ผู้เขียน หัวข้อ: ใบย่านาง‏ สรรพคุณในการรักษาโรค  (อ่าน 16655 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คนชล

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 32
  • พลังกัลยาณมิตร 23
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว<<<>>>จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ
    • ดูรายละเอียด
Re: ใบย่านาง‏ สรรพคุณในการรักษาโรค
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2010, 05:10:04 pm »
 :46: ครอบครัวของผมทำน้ำใบย่านางเพื่อดื่มมาราว หนึ่งเดือนครับ ทุกๆคนดื่มประจำผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจในสุขภาพของทุกคนที่แข็งแรงขึ้น ครับ  :35: :13:

ออฟไลน์ jokerzero

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 7
  • พลังกัลยาณมิตร 2
    • ดูรายละเอียด
Re: ใบย่านาง‏ สรรพคุณในการรักษาโรค
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 23, 2010, 07:07:22 pm »

แคลเซียมกับความต้องการของคนต่างวัย
เชื่อว่าทุกคนคงรู้ถึงคุณประโยชน์ของแคลเซียม เป็นอย่างดีแล้ว ว่ามีผลดีต่อร่างกายทช่วยให้กระดูกแข็งแรง และเมื่อเร็วๆนี้มีงานวิจัยที่พบว่าแคลเซียมสามารถช่วยต่อต้านได้อย่างดีต่อโรคความดันโลหิตสูง อาการหัวใจกำเริบ อาการปวดก่อนมีประจำเดือนและมะเร็งลำ ไส้ แต่คนส่วนน้อยมักละเลยว่าการได้รับแคลเซียมต่อวันนั้นย่อมต้องคำนึงถึงวัย เป็นสำคัญด้วย ดังนั้นจึงมีข้อมูลมานำเสนอให้คุณผู้อ่านได้ทราบกันค่ะ


หญิงตั้งครรภ์
สำหรับหญิงมี ครรภ์แล้ว แคลเซียม นับได้ว่าเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อสภาวะการตั้งครรภ์อย่างมาก ควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน จำเป็นต้องได้รับมากกว่าคนธรรมดาเป็นพิเศษ เนื่องจากจะต้องถ่ายทอดแร่ธาตุดังกล่าวสู่ลูกเพื่อการพัฒนาโครงสร้างร่างกาย ของทารกในครรภ์ ดังนั้นหญิงมีครรภ์จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลน แคลเซียม นอกจากจะช่วยให้พัฒนาการเติบโตของทารกในครรภ์เป็นปกติแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษาเสถียรสภาพความหนาแน่นกระดูกในแม่ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคเกี่ยวกระดูกหรือโรค กระดูกพรุน ในภายหลังได้


วัยเด็ก
เด็กๆ ต้องการ แคลเซียม มากกว่าวัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ เด็ก (1-10 ปี) ควรได้รับ 800 - 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อนำมาเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูกและฟัน และส่วนอื่นๆ เพื่อใช้เป็นโครงสร้างของร่างกาย โดยการสะสม แคลเซียม ในเด็กที่หัดพูดจะช้าแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวัยหนุ่มสาว ซึ่งจากการศึกษาพบว่าถ้าปริมาณ แคลเซียม ในร่างกายเด็กต่ำ จะทำให้ขบวนการสะสมเกลือแร่ในกระดูกและความหนาแน่นของกระดูกต่ำ เป็นผลให้เกิดโรคกระดูกอ่อนหรือโรคกระดูกค่อมงอได้ สิ่งที่สำคัญของช่วงอายุนี้คือ การพัฒนารูปแบบการบริโภคให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ร่างกายต้องการให้เพียงพอ เพื่อพัฒนาความหนาแน่นของกระดูก ให้การเติบโตของเด็กเป็นปกติ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกใน ช่วงต่อไปของชีวิตได้


วัยหนุ่มสาว
จากการศึกษาวิจัย แสดงว่า ช่วยอายุ 11-24 ปี เป็นช่วงที่ร่างกายดำเนินขบวนการก่อรูปกระดูก โดยถ้าร่างกายได้รับ แคลเซียม ในปริมาณที่ต่ำกว่าร่างกายต้องการ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลังซึ่งถ้าขาดอย่างร้ายแรงจะก่อให้เกิดโรค กระดูกอ่อน มีอาการเจ็บกระดูก เจ็บกล้ามเนื้อ และเมื่อประสบกับการกระดูกหัก กระดูกจะสมานให้เหมือนเดิมได้ช้า ควรได้รับ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน สิ่งสำคัญคือ การรักษาระดับการบริโภคอาหารให้สอดคล้องกับระดับ แคลเซียม ที่ต้องการเพื่อป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก ถ้าจะต้องมีการสูญเสียไปในภายหลังของช่วงชีวิต โดยถ้าเราได้รับ แคลเซียม ตั้งแต่อยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือกลางคนอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง อายุการสึกหรือผุกร่อนตามธรรมชาติก็จะยืดออกไปได้อีกนานกว่าคนที่รับ แคลเซียมไม่เพียงพอ


วัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ
คนเรา ปกติจะมีโอกาสสูญเสีย แคลเซียม จากกระดูกเมื่อเรามีอายุมากขึ้น เพราะว่าเมื่ออายุเกินกว่า 30 ปีแล้ว ร่างกายจะไม่สะสม แคลเซียม อีกต่อไป โอกาสเผชิญกับโรคเกี่ยวกับกระดูกจะสูงถ้าร่างกายไม่ได้รับ แคลเซียมอย่างเพียงพอ ซึ่งควรได้รับ 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงวัยหมดประจำเดือนซึ่งการศึกษาพบว่าร่างกายจะสูญเสีย กระดูกในช่วงประมาณ 5-6 ปีแรกหลังจากหมดประจำเดือน เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมน oestrogens และประสิทธิภาพในการสร้าง Vitamin D ก็ลดลงตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น จึงมีแนวโน้มจะเป็นโรค กระดูกพรุนสูง ดังนั้นคนในวัยสูงอายุที่มีการเสริม แคลเซียม ให้กับกระดูกอย่างเพียงพอ จะช่วยยับยั้งการสูญเสียกระดูกในช่วงนี้ได้ การเผชิญกับการผุกร่อนของกระดูกจะน้อยลง ความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับโรคที่เกี่ยวกับกระดูกเมื่อย่างเข้าสู่วัยทองก็ น้อยลงหรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้


สนับสนุนเนื้อหา

ออฟไลน์ ริชชี่

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 2
  • พลังกัลยาณมิตร 1
    • ดูรายละเอียด
Re: ใบย่านาง‏ สรรพคุณในการรักษาโรค
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 05:18:43 pm »
ตอนนี้ดีจังเลยครับ
มาพบกับความสะดวกในการดื่มน้ำใบย่านาง ที่ผ่าน เลขที่ อย. 40-2-01952-2-0010



ส่วนประกอบ : เอนไซม์สกัดจาก
ใบย่านาง.......................... 80 %
ผลสับปะรด.......................  5 %
ผลมะนาว..........................  5 %
น้ำบริสุทธิ์ ........................ 10 %

การเก็บรักษา :
เก็บที่อุณหภูมิห้อง ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงแสงแดด คลื่นไมโครเวฟกำลังสูง

วิธีดื่ม :
ครั้งแรก
1 ช้อนชา 5 ซีซี ( ตวง 1 ฝาขวด ) แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนอาหาร หรือในขณะท้องว่าง

หลักการเริ่มดื่ม ให้เริ่มจากน้อยๆ ก่อน เพื่อปรับสภาพการตอบสนอง ต่อเอนไซม์ของร่างกาย เนื่องจากแต่ละคน มีสภาวะความเป็นโรค ความเสื่อม สารพิษสะสมในร่างกาย และ การตอบสนองต่อเอนไซม์ที่ต่างกัน

หลังจากดื่มครั้งแรก 2 วันแล้ว เมื่อร่างกายปรับสภาพต่อเอนไซม์ได้แล้ว จึงเพิ่มปริมาณการดื่มขึ้นตามความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละคน

การดื่มเพื่อดูแลรักษาสุขภาพ :
ดื่มครั้งละ 1 ถึง 2 ช้อนชา ( 5 ถึง 10 ซีซี ) แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้ว
วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น ก่อนอาหาร หรือ ในขณะท้องว่าง

กรณีร่างกายทรุดโทรม หรือมีปัญหาสุขภาพมาก :
สามารถเพิ่มปริมาณการดื่มได้
หลังจากดื่มปรับสภาพแล้ว ให้ดื่มครั้งละ 10 ถึง 20 ซีซี ( ครึ่งขวด ถึง 1 ขวด ) แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้ว
วันละ 2 ถึง 3 ครั้งก่อนอาหาร หรือในขณะท้องว่าง

เทคโนโลยีการสกัด :
สกัดเย็น เพื่อรักษาคุณค่าทางชีวภาพของเอนไซม์ทั้งหมด

เทคโนโลยีการผลิต :
โมเลกุลนาโน เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึมระดับเซลล์


ราคากล่องละ 600 บาทเองจ๊ะ มีทั้งหมด 12 ขวดในกล่องนะจ๊ะ

ติดต่อ 081-9116208