีศาจร้ายเมดูสานี้ใครเห็นจะกลาย เป็นหินทันที
เพอร์เซอุสเอาหัวปีศาจนี้ใส่ถุงหนังติดตัวไปด้วยเสมอ

คราวที่ อันโดรมีดาถูกนำไปผูกตรึงติดที่ก้อนหินหน้าผานั้น
เพอร์เซอุสขี่ม้ามีปีก
(ม้าตัวนี้เกิดจากเลือดปีศาจ
เมดูสาที่เพอร์เซอุสตัดคอขาดผสมกับฟองคลื่น)
ไปทันเหตุการณ์พอดี
เพอร์เซอุสได้ไปบอกกษัตริย์เซเฟอุสว่า
เขาจะไปฆ่า อสุรกายซีตัส และช่วยอันโดรเมดา
แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อสำเร็จเขาขอแต่งงานกับ อันโดรเมดา
กษัตริย์เซเฟอุสรีบยกให้ทันที
วีรบุรุษได้ไปที่ชายฝั่งข้างก้อนหิน
ที่อันโดรมีดาถูกมัดอยู่ และได้สั่งให้
อันโดรมีดาหลับตาให้สนิทพอซีตัสมา
เพอร์เซอุสเปิดถุงเอาหัวเมดูสาส่องไปที่ซีตัส
ซีตัสกลายเป็นหินไปทันที
ร่างของมหายักษ์ร้ายซีตัสกลายเป็นก้อนหินใหญ่
เดี๋ยวนี้ยังเห็นได้ที่ชายฝั่ง เลแวนไตน์ (Lavantine)
ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เนียน
(ขอบคุณเรื่องราวที่ก๊อปมา แต่เอาลิงค์ลงไม่ได้ครับผม)

๕.๑๑.๒๕๖๐
https://plus.google.com/+SurapholKruasuwan