บอร์ดหลักของเว็บ > เสียงของสมาชิกและทีมงาน
นิทาน
lek:
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภแม่ยายหูหนวกคนหนึ่ง …
เรื่องมีอยู่ว่า ในเมืองสาวัตถีมีพ่อค้าคนหนึ่ง มีศรัทธาเลื่อมใส่ในพระพุทธศาสนา
ถือศีลห้าเป็นประจำ วันหนึ่งเขาไปฟังธรรมที่วัดเชตวัน ขณะนั้นแม่ยาย
ได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเขา แต่แม่ยายคนนี้หูแกค่อนข้างตึง
เมื่อไปถึงบ้านพบแต่ลูกสาวอยู่บ้านไม่พบลูกเขยจึงเอ่ยปากถามลูกสาวว่า
“นี่ลูกผัวเอ็งนะยังรักเอ็งอยู่รึเปล่า มีเรื่องทะเลาะกันบ้างไหม?”
ลูกสาวตอบว่า “แม่..คนดีๆ อย่างลูกเขยแม่คนนี้นะ แม้บวชแล้วก็ยังหายาก”
ยายแกฟังคำพูดของลูกสาวไม่ชัดได้ยินแต่คำว่าบวชเท่านั้น
จึงร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกใจว่า
“อ้าว..ผัวเอ็งไปบวชแล้วหรือ”
ชาวบ้านเรือนข้างเคียงกันได้ยินเช่นนั้นก็พากันพูดว่า “พ่อค้าไปบวชเสียแล้ว”
คนที่เดินผ่านไปมาจึงพูดคุยกันแต่เรื่องพ่อค้าออกบวชแล้วฝ่ายพ่อค้าเจ้าของเรื่อง
หลังจากฟังธรรมเสร็จก็เดินกลับบ้าน ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งได้เดินตรงมาจับแขนเขาถามว่า
“ข่าวว่าท่านบวชแล้ว ลูกและเมียของท่านพากันร้องไห้อยู่ที่บ้านมิใช่หรือ”
พ่อค้าไม่พูดอะไรได้แต่คิดว่า เรายังไม่ได้บวชก็มีคนว่าเราบวชแล้ว
ข่าวดีเช่นนี้ไม่ควรให้หายไปไหน ตกลงเราควรจะบวชในวันนี้ละ “
จึงเดินกลับวัดเชตวันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องนั้นแก่พระองค์
หลังจากอุปสมบทได้ไม่นานก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
เพื่อคลายความสงสัยของพวกภิกษุ พระพุทธองค์จึงนำอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นพ่อค้าในเมืองพาราณสี
มีแม่ยายหูตึงเช่นกัน วันหนึ่งเขาเดินทางไปนอกเมืองด้วยราชกรณียกิจอย่างหนึ่ง
ได้เกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้ขึ้น เมื่อเขากลับเข้าเมืองมาทราบข่าวนั้น
จึงไปทูลลาพระราชาออกบวชด้วยการกล่าวเป็นคาถาว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน ในกาลใด บุคคลได้รับสมัญญาว่า
ผู้มีกัลยาธรรมในโลก ในการนั้นนรชนผู้มีปัญญาว่าผู้มีกัลยาณธรรมในโลก
ในกาลนั้นนรชนผู้มีปัญญาไม่ควรให้ตนเสื่อมจากสมัญญานั้นเป็นธุระสำคัญแม้ด้วยหิริ
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน สมัญญาว่าผู้มีกัลยาณธรรมในโลกข้าพระองค์ได้รับแล้ว
ในวันนี้ ข้าพระองค์พิจารณาเห็นสมัญญานั้นอยู่ จักขอบวชในวันนี้
เพราะข้าพเจ้าองค์ไม่มีความพอใจในการบริโภคกามคุณในโลกนี้”
เขาได้บวชเป็นฤาษีอยู่ป่าหิมพานต์จนตลอดชีพ ตายแล้วไปเกิดในพรหมโลก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : คำพูดของผู้คน สามารถชักจูงความคิดของคนให้กระทำความดีความชั่วได้
ขอบพระคุณที่มา http://xn--12cr4akjb8ocn.whitemedia.org/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81-%e0%b8%9a%e0%b8%a7%e0%b8%8a%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a2/
lek:
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน
เมืองสาวัตถี ปรารภอุบายเครื่องข่มกิเลสที่เกิดขึ้น
ภายในพวกภิกษุในยามรุ่งแจ้งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้นหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์
ในเมืองพาราณสี เมื่อเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มได้ไปเรียนศิลปวิทยา
ในสำนักอาจารย์คนหนึ่งในเมืองนั้นเอง
ที่สำนักเรียน อาจารย์มีลูกสาวสวยคนหนึ่ง ต้องการอยากจะได้ลูกเขย
เป็นผู้มีศีลธรรม คิดแผนการได้อย่างหนึ่งแล้ว ก็เรียกประชุมลูกศิษย์ทั้งหมด
ประกาศให้ทราบว่า “นี่เธอทั้งหลาย ลูกสาวเราเติบโตเป็นสาวแล้ว
เราจักให้เธอแต่งงานแต่ยังขาดผ้าประดับอยู่อีกมาก
ขอให้พวกเธอจงลักเอาผ้าประดับพวกญาติๆ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่มีใครเห็นนะ
ผ้าที่มีคนเห็นเราจะไม่รับ” พวกลูกศิษย์รับคำ ตั้งแต่วันนั้นมา ลูกศิษย์คนอื่น ๆ
ก็พากันนำผ้าประดับที่แอบลักได้มอบให้อาจารย์ ท่านก็เก็บรวบรวมไว้ที่หนึ่ง
มีเพียงพระโพธิสัตว์เท่านั้นที่ไม่มีผ้าอะไรมามอบให้ อาจารย์จึงถามว่า
“ทำไมเธอถึงไม่ลักผ้าประดับมาให้อาจารย์ละ” พระโพธิสัตว์ตอบว่า
“อาจารย์ แม้แต่ท่านก็ไม่รับเอาสิ่งของที่เขาเอามาให้ เมื่อมีคนเห็น
ผมก็ไม่เห็นที่ลับในการทำบาปเลย” แล้วกล่าวเป็นคาถาว่า
“ชื่อว่าที่ลับในโลก ย่อมไม่มีแก่ผู้กระทำบาปกรรม
ต้นไม้ที่เกิดในป่าก็ยังมีคนเห็น คนพาลย่อมสำคัญบาปกรรมนั้นว่าเป็นความลับ”
อาจารย์เลื่อมใสเขามาก จึงยกลูกสาวให้แก่เขา
พร้อมกับประกาศให้ศิษย์ทุกคนทราบและให้นำผ้าที่ทุกคนนำมาให้กลับคืนบ้านไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความลับไม่มีในโลก แม้นไม่มีผู้อื่นทราบ ตัวเราเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
ขอบพระคุณที่มา http://xn--12cr4akjb8ocn.whitemedia.org/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81-%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5/
lek:
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี
ทรงปรารภลูกสาวเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถีคนหนึ่งที่หอบผ้า
หนีตามชายค่อมไป ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นเศรษฐี
มีลูกสาวกำลังเป็นวัยรุ่นอยู่คนหนึ่ง นางเห็นเครื่องสักการะ
ที่เขาจัดทำให้โคอุสภราช(หัวหน้าโค)ในบ้านของตน
แล้วถามพี่เลี้ยงว่า
“พี่..โคตัวนี้เป็นอะไร เขาถึงประดับถึงเพียงนี้ ”
พี่เลี้ยงตอบว่า ” นายหญิง..เขาเรียกโคอุสภราชจ้า”
นางคิดว่า “โคที่ได้รับยกย่องว่าเป็นใหญ่ จะมีโหนกที่หลัง
ถ้าเช่นนั้นชายผู้เป็นใหญ่ ก็คงจะมีโหนกขึ้นกลางหลังเช่นกัน”
วันหนึ่งเมื่อเห็นชายหลังค่อมคนหนึ่งระหว่างทางจึงเข้าใจว่า
“ชายคนนี้เป็นบุรุษอุสภราช เราควรจะเป็นภรรยาของเขา”
จึงใช้พี่เลี้ยงไปบอกเขาให้ไปรออยู่ปากทางลูกสาวเศรษฐีจะไปด้วย
นางได้ห่อสิ่งของมีค่าหนีตามชายค่อมนั้นไป
เศรษฐีพอทราบว่าลูกสาวหนีตามชายค่อมไป
ก็ออกติดตามเพื่อนำกลับมาบ้าน ฝ่ายลูกสาวเศรษฐีกับชายค่อม
เดินทางกันทั้งคืนไม่ได้พักผ่อน ชายค่อมถูกความหนาวเหน็บตลอดคืน
รุ่งแจ้งโรคเก่าได้กำเริบขึ้น เดินต่อไปไม่ได้ จึงแวะลงข้างทางนอนขดตัวอยู่
เศรษฐีและคณะตามมาทันเห็นลูกสาวนั่งอยู่ข้างๆชายค่อมนั้น
จึงเข้าไปสนทนาด้วยและพูดว่า
” ลูกรัก เรื่องนี้เจ้าคิดคนเดียวไม่ได้นะ ชายค่อมผู้โง่เขลานี้
จะนำทางเป็นที่พึ่งของเจ้าไม่ได้แน่ ลูกรัก เจ้าไม่สมควรจะไปกับชายค่อมผู้นี้ดอกนะ”
ลูกสาวตอบเป็นคาถาว่า
” ลูกเข้าใจว่าชายค่อมเป็นคนองอาจ จึงได้รักใคร่เขา
เขานอนตัวคดอยู่อย่างนี้ ดุจคันพิณที่สายขาด ”
เศรษฐีได้นำลูกสาวกลับคืนบ้านของตน และให้แต่งงานกับลูกชายเศรษฐีชาวเมืองในเวลาต่อมา
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
วัยรุ่นปัจจุบันมักจะทำตามใจตนเอง ควรถือนิทานเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง
ลูกที่ดีควรยึดถือคำพูดของพ่อแม่เป็นเกณฑ์
ขอบพระคุณที่มา
http://xn--12cr4akjb8ocn.whitemedia.org/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%81-%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a3/
suteawmala1356:
ชอบฟังนิทาน
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version