อันความเจ็บ ที่กาย พิจารณา
รู้พึ่งพา เยียวยา แค่ทุกข์ขันธ์
ใจรู้จัก รักษา รู้ให้ทัน
เจ็บหายพลัน ที่ใจ เช่นนั้นเอง
เจ็บที่เกิด ยาวนาน เพราะใจปลุก
เจ็บเป็นทุกข์ ให้ทน มิโหวงเหวง
เจ็บตั้งอยู่ ให้รู้ เรานั่นเอง
เจ็บข่มเหง วังเวง ทุกข์วนเวียน
เจ็บแค่ไหน หายได้ เป็นบางช่วง
เจ็บเป็นห้วง เวลา ไม่เสถียร
เจ็บคอยเตือน ให้ใจ รู้พากเพียร
เจ็บจึงเปลี่ยน ได้เรียน ฝึกอดทน
เจ็บรู้สึก ที่ใจ ให้สร้างทุกข์
เจ็บจนจุก เพราะใจ นำเหตุผล
เจ็บใจกาย เกิดแล้ว เพราะตัวตน
เจ็บหลุดพ้น แยกได้ รู้วังเวียน
หากมองดู ภายนอก ควรพินิจ
รู้จักคิด ไตร่ตรอง กรองเหตุผล
คุณหรือโทษ แยกแยะ ได้ด้วยตน
แล้วผ่านพ้น รู้คัด ตัดวางคลาย
หากมองดู ภายใน มองให้ลึก
ความรู้สึก สิ่งเดียว ใช่มีหลาย
มากระทบ ก็ดับ ก็มลาย
ที่ไม่หาย เพราะตน ยึดเอามา
หากมองดู เป็นกลาง ก็จะเห็น
ทุกสิ่งเป็น เช่นนั้น ทุกข์คอยหา
ใจไม่ทุกข์ รู้ทัน รู้กายา
รู้รักษา ตนรอด ปลอดวังวน
คิดพูดทำ นำไป ให้มีทาง
รู้สว่าง ย่อมดี มีเหตุผล
รู้แจ้งได้ ย่อมได้ ที่ใจตน
รู้อดทน พอดี พบสายกลาง
ทฤษฎี นั้นรู้ อยู่เต็มอก
แต่กลับพก แค่รู้ ทำไม่สาง
ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ไม่รู้วาง
ฝึกตรงทาง ทำได้ พอที่ใจ
ที่เป็นอยู่ บ่งบอก ความรู้นั้น
ทุกสิ่งอัน เกิดเหตุ ผลก็ไหล
ทำอะไร พิจารณา ความเป็นไป
ตัวตนไร้ เหตุดับ ผลไม่มี
เหตุภายนอก จะถูกผิด ขึ้นกับใจ
ให้เป็นไป ตามความคิด ซ้ายและขวา
อยู่ที่ใคร ตีความหมาย ให้ราคา
ประเมินมา ประเมินไป ตามสมควร
หากพอใจ ก็สบาย จิตผ่องใส
ชื่นฉ่ำใจ ยังอยากมี อยากให้หวล
ไม่พอใจ ก็แบกหนัก คิดคร่ำครวญ
ทุกข์แปรปรวน เพราะตนเอง ให้เกิดมี
หากวางเฉย สิ่งนั้นนี้ ไม่มีผล
รู้อดทน ไม่สร้างเหตุ หมดวิถี
โทษไม่มา ประโยชน์หมด ยังปราณี
เมตตานี้ ยังเหลือเหตุ และปัจจัย