บล็อก > บทความ (Blog)

ไดอารี่...จิตดวงหนึ่ง

<< < (96/106) > >>

lek:
...

บัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งจะเดินทางไปสมัครทำราชการในเมืองหลวง


เมื่อไปร่ำลาอาจารย์ของเขา อาจารย์จึงได้อบรมสั่งสอนว่า


การไปรับราชการทำงานอยู่ในราชสำนักนั้น


จะต้องรักษาเกียรติและรักษาหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด


เมื่อเข้าไปเป็นคนใหม่ ต้องรู้จักเคารพผู้อาวุโสด้วย

...

บัณฑิตหนุ่ม ได้ฟัง ก็ตอบอย่างยิ้มแย้มว่า


ข้าทราบดีขอรับท่านอาจารย์

.

ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมหมวกไปด้วย 100 ใบ


หากข้าพบใครก็จะให้หมวกเขา 1 ใบ


รับรองว่าทุกอย่างจะราบรื่นแน่นอนขอรับ


อาจารย์ได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวว่า


เจ้าเป็นถึงบัณฑิตสมควรแล้วหรือที่จะยกย่องชมเชยทุกคนที่พบปะ


บัณฑิตหนุ่ม ยิ้มเล็กน้อย และรีบชี้แจงว่า


คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ล้วนแต่ชอบการยกยอปอปั้น


ใครจะเหมือนอย่างท่านอาจารย์ล่ะขอรับ


ท่านอาจารย์ไม่เคยหวั่นไหว จากการยกย่องชมเชยใดๆทั้งสิ้น


อาจารย์พยักหน้า พลางกล่าวว่า


ถูกต้องแล้ว เจ้าเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว


บัณฑิตหนุ่มค้อมศีรษะคารวะกราบอาจารย์แล้วยิ้มแย้มเอ่ยขึ้นว่า


บัดนี้หมวกของข้าเหลือแค่ 99 ใบแล้ว ขอรับท่านอาจารย์


…..


ที่มา : นิทานจีนสอนลูกรัก ของ มิตรเมธี

lek:
บรอนนี่แวร์ พยาบาลชาวออสเตรเลียน

ได้รวบรวมข้อเสียใจก่อนตาย 5 ข้อ

ที่ผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิต ได้กล่าวไว้มากที่สุด

ก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต

ในหนังสือของเธอที่ชื่อว่า

The Top Five Regrets of the Dying



เมื่อผู้ป่วยถูกถามว่า

อะไรที่พวกเขารู้สึกเสียใจที่สุด และหาก

พวกเขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้มากที่สุด

ข้อ1 ฉันหวังว่า....

ฉันกล้าพอที่จะใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง

ไม่ใช่ชีวิตที่คนอื่นคาดหวังจะให้ฉันเป็น

เป็นข้อเสียใจที่ถูกกล่าวมากที่สุด

เมื่อผู้ป่วยรู้ตัวว่าเวลาที่เหลือในชีวิตใกล้จะหมดลง

และพวกเขารู้ว่าความหวังในชีวิตบางอย่าง

ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้อีกแล้ว

สุขภาพนั้นทำให้คุณมีอิสระในการเลือก

และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เช่นนั้น

หลายคนกว่าจะตระหนักได้ก็ต่อเมื่อ

พวกเขาไม่มีสุขภาพที่ดีเสียแล้ว…

............

ข้อ2 ฉันหวังว่าฉันไม่ได้ทุ่มเทให้กับงานมากขนาดนี้

ข้อนี้เป็นสิ่งที่แวร์พบกับผู้ป่วยชายทุกคน

พวกเขาคิดถึงชีวิตวัยเด็กของลูกๆ

และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรัก

ผู้หญิงบางคนเสียใจในเรื่องนี้บ้าง

แต่มักจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยชรา…

...........

ข้อ3 ฉันหวังว่าฉันกล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริง

หลายคนเก็บความรู้สึกไว้เพราะไม่อยากเสียมิตรภาพ

กับผู้อื่น ทำให้หลายคน ไม่สามารถเปิดเผย

ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง

หลายคนกลายเป็นผู้ป่วย จากความรู้สึกขมขื่น

ในจิตใจและการต้องทนอยู่กับความรู้สึกนั้นๆ..

.............

ข้อ4 ฉันหวังว่าฉันยังคงติดต่อกับเพื่อนของฉันอยู่

คนส่วนใหญ่เพิ่งจะนึกถึงมิตรภาพของเพื่อนเก่า

และหลายคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเอง

ปล่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนที่ดีหลุดลอยไป

หลายคนเสียใจที่ไม่ได้ให้เวลากับเพื่อนมาก

เท่าที่ผ่านมาทุกคนมักจะนึกถึงเพื่อนเก่า

เมื่อตอนที่รู้ว่าชีวิตมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว…

.............

ข้อ5 ฉันหวังว่าฉันปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตให้มีความสุขให้มากกว่านี้

หลายคนไม่ได้ตระหนักรู้ว่า ความสุขนั้น

เป็นทางเลือกที่ทุกคนมีได้ พวกเขายึดติดกับการใช้ชีวิต

ในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งพวกเรารู้สึกปลอดภัย

จากความเคยชินในการใช้อารมณ์และการใช้ชีวิต

การกลัวการเปลี่ยนแปลงทำให้พวกเขาต้องเสแสร้ง

ในการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นรวมทั้งต้องเสแสร้ง

กับตัวเองด้วยและเมื่อตระหนักรู้แล้ว พวกเขาก็จะรู้ว่า

พวกเขาควรจะมีความสุขและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่บ้าง

……………………

นี่แหละครับ เรื่องของความรู้สึกของคนเราก่อนตาย

หรือเมื่อรู้ว่าเวลาที่จะได้ใช้ชีวิตนั้นเหลือน้อยเต็มที

วันพุธว่า นี่เป็นสัจธรรมชีวิตและการใช้ชีวิตทีเดียว

หลายคนก็เป็นแบบนี้ เอาแต่ทำงานจนลืมทำบางสิ่ง

ลืมครอบครัว ลืมเพื่อน ลืมคนรัก ลืมดูแลตัวเอง

และใช้ชีวิตอย่างหักโหมจนเกินไป จนวันหนึ่ง

เมื่อร่างกายและสุขภาพเราอ่อนแอลง เริ่มคิดได้

และเมื่อนั้นเราก็หวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต

อยากจะกลับไปซ่อมแซมแก้ไขมันใหม่

อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้อีก ปัจจุบันแก้ได้

วางได้ กำหนดได้ ส่วนอนาคตก็คือผล

ของการกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบัน

วันนี้คงอยู่ที่เราเลือกแล้วละครับว่า เราต้องการอะไร

จัดสมดุลย์ในชีวิตให้ดี ชีวิตก็จะมีความสุข

มีความสุขวันนี้ดีกว่ารอด้วยความหวังว่า

สักวันหนึ่งจะมีความสุขน่าจะดีกว่า…ว่าไหมครับ

......วันพุธ.......

………….

ที่มา: เรื่องเสียใจ 5 ข้อที่คนมักตระหนักก่อนตาย

วันที่ 17 มิถุนายน 2556 บรอนนี่แวร์

จากโพสต์ของรองศาสตราจารย์มานิตย์ จุมปา

…………….
 

lek:
ความเชื่อ...
เป็นความคิด...
ความคิดเกิดจากการรู้ตามจริง
และไม่รู้ตามความเป็นจริง
การแช่ง...
เป็นความคิด...
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นจากที่เราก่อกรรมไว้
เราก่อกรรมใดไว้ ผลกรรมย่อมสนองเรา
ไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้...
นอกจาก...เราทำตัวเราใจเราเอง
จากการที่เราต้องวนเวียนตกอยู่ในความหลงนั้น
เป็นเพราะเรามองอะไรแคบเกินไปเพียงไม่กี่ด้าน
เรามองไม่รอบด้าน เรายังมีความเชื่อที่ขาดความลึก
เมื่อเรามองไม่ลึก ทำให้เรามองเห็นแต่สิ่งที่ตื้นๆ
และเชื่อในสิ่งที่ตื้นๆ สิ่งที่หยาบๆ สิ่งที่ไม่ใช่ความเป็นจริง
บางครั้ง เราควรย้อนมองความคิดของตัวเราเองใหม่
ว่ามันเป็นความคิดที่มาจากความเชื่อแบบแคบเกินไปหรือไม่
บางความคิดเราเชื่อมั่นว่ามันถูก แต่เมื่อเรายอมให้ความคิดเรา
เป็นความคิดคนอื่นดูบ้าง แล้วเราก็ลองย้อนมองความคิดเดิม
มันอาจจะเปลี่ยนความคิดเดิมให้เป็นความคิดใหม่ได้เสมอ
ความคิดก็คือความคิด มันเปลี่ยนแปลงไปตลอด...
ความคิดดีๆบางทีเราก็ทำไม่ได้ เพราะเราไม่ยอมทำมัน
ความคิดไม่ดีบางทีเราก็เผลอทำทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ดี เพราะเราไม่ได้ระวังใจตัวเราเอง
สติปัญญาเรายังไม่ลึกซึ้งเกินพอที่จะชนะใจตัวเราเองได้

lek:
บางที ความคิด ความเชื่อ ของเรา
เราก็อยากจะไม่เหมือนใคร ไม่ซ้ำใคร
และเราก็อยากจะเอาชนะของเดิม
ให้เป็นความเชื่อความคิดใหม่ๆที่มันเกิดมาจากเรา
เพราะเราต้องการ เราอยาก...ให้มันเป็นสิ่งที่เกิดจากเรา
ทั้งๆที่ความเป็นจริง ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย
แต่เราไปยึด ให้มันเป็นของเราต่างหาก...
ถึงไม่มีเรา มันก็มีของมันอย่างนั้นอยู่แล้ว
เมื่อเราคิดว่ามีเรา เราจึงคิดว่าที่มันเกิดขึ้นเป็นเพราะเรา
แต่ความเป็นจริงคือ มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

lek:
บางครั้ง...
เราก็ต้องขอบคุณ...
สิ่งที่ไม่ดี...
สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ
สิ่งที่ไม่ถูกต้อง...
มันเกิดขึ้น...
เพื่อให้เราย้อนมองใจเราเอง
ว่าเรารู้สึกกับมันอย่างไรบ้าง
ทุกข์ไหม...
ร้อนไหม...
อยากปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องดีขึ้นด้วยใจรู้สึกยังไง
เมื่อเราทำได้...เรารู้สึกยังไง
เมื่อเราทำไม่ได้...เรารู้สึกยังไง
เมื่อถึงที่สุด...เราต้องทำอย่างไร

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version