คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ > ปัญหาชีวิต ความทุกข์ ความรัก
ทุกข์มีแล้ว...ดีจังเลย
lek:
หลายๆครั้งเมื่อคุยอยู่กับตัวเอง
เหมือนว่ามีคนอยู่ 3 คนกำลังคุยกัน
คนนี้พูดอย่างนี้ อีกคนนั้นก็พูดอย่างนั้น
แล้วก็จะมีอีกคนนึงคอยรับฟังอยู่ห่างๆ
ถ้าคนนี้กับคนนั้นเริ่มขัดแย้งกันแล้ว
อีกคนนึงจะเข้ามาช่วยห้ามไว้เสมอๆ
และยังช่วยตัดสินใจให้ด้วยเป็นบางครั้ง
แต่...บางครั้งคนนึงคนนั้นก็หายไปเสียเฉยๆ
บางครั้ง...คนนี้ก็เอาชนะทำตามที่ต้องการได้
ส่วนคนนั้นเมื่อแพ้ก็หายไปซะเฉยๆ
จะกลับมาก็ตอนที่คนนี้ทำลงไปเรียบร้อยแล้ว
บางครั้งคนนั้นก็เยาะเย้ยบางครั้งก็ปลอบใจ
สุดท้าย...คนนึงคนนั้นก็จะกลับมาสรุปให้
แต่ก็ไม่ทุกครั้งอีก...แค่เฉพาะที่คนนี้และคนนั้น
จะเปิดโอกาสยอมรับคนๆนั้นเข้ามาให้ช่วยเท่านั้น
บางครั้งคนนี้และคนนั้นก็ดื้อ...จะหวังเอาชนะฝ่ายเดียว
ก็ยังดียังมีคนนึงคอยอยู่ตรงกลางระหว่างคนนี้และคนนั้นเสมอ :yoyo050:
lek:
ความสุขที่ทำให้ติดใจ...ยึดติดไว้
ไม่ยอมสลัดทิ้งก็มีแต่จะทำร้ายตัวเราเอง
ความทุกข์ที่อยากจะหนีไปให้ไกลๆ
ไม่อยากจะเอาไม่อยากจะยึดไว้...
อยากที่จะสลัดทิ้งไปแต่สุดท้าย...
ความอยากที่จะสุขมันก็กลับมา
หลอกหลอนใจเราเองอีกแล้ว... :30:
lek:
ทุกข์แต่ละหยด...กระเพื่อมได้ทุกครั้ง
ที่เราโยนให้ใจเราลงไปในวังวนแห่งความทุกข์
ทุกข์ที่เราปั้นแต่งให้ก้อนใหญ่แค่ไหน...
เมื่อโยนกระทบใจเราหนักเบาก็เกิดระลอกคลื่น
ให้สัมผัสให้เห็นให้รับรู้เป็นระยะเวลาแล้วแต่ใจเรา
ทุกข์แต่ละครั้งที่เกิดขึ้นเป็นระลอกคลื่นนั้นจะหายไปเอง
หากเราไม่ปั้นทุกข์ก้อนใหม่แล้วก็โยนกระทบใจเราใหม่
แต่เพราะทุกข์นั้นเป็นธรรมชาติที่เคยชินมาเนิ่นนาน
เพราะสะสมก้อนทุกข์มานานโขหลายกองอยู่ข้างๆรออยู่
หากเผลอเมื่อไหร่ความเคยชินก็จับก้อนทุกข์โยนเสมอ
ระลอกคลื่นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง...น้ำก็ไหวๆสักพักแล้วก็สงบเอง
ทุกครั้งที่เกิดระลอกคลื่นบนผิวน้ำ...เราแยกให้เป็นความต่าง
แต่แท้จริงแล้วน้ำก็คือน้ำ สิ่งที่เห็นก็คือน้ำ สิ่งใช่ระลอกคลื่น
เพียงแต่เรามองให้เห็นถึงความต่าง จึงเห็นระลอกคลื่น...
บางครั้งระลอกคลื่นเกิดขึ้นหลายระลอก...แล้วก็ปะทะกระทบกัน
สุดท้ายก็สะท้อนกลับกับอีกคลื่นแล้วก็พลันนิ่งสงบเช่นเดิม
ความเป็นไปทำให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะดับไปธรรมดาเช่นนั้นเอง
ขอบพระคุณท่านร๊อคที่สนทนาเรื่องระลอกคลื่นนี้ :07:
lek:
ทั้งๆที่เป็นความทุกข์....
แต่ก็หลอกตัวเองว่ามันคือความสุข
เพราะความไม่รู้...มองไม่ลึกถึงความจริง
หยิบจับเพียงเปลือก...มองอะไรตื้นๆ
เป็นเพราะความมักง่าย...เห็นแก่ตัว
จึงหลงแต่จะบำรุงบำเรอความสุขให้แก่ตัวเอง
สุดท้าย...ก็หลอกว่าตัวเองได้รับความสุข
แล้วก็หลงติดกับอยู่กับความสุขจอมปลอม
แล้วเมื่อไหร่ที่ความสุขจอมปลอมลดระดับลง
ก็กลับมาทุกข์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา....
lek:
ฟาร์มแห่งนี้....
อยู่ที่ใจเราเพาะปลูก...
จะปลูกต้นทุกข์หรือสุข...
ก็อยู่ที่เราคัดสรรเมล็ดพันธ์มาเอง
จะปลูกได้ต้นขนาดไหน...
ก็อยู่ที่เราอีกนั่นล่ะ...
จะดูแลต้นทุกข์ต้นสุขอย่างไร
ต้นทุกข์ต้นสุขจะเจริญงอกเงยยังไง
ก็อยู่ที่เราเป็นผู้เพาะปลูกนั่นเอง...
ฟาร์มแห่งนี้ผสมปนเปกันไป...
มีทั้งฟาร์มต้นทุกข์และต้นสุข...
แบ่งแยกกันอยู่คนละฟากฝั่ง...
ตัดกันด้วยความแตกต่างที่กลมกลืน
แต่งแต้มสีสันต้นทุกข์คือสีแดงมองไปไกลตา
และต้นสุขคือสีเขียวชอุ่มมองไปลิบลิบไกลโพ้น
ขณะนี้สำรวจต้นทุกข์และต้นสุข....
ฟาร์มแห่งนี้หลงปลูกต้นทุกข์และต้นสุข
จนงอกงามน่าหลงไหลน่าชื่นชมน่าติดตาม
ตรงกลางระหว่างต้นทุกข์และต้นสุขนั้น...
มีถนนทอดยาวตัดกลางแบ่งครึ่งอย่างชัดเจน
ทางเดินนั้นไม่มีต้นอะไรงอกงามขึ้นมา...
เป็นเพียงทางโล่งโปร่งสบายตาสบายใจ...
ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา...
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version