[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=v5BC8bTvBZ8[/youtube]
หัวข้อ : เพลงบ้า - คนเพี้ยน
#
เพิ่งคุยกันเมื่อวันก่อน เผอิญอ่านเจอบทความนี้พอดี ^^
======
คนหนึ่งชื่อ "ปฐมพร ปฐมพร" ผู้ชายที่ประกาศตนเองว่าเขาตายไปแล้ว ตายเพื่อเกิดเป็น "พราย"
อีกคนชื่อ "ริค วชิรปิลันธ์ โชคเจริญรัตน์" ผู้หญิงที่ใครๆ หลายคนมองว่าเธอคือเจ้าแม่กาลีเป็นผู้ทำลาย
ไม่ใช่เพียงแค่งานเพลงที่เธอและเขาทำเท่านั้นที่ถูกวิจารณ์ว่าบ้าบอ
หากแต่เป็นตัวตนและการกระทำของทั้งคู่ก็ถูกสังคมตัดสินว่าเพี้ยนด้วยเช่นกัน
บทสัมภาษณ์ถึง "แนวความคิด" และ "ความรู้สึก" ของทั้งคู่ต่อไปจากนี้คงจะไม่สามารถลบภาพของการเป็น "คนเพี้ยน" ออกไปจากสายตาคนทั่วไปได้(เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์)แต่อย่างน้อยๆ ก็คงจะทำให้ใครหลายคนเห็นและเข้าใจถึงความ "เป็นจริง" ในบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งคู่ทำมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่วงการเพลงของบ้านเราเต็มไปด้วย "การค้า" การโฆษณา การขาย "แบบฟอร์ม" มากกว่าเนื้องานที่แท้จริงยิ่งขึ้นไปทุกวันๆ เช่นนี้
ตัวตนและหนทางของ "ริค วัชรปิลันธ์"
ต่อให้เอาเนื้อเพลงของผู้หญิงคนนี้มาออกกาง แต่เชื่อเถอะว่ายากยิ่งหลือเกินที่จะหาใครจะมาร้องเพลงของเธอได้
หรือถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเรียกกันว่าเป็นการสวดกันซะมากกว่า
"ถ้าถามว่าเริ่มที่จะชอบเรื่องของศาสนาอะไรตอนไหนก็น่าจะประมาณ ป.5 - ป.6 คือ มันเริ่มจากที่ว่าตนเองเกิดราศีพิจิกเนี่ยก็อยากจะรู้ว่าตัวตนเองเป็นอย่างไร แล้วก็สงสัยว่าทำไมต้องมีธาตุต่างๆ ด้วย เช่นพิจิกเป็นธาตุน้ำแต่ทำไมไม่เห็นใจเย็นเลย ทำไมตัวเองเหมือนไฟ"
"ทำให้สงสัย ก็อยากจะรู้ จากนั้นก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องดวงดาว พัฒนาไปเรื่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เลื้อยไปอันอื่นมากขึ้นเหมือนเชือก เหมือนสิ่งเหล่านี้มันเชื่อมโยงกันเองจนไปถึงเรื่องของศาสนาก็อยากจะรู้ว่าศาสนาคริสต์คืออะไร ทำไมวงนูโวเขาถึงห้อยไม้กางเขน มันดีอย่างไร แล้วเพื่อนๆ บางคนก็ใส่ด้วยความเท่ห์ ซึ่งริคจะเป็นคนที่แบบว่าก่อนจะเท่ห์หรือจะหยิบอะไรมาใส่ก็ต้องรู้จักมันก่อนว่ามันคืออะไร ริคเป็นคนที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรลงไปโดยที่เราไม่รู้จักได้ แบบว่าไม่รู้แต่ก็ทำอย่างนี้มันไม่ใช่นิสัยของเรา"
ย้อนกลับไปในอดีต จากที่เริ่มชอบการร้องเพลงแบบจริงๆ จังๆ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำที่จังหวัดราชบุรี(ไปเรียนเพราะอยากรู้เรื่องศาสนาคริสต์)ต่อมาเจ้าตัวก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประกวดดนตรีในโครงการ "เป็ปซี่ มิวสิค เฟสติวัล" ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก "สุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์" จากค่ายเบเกอรี่ มิวสิคให้เข้าร่วมในสังกัด
หลังจากนั้นอัลบั้มชุดที่ชื่อว่า "ปฐม" ของเธอก็ออกมาชนิดที่ทำเอาวงการเพลงต้องอึ้ง
ทั้งในเรื่องของปก เนื้อหาของเพลง ที่สำคัญด้วยการร้องราวกับการท่องคาถาหรือบทสวด บวกกับสิ่งที่เธอเป็นทั้งในเรื่องของการนับถือเจ้าแม่กาลี การแต่งตัวที่เหมือนกับแม่มด การสักตามร่างกาย การเจาะจมูก การสนใจหมกมุ่นในเรื่องของศาสนา เรื่องของโลก การค้นหาตัวตนภายใน ต่างๆ เหล่านี้ทำให้หลายคนพร้อมใจกันฟันธงว่าผู้หญิงคนนี้เพี้ยน
"ตอนนี้เป็นพุทธ แต่เป็นพุทธเหมือนมหายาน จริงๆ แล้วก็ยังนับถือฮินดูอยู่ด้วย แต่ริคว่า ริคก็นับถือพระพุทธเจ้าด้วย เพราะฉะนั้นที่อยู่ตรงกลางก็น่าจะเป็นมหายาน ก็คือในวัชรญาณ เหมือนในเนปลเหมือนในธิเบตก็คือจะนับถือพระผู้เป็นเจ้าด้วย แล้วก็นับถือพระอวโลกิเตศวรด้วย"
"คือเพราะว่าจริงๆ ที่เข้าไปเพราะว่าส่วนใหญ่ริคจะเน้นถึงเรื่องของการใช้เสียง คือการกำเนิดพยางค์ ตัวอักษรเทวนาตีอย่างคำว่าโอมอย่างนี้ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการใช้เสียงที่ริคร้อง การสวดมนต์ด้วย อย่างเวลาพระทิเบตมาเมืองไทยก็จะได้รับจากตรงนั้น ริคสนใจในพยางค์ ในเรื่องของเสียงซึ่งในตรงนั้นก็มีวิธีของคนที่ใช้เสียงได้ด้วยเหมือนกัน คือเหมือนกับใช้เสียง จนวันนึงเสียงนั้นจะไม่มี กลายเป็นความเงียบสงบ สุดท้ายก็กลายเป็นไร้รูป"
ว่างเว้นจากงานเพลงชุดแรกมานานกว่า 7 ปี ล่าสุดในตอนนี้นักร้องสาวคนนี้ก็มีงานใหม่ออกมาแล้วในชื่อ "ราสมาลัย" ที่จะแบ่งออกเป็นสองภาค คือ "Dark" และ "Light" ซึ่งถึงแม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทสวดแต่อย่างไร ทว่าหลายคนก็ยังรู้สึกว่าฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
"ชุดแรกริคอยากทำให้คนศรัทธากอ่น แต่พอมาชุดนี้ริคก็อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองจะทำไม่เกี่ยวข้องกับตรงนั้น เหมือนกับแบบจบไปแล้ว นี่คือเริ่มต้นใหม่ ชุดนี้มันเป็นการสื่อเรื่องออารมณ์มากกว่าที่จะใช้ในการสวดมนต์อันที่แล้วก็ไม่เล่นแล้ว"
"ริคอยากให้คนฟังเพลงริคที่เมโลดี้ที่ไม่เกี่ยวกับนื้อเพลง ก็คือฟังวิธีที่ริคใช้เสียง ใช้อารมณ์ มาฟังเรื่องอารมณ์ในการสื่อมากกว่าที่จะฟังเนื้อหา เพราะเนื้อหามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของริคอยู่แล้ว"
"เพลงของริค ริคอยากให้ทุกคนใช้หัวใจฟัง เพราะว่าริคใช้ในหัวใจในการร้อง คือริคเปิดให้ลูกริคฟัง ก็ฟังได้ เปิดให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลก็ฟังแล้วก็เต้นได้ หมายความว่าไงก็หมายความว่าต้องไม่มีอคติ แสดงว่าเด็กยังไม่มีการรู้จักอคติ แต่ทีนี้พอโตขึ้นมาคนเราจะมีอคติคติ พอมองเห็นจะไม่ชอบแล้ว พอฟังไม่รู้เรื่องก็อคติแล้วไม่ฟังเมโลดี้แล้ว ไม่ฟังวิธีการร้องแล้ว ไม่มองว่าเป็นนักร้องแล้วจะมองว่าเป็นอะไรที่ประหลาด เพี้ยนหรือบ้าก็แล้วแต่เขา..."
เวลาถูกคนมองว่าเพี้ยน?
"นั่นปัญหาทางสมองคนอื่น ริคก็ไปห้ามคนอื่นคิดว่าริคเพี้ยนไม่ได้ แต่นั่นมันคือการที่เขาแค่มอง เขาไม่เคยคุยกับริคไงคะ ขนาดคนที่รู้จัก พ่อแม่พี่น้องในบางมุมเขายังไม่รู้จักเราเลย เพราะฉะนั้นริครู้สึกว่าริคไม่เอาเรื่องนี้มาให้รกสมอง เพราะริคคิดไปแล้วริคไม่รู้ว่าจะได้อะไรขึ้นมา เพื่ออะไร เพื่อรู้สึกว่าเราเท่ห์หรือ"
"ริคคิดว่าตอนนี้ริคเจอหนทางที่ริคพอใจคือเรื่องของการใช้เสียง แต่ไม่ได้แบบว่าริคตรัสรู้ ริคไม่ได้แปลว่าริคสิ้นสุดแล้วในชาตินี้ไม่ได้หมายความว่างั้น ริคยังคงต้องดำเนินต่อไปเพราะว่าริครู้สึกว่ามันยังมีอะไรมากมายที่ริคอยากจะเรียนรู้ จากสิ่งที่ต้องการอีกมากมายแต่นี่เป็นสิ่งนึงที่มันเป็นตัวริค อย่างอื่นริคก็ยังเป็นแม่คน ริคก็ยังไปอัดเพลงโฆษณาเพื่อที่จะทำมาหากิน คืออย่าได้มองว่าริคต้องเพี้ยนขนาดไม่ทำอะไร"
หลายคนนึกภาพไม่ค่อยออกมาว่า "ริค วชิรปิลันธ์" จะเป็นแม่คนแบบไหน?
"แม่ของริคไม่ได้แปลว่าต้องเสียสละแบบว่าทุกอย่างในความเป็นตัวเองทิ้งไปให้เขาหมดนะ เพราะว่าริคถือว่าริคมีหน้าที่เป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขาก็คือส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้แปลว่าลูกจะต้องมาทำให้ริคอดทำในบางอย่างที่ริคเป็นตัวเอง"
"เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องให้เกียรติริคในสิ่งที่ริคเป็น เช่น จะมาสั่งเหมือนกับว่าริคมีลูกต้องอดเล่นดนตรีทำอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์ เพราะว่าคุณกับชั้นวันนึงมาเจอกัน แล้ววันนึงก็ต้องจาก ชั้นก็มีหน้าที่ส่งให้คุณเติบโตขึ้น แต่คุณก็ต้องใช้ชีวิตของคุณ เป็นตัวของคุณแล้วก็สามารถดำเนินชีวิตของตัวเองได้โดยที่วันหนึ่งชั้นเป็นแค่คนอื่นไป แล้วก็ดูแลคุณไปตลอดชีวิตไม่ได้"
ทำไมถึงทำเพลงแบบธรรมดาไม่ได้?
"ร้องแบบธรรมดาก็ร้องได้ เพียงแต่ริครู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องให้คนรู้ก็ได้เพราะว่ามันง่าย มันไม่ท้าทาย แต่แบบนี้ริคสนุกกับการใช้เสียงของริคมากกว่า"
"คนฟังไม่เยอะบั่นทอนมั้ย มันไม่ถึงกับใช้คำนี้ มันเหมือนกับว่าเออ คนมันไม่ฟังว่ะ มันไม่เก็ตว่ะ ก็จะมาคิดแค่นี้ แต่ไม่เสียใจอะไร เพราะมันก็จริง เนื่องจากมันมีเหตุผลปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่ใช่ความผิดเรา มันไม่ใช่ความผิดของคนฟังมันก็แค่รสนิยมที่มันไม่ตรงกันเท่านั้นเอง"
พูดถึงวงการเพลงบ้านเราหน่อย?
"พูดรวมทั้งหมดก็คือมันเป็นเรื่องของธุรกิจ คือถ้าภาพไม่ออกมาก่อนก็คนก็จะไม่จดจำมันไม่ได้เพราะว่าเสียมันก็คล้ายกันหมด มันจะต่างกันไม่มากนิดๆ หน่อยๆ"
"มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งริครู้ว่าที่เขาพูดเขาคงไม่ได้คิดแบบว่าไม่ดีหรือว่าอะไรหรอก คือท่านบอกริคว่า ริคน่าจะทำอะไรที่มันเป็นแบบว่าเปลือกๆ บ้าง แค่แบบว่าผิวเผินก็พอ เพราะว่าบ้านเราไม่มีใครเข้าใจถึงสปริตที่ริคทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมริคถึงรู้สึกแบบนี้ ทำไมคนเราถึงไม่ยอมที่จะลองฟังดนตรีที่แตกต่างบ้าง ไม่ต้องอยู่แบบเดิมๆ ความรู้สึกแบบเก่าๆ คือสิ่งที่ริคทำมันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับที่นี่"
"แต่ริคก็บอกว่า ชุดต่อไปหนูอาจจะอีกแบบนึงก็ได้ แต่ตอนนี้หนูพอใจกับที่มันเป็นแบบนี้ แล้วหนูก็รู้สึกว่าหนูได้เจอสิ่งที่หนูเป็น หนูภูมิใจกับมันมาก เคยมีน้องบางคนมาบอกว่าชอบริคมาก ก็มาบอกว่าหนูอยากจะมาเป็นนักร้องมาก แต่หนูไม่มีลุกน่ะค่ะ"
"อือ มันเป็นเรื่องที่แปลกมากนะ คิดดูสิขาอยากเป็นนักร้องแต่เขาห่วงเรื่องภาพ เขาไม่ได้บอกว่าหนูจะทำอย่างไรจะร้องได้ดี หนูควรจะทำอย่างไรกับเสียงหนู หนูควรจะรู้จักเสียงและความเป็นตัวเองในเสียงของหนูได้อย่างไร เขาไม่พูดเลย"
คิดว่าตัวเองมีพลังวิเศษมั้ย?
"ไม่คิดเลย ริคคิดว่าทุกคนมีหมดแต่ช่วยไม่ได้ถ้ายังต้องอยู่ในสังคมลักษณะแบบนี้ ถ้ายังอยู่ในระบบของทุนยิยมหรือว่าอะไรอย่างนี้ก็ไม่มีใครเจอพลังวิเศษอะไรหรอก"
"จริงริคว่ามันก็มีทุกคนเรานั่นแต่เราลืมมันไป ก็คือความสมถะ คือไอ้พลังพิเศษก็คือความสมถะ ืที่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แบบพอเพียงนั่นแหละคือพลังวิเศษ พอใจในสิ่งที่ตนเองเป็น พัฒนาในสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตในวันต่อไปๆ ได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานแต่เกี่ยวข้องกับตัวเองทั้งอารมณ์และความรู้สึก"
http://board.dserver.org/p/pinkp/00000091.html