แสงธรรมนำใจ > บิดามารดาบุพการี (พระอริยะในบ้าน)

24 ยอดกตัญญู ♥ คุณธรรมพันปี (二十四孝故事) ~ .. ('_^)b

<< < (2/3) > >>

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
ลกเจ๊ก...ลักส้ม

สมัยราชวงศ์ฮั่น ลกเจ็กอายุเพียง 6 ขวบ ได้ไปเยี่ยมคำนับอ้วนสุด เจ้าเมืองจิ่วเจียง เจ้าบ้านจัดส้มจำนวนมากมาเลี้ยงรับรองแขกตามธรรมเนียม เมื่อลกเจ๊กกินแล้วก็คิดถึงมารดา จึงหยิบส้มสองผลใส่ไว้ในแขนเสื้อ

ครั้นได้เวลากลับบ้าน ขณะที่ทำคารวะอำลา บังเอิญส้มที่ซ่อนไว้หล่นลงพื้นอ้วนสุดเห็นแล้วก็พูดสัพยอกว่า “ลกเจ๊กเอ๋ย เจ้ามาเป็นแขกผู้เยาว์ ไฉนจึงแอบซุกส้มของเจ้าบ้าน ไม่กลัวคนเขาจะหัวเราะเยาะว่าลักส้มหรือ” เด็กน้อยคุกเข่าคำนับแล้วกล่าวว่า “แม่ผมชอบทานส้มที่สุด จึงตั้งใจจะเอาไปฝาก เมื่อแม่ได้ทานก็นับว่าท่านได้เลี้ยงแขกเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง” อ้วนสุดได้ฟังดังนั้นก็ชมเชยว่า เด็กอายุเพียงเท่านี้ยังรู้จักกตัญญูต่อมารดา หายากยิ่งนัก แล้วก็สั่งให้คนรับใช้เอาส้มกระเช้าหนึ่งเดินตามไปส่งเด็กตัวน้อยแต่มีความกตัญญูเป็นเลิศผู้นี้..

          :


:

:ฝังลูกเพื่อแม่..

สมัยราชวงศ์ฮั่น ชายคนหนึ่งมีนามว่ากัวจี้ เป็นคนยากจน มีลูกชายอายุเพียง 3 ขวบ มารดาของกัวจี้รักเอ็นดูหลายชายคนนี้มาก จึงมักจะเอาอาหารที่นางกินแบ่งให้หลานชายกินเสมอ กัวจี้เห็นแล้วเกิดความละอายใจ จึงบอกภรรยาว่า บ้านเรายากจนอย่างนี้ อาหารที่บำรุงเลี้ยงมารดาความจริงก็ไม่ค่อยพออยู่แล้ว ยังถูกแบ่งส่วนหนึ่งให้ลูกของเราทุกวัน เราควรเอาลูกไปฝังเสียเถิด แม่จะได้กินอาหารอิ่มท้อง ลูกนั้นอาจมีใหม่ได้ แต่แม่ไม่อาจมีใหม่ได้อีก ...

เมียเขาแม้จะรักลูกมาก แต่ก็เห็นความกตัญญูสำคัญกว่าจึงยอมตกลงด้วย ขณะที่กัวจี้ใช้จอบขุดพื้นดินลึก 3 ฟุต ก็พบทองแท่งจำนวนมาก มีอักขระจารึกไว้ว่า “ฟ้าประทานแก่ลูกกตัญญูห้ามหลวงยึด ห้ามราษฏร์ชิง”    

     

      :


:


:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
พัดที่นอน..ให้บิดา

สมัยราชวงศ์ฮั่น หวงเซียงเป็นชื่อของลูกกตัญญูคนหนึ่ง ขณะนั้นมีอายุ 9 ขวบ ตั้งแต่มารดาเสียชีวิต เขาเฝ้าแต่คร่ำครวญคิดถึงอาลัยอยู่ทุกวันคืน หวงเซียงตั้งอกตั้งใจทำงานด้วยความขยันขันแข็ง คอยปรนนิบัติรับใช้บิดาอย่างดีที่สุดตามหน้าที่ของลูกที่ดี

ในหน้าร้อนยามอากาศร้อนอบอ้าว ก่อนที่บิดาจะเข้านอน เขาจะใช้พัดโบกวีที่นอนของบิดาให้เย็นเสียก่อน แล้วจึงเชิญบิดาขึ้นนอน เขาปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมาอย่างไม่เคยเบื่อหน่าย

กิตติศัพท์ความกตัญญูของเขา เลื่องลือไปไกลจนทราบถึงเจ้าเมืองหลิวหู้ ท่านจึงขอให้ทางราชสำนักประกาศเกียรติคุณในความกตัญญูกตเวทีของหวงเซียง จนเป็นที่ทราบกันตราบทุกวันนี้ ..

          :


:

:เก็บผลหม่อนเลี้ยงมารดา

สมัยราชวงศ์ฮั่น ไช่ซุ่นกำพร้าพ่อแต่เด็ก เขาปรนนิบัติดูแลมารดาด้วยความกตัญญูยิ่ง ตอนนั้นบ้านเมืองเกิดจลาจลทั้งเกิดภัยแล้ง ข้าวยากหมากแพง ได้แต่ไปเก็บผลหม่อนมากินประทังชีวิต เวลาที่ไช่ซุ่นไปเก็บผลหม่อน จะต้องนำตะกร้าสองใบไปด้วย ใบหนึ่งใส่ผลหม่อนสีดำ ใบหนึ่งใส่ผลหม่อนสีแดง

บังเอิญพวกโจรคิ้วแดงมาพบเข้า หัวหน้าโจรเห็นแปลกนักจึงถามว่า “ทำไมผลหม่อนเหล่านี้จึงต้องแยกตะกร้า” เด็กหนุ่มตอบว่า “ผลหม่อนสีดำมีรสหวานจะเอาไปให้แม่กิน ผลหม่อนสีแดงมีรสเปรี้ยวจะเอาไว้กินเอง” หัวหน้าโจรได้ฟังเกิดความสงสารที่ยากจน เช่นนี้ยังมีความกตัญญู จึงสั่งลูกน้องให้นำข้าวสาร 3 กระสอบกับเนื้อโค 1 ขามามอบให้ไปเลี้ยงมารดา ..    

     

      :


:


:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
ปลาไนจากน้ำพุ
สมัยราชวงศ์ฮั่น เจียงซือเป็นผู้กตัญญูต่อมารดายิ่งภรรยาชื่อนางผัง มีความกตัญญูต่อแม่ผัวยิ่งกว่าเจียงซือเสียอีก มารดาชอบดื่มน้ำที่มาจากแม่น้ำ นางผังไม่กลัวต่อความยากลำบาก อุตส่าห์ไปหาบน้ำจากแม่น้ำซึ่งอยู่ไกลบ้านมาให้แม่สามีดื่มและใช้ทุกวัน มารดาชอบกินเนื้อปลาที่หั่นเป็นชิ้น ๆ สองสามีภรรยาก็ไปหาปลามาปรุงให้มารดากินทุกวันทั้งยังไปเชิญแม่เฒ่าบ้านใกล้เคียงมาร่วมกินเป็นเพื่อนมารดาเพื่อเป็นการเจริญอาหารอีกด้วย

อยู่มาวันหนึ่ง ที่ข้างบ้านได้เกิดมีแอ่งน้ำพุซึ่งมีกลิ่นและรสเหมือนน้ำจาแม่น้ำ และมีปลาไนคู่หนึ่งปรากฎขึ้นมาทุกวัน จากนั้นเป็นต้นมา สองสามีภรรยาก็ใช้น้ำและปลาจากแอ่งน้ำพุ มาปรุงอาหารให้มารดาบริโภคเป็นประจำ..

          :


:

:ลูกกตัญญูได้ทอง

หยางอี่เป็นขอทานที่ปรนนิบัติดูแลมารดาด้วยความกตัญญูยิ่ง ทุกครั้งที่ได้อาหารมา แม้จะหิวปานใดก็จะต้องให้มารดากินก่อนแล้วตนเองถึงจะกิน ยามมารดามีทุกข์เขาก็จะร้องรำทำเพลง เพื่อให้มารดาเกิดความสำราญบันเทิงใจชาวบ้านร้านถิ่นชื่นชมในความกตัญญูของเขา ยินดีที่จะรับเขาทำงานด้วยเงินเดือนแพง แต่เขาปฏิเสธโดยกล่าวว่า “แม่ผมยังอยู่ จะห่างไกลแม้สักวันได้อย่างไร” เมื่อมารดาถึงแก่กรรม ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคเงิน ช่วยค่าโลงศพโดยฝังไว้ที่ป่าช้า หยางอี่ได้ปลูกกระท่อมอยู่ข้างๆ เพื่อเป็นเพื่อนแม่และหมั่นเซ่นไหว้ทุกวัน เขาได้พบทองคำหนึ่งไหซึ่งฝังอยู่ข้างหลังหลุมฝังศพ มีอักขระจารึกไว้ว่า “ฟ้าประทานแก่ลูกกตัญญู” นี่คือผลลัพธ์แห่งความกตัญญู ..    

     

      :


:


:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
สละน้ำนมให้แม่สามี..
สมัยราชวงศ์ถัง นางจั่งซุนฮูหยินชรามากแล้ว ฟันร่วงหลุดหมดปาก ไม่สามารถขบเคี้ยวอาหารได้ นางถังฮูหยินผู้เป็นบุตรสะใภ้ต้องสละน้ำนมของนางให้กินทุกวัน ก่อนให้น้ำนมแม่ผัว นางจะอาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด แต่งตัวเรียบร้อยเข้าไปในห้องโถง เลิกเสื้อให้แม่ผัวดูดกินน้ำนมจากเต้าของนาง

นางจั่งซุนฮูหยินแม้จะไม่ได้กินข้าว แต่ได้กินน้ำนมทุกวัน เวลาผ่านไปหลายปีนางก็ยังแข็งแรงดี วันหนึ่งนางเกิดป่วยหนัก ได้เรียกบุตรหลานทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วกล่าวว่า “ย่าไม่มีอะไรจะตอบแทนบุญคุณของลูกสะใภ้ ขอเพียงให้ลูกสะใภ้ของลูกหลานทุกคน จงได้มีความกตัญญูต่อแม่ผัวดังเช่นลูกสะใภ้ของย่าคนนี้ย่าก็พอใจแล้ว” ..

          :


:

:จับปลาในบึงน้ำแข็ง

สมัยราชวงศ์จิ้น หวังเสียงกำพร้ามารดาแต่เด็ก นางจูมารดาเลี้ยงเกลียดชังลูกเลี้ยงมาก มักหาเรื่องฟ้องสามีว่าบุตรเลี้ยงอกตัญญูต่าง ๆ ทำให้บิดาพลอยเกลียดหวังเสียงไปด้วย แต่หวังเสียงยังคงกตัญญูต่อพ่อแม่ไม่เสื่อมคลาย มารดาเลี้ยงชอบกินปลาสดที่สุด แต่ตอนนั้นเป็นฤดูหนาวหิมะตกหนัก น้ำในแม่น้ำคลองบึงจับตัวเป็นน้ำแข็ง ไม่อาจจะหาปลาสดได้

หวังเสียงได้ความคิดอย่างหนึ่ง จึงไปที่บึงน้ำแข็งแล้วเปลื้องเสื้อผ้าออก นอนนาบกายลงบนพื้นให้ไออุ่นในร่างเผาลนน้ำแข็ง ครู่ต่อมาน้ำแข็งก็แตกแยกออกเป็นร่องมีปลาไนสองตัวกระโดดขึ้นมา เขาดีใจมาก รีบนำปลาไปปรุงอาหารให้มารดาเลี้ยงกิน ..    

     

      :


:


:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
ล่อยุงให้กัดตัวเอง

สมัยราชวงศ์จิ้น อู๋เมิ่งอายเพียง 8 ขวบก็รู้จักกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้า เนื่องจากทางบ้านยากจนมาก จึงไม่มีเงินซื้อมุ้งมากางที่นอน ในฤดูร้อนยุงชุมมาก ตอนกลางคืนอู๋เมิ่งจะนอนเปลือยกายล่อให้ยุงกัดไม่ยอมปัดไล่ ปล่อยให้มันกัดกินเลือดของเขาจนอิ่ม เพื่อจะได้ไม่ไปกัดบิดา อู๋เมิ่งอายุเพียงแค่นี้ก็ยังรู้จักรักผู้บังเกิดเกล้าถึงปานนี้ นับว่าเป็นยอดแห่งลูกกตัญญู..โดยแท้

          :


:

:สู้!..เสือช่วยพ่อ

สมัยราชวงศ์จิ้น มีเด็กหญิงอายุ 14 ขวบคนหนึ่งชื่อหยางเซียง วันหนึ่งขณะที่นางติดตามบิดาไปที่ไร่ ทันใดนั้น มีเสือตัวหนึ่งกระโจนออกมาคาบบิดาของนางไป ตอนนั้นในมือของหยางเซียงไม่มีอาวุธอะไร แต่ด้วยแรงกตัญญูบวกกับความกล้าหาญ นางจึงกระโดดขึ้นขี่บนหลังเสืออย่างไม่คำนึงถึงชีวิตของตนเอง โดยใช้มือน้อยทั้งสองบีบรัดคอเสือไว้แน่แล้วใช้กำปั้นต่อยไปที่หัวเสืออย่างสุดแรง เสือตกใจก็ปล่อยบิดาแล้ววิ่งหนีหายไป บิดาของหยางเซียงจึงรอดจากถูกเสือกินอย่างหวุดหวิด!! ..    

     

      :


:


:

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version