แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น

พระสูตรเว่ยหล่าง พุทธทาสภิกขุ แปล

<< < (19/21) > >>

ฐิตา:
Relax - Buddhist Meditation Music - Zen Garden - Kokin Gumi



เมื่อได้ฟังโศลกบทนี้ ที่ประชุมต่างกราบนมัสการพระสังฆนายกพร้อมกันทุกคนต่างสำรวมใจปฏิบัติตามโศลกอย่างจริงจัง และละเว้นการขัดแย้งกันในทางศาสนา

        เมื่อเห็นว่าพระสังฆนายกจะจากไปในไม่ช้า ท่านฟัตห่อย ผู้อาวุโส ได้หมอบกราบพระสังฆนายกสองครั้งแล้วถามว่า "เมื่อพระคุณท่านเข้าปรินิพพานแล้วใครจะเป็นผู้ได้รับมอบบาตรจีวรและธรรมต่อไป"

        พระสังฆนายกตอบว่า "สำหรับคำสอนของฉันทั้งหมด นับแต่ได้กล่าวเทศนาในวัดไทฟันตราบจนบัดนี้ จงคัดลอกเป็นเล่มแล้วแจกกจ่ายกันไปก็ได้ แต่ให้ชื่อว่า สูตรอันประกาศบนมหาบัลลังก์แห่งธรรมรถ จงทะนุถนอม ไว้ให้ดี แล้วมอบต่อกันไปตามอนุชนแต่ละรุ่น เพื่อช่วยเหลือสัตว์ทั้งปวง บุคคลที่สั่งสอนตามคำสอนนี้ เป็นผู้ที่สั่งสอนตามธรรมแท้

        พอแล้วสำหรับธรรม ส่วนการรับช่วงจีวรนั้น ถือว่าเป็นการสิ้นสุดกัน เพราะเหตุใดหรือ? เพราะว่าท่านทั้งหลายต่างก็ศรัทธาต่อคำสอนของฉันโดยพร้อมมูล ทั้งท่านก็ปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ แล้ว ท่านย่อมสามารถสืบต่อจุดประสงค์อันสูงยิ่งของสำนักเราให้ลุล่วงไปได้ นอกจากนั้นตามความหมายในโศลกของท่านโพธิธรรม พระสังฆนายกองค์แรกผู้ถ่ายทอดพระธรรมและบาตรจีวรท่านก็ไม่ประสงค์จะให้มอบแก่ใครต่อไปอีก โศลกนั้นคือ:-


จุดประสงค์ในการมาดินแดนนี้
ก็เพื่อถ่ายทอดพระธรรม สำหรับปลดปล่อยสัตว์ที่ถูกครอบงำไว้

ด้วยความหลงผิด

เมื่อมีกลีบครบห้ากลีบ ดอกไม้นั้นก็สมบูรณ์
หลังจากนั้นไป ผลจะปรากฏขึ้นเองตามธรรมชาติ


ฐิตา:



    พระสังฆนายกกล่าวเสริมต่อไปว่า "ท่านผู้คงแก่เรียนทั้งหลาย จงชำระจิตของท่านให้บริสุทธิ์และฟังฉันพูด ใครที่ปรารถนาจะบรรลุปัญญาของพุทธะ ซึ่งรู้ไปในทุกๆสิ่ง เขาก็ควรรู้จัก สมาธิเฉพาะวัตถุประสงค์ และ สมาธิเฉพาะแบบ ในทุกๆกรณี เราควรเปลื้องตนออกเสียจากความผูกพันในวัตถุทั้งหลาย และวางท่าทีต่อสิ่งเหล่านั้นให้เป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย อย่าปล่อยให้ชัยชนะหรือความปราชัย และการได้มาหรือการสูญเสียก่อความกังวลแก่เราได้ จงสงบและเยือกเย็น จงสุภาพและอารีอารอบ จงซื่อตรงและเที่ยงธรรมสิ่งเหล่านั้นคือ สมาธิเฉพาะวัตถุประสงค์ ในทุกๆ โอกาส ไม่ว่าเราจะยืน เดิน นั่งหรือนอน จงเป็นคนตรงแน่ว เราก็จะดำรงอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และไม่ต้องเคลื่อนไหวแม้สักน้อย เราก็เสมือนกับอยู่ในอาณาจักรแห่งดินแดนอันบริสุทธิ์ สิ่งเหล่านี้คือ สมาธิเฉพาะแบบ.

        ผู้ที่ปฏิบัติตามสมาธิทั้งสองอย่างนี้ ได้ครบถ้วนแล้ว ก็เสมือนกันเนื้อนาที่ได้หว่านเมล็ดพืชลงไป แล้วกลบไว้ด้วยโคลน เมล็ดพืชจึงได้รับการบำรุงและเจริญเติบโต ตราบจนกระทั่งผลิผล."

        คำสอนของฉันขณะนี้ ไม่ผิดอะไรกับฝนตกตามฤดูกาล ซึ่งจะนำความชุ่มชื่นมาสู่ผื่นแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ธรรมชาติแห่งพุทธะซึ่งมีอยู่ภายใน เหมือนกับเมล็ดพืชที่ได้รับความชุ่มชื่นจากสายฝน ย่อมจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ใครที่ปฏิบัติตามคำสอนของฉัน ย่อมจะได้บรรลุถึงโพธิอย่างแน่นอน ใครที่ดำเนินตามคำสอนของฉัน ย่อมจะได้รับผลอันสูงเลิศเป็นแน่แท้ จงฟังโศลกดังนี้:-

"เมล็ดพืชแห่งพุทธะ แฝงอยู่ในจิตของเรา

ย่อมงอกตามสายฝน ที่ซึมซาบไปในทุกสิ่ง

ดอกไม้แห่งหลักธรรม เมื่อได้ผลิออกมาด้วยปัญญาญาณ

ผู้นั้นย่อมแน่แท้ ที่จะเก็บเกี่ยวผลแห่งการตรัสรู้

ฐิตา:



     จากนั้นพระสังฆนายกได้เสริมต่อไปว่า "ธรรมนั้นไม่เป็นของคู่ และจิตก็ฉันนั้น มรรคนั้นบริสุทธ์ และอยู่เหนือรูปทั้งมวล ฉันขอเตือนท่าน อย่าปฏิบัติสมาธิในเรื่องความเงียบสงบ หรืออย่าทำจิตให้ว่างเปล่า จิตนั้นบริสุทธิ์อยู่แล้ว โดยธรรมชาติ ดังนั้น จึงไม่มีอะไร ที่เราจะต้องไปใฝ่หา หรือ ยกเลิก แต่ละท่านจงปฏิบัติให้ดีที่สุด และไปในที่ทุกแห่งตามแต่เหตุการณ์จะนำไป"

        จากนั้นสานุศิษย์ทั้งหลายต่างกราบนมัสการและเลิกประชุม

        ครั้นถึงวันขึ้นแปดค่ำ เดือนเจ็ด พระสังฆนายกสั่งให้สานุศิษย์ของท่านจัดเรือโดยด่วน เพื่อท่านจะกลับไปชุนเจา เมืองเกิดของท่าน บรรดาสานุศิษย์ทั้งหลายโดยพร้อมกันวิงวอนท่านอย่างร้อนรนและน่าสังเวช ขอให้ท่านอยู่ต่อไป

        พระสังฆนายกกล่าวว่า "เป็นธรรมดาเหลือเกิน ที่ฉันควรจะไป เพราะความตาย เป็นผลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นของความเกิด แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายซึ่งพระองค์เสด็จมาในโลกนี้ ก็ต้องผ่านการตายทางโลกีย์ ก่อนที่จะเสด็จเข้าสู่พระมหาปรินิพพาน เรื่องนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น สำหรับกายอันเป็นเนื้อหนังของฉันซึ่งจะต้องเหยียดยาวลง ณ ที่ใดที่เหนึ่ง"

        ที่ประชุมต่างวิงวอนว่า "เมื่อท่านได้เยี่ยมชุนเจาแล้ว จะเร็วหรือช้าก็ตามขอได้โปรดกลับมาที่นี่เถิด"
        พระสังฆนายกตอบว่า "ใบไม้ที่หล่นจากต้นแล้ว ย่อมกลับคืนไปสู่รากเมื่อฉันมาที่นี่ครั้งแรก ฉันก็ไม่ได้บอกใคร"

        ที่ประชุมถามว่า "ใครครับ พระคุณท่าน ที่ท่านได้ถ่ายทอดขุมกำเนิดแห่งดวงตาของธรรมแท้?"
        พระสังฆนายกตอบว่า "มนุษย์ในหลักธรรมย่อมได้รับ และบรรดาผู้ซึ่งหลุดพ้นแล้วจากความคิดเห็นอันเฉียบขาด ย่อมเข้าใจ"

        ที่ประชุมถามต่อไปว่า "จะมีเหตุวิบัติเกิดขึ้นแก่ท่านบ้างหรือไม่ หลังจากนั้น?"
        พระสังฆนายกตอบว่า "ห้าหรือหกปีหลังจากที่ฉันได้จากไปแล้ว จะมีคนผู้หนึ่งมาตัดศีรษะฉัน ฉันได้กำหนดคำทำนายไว้แล้วดังนี้:-

ฐิตา:



สิ่งสักการะ ได้เทอดทูนไว้เหนือศีรษะของบิดามารดา
เพื่อเป็นการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

เมื่อเหตุวิบัติได้บังเกิดขึ้นแก่มุนี
ยังและหลิวจะได้เป็นขุนนาง"
   จากนั้น ท่านกล่าวเสริมต่อไปว่า "เมื่อฉันจากไปแล้วเจ็ดสิบปี จะมีพระโพธิสัตว์สององค์มาจากทางตะวันออก องค์หนึ่งเป็นฆราวาส อีกองค์หนึ่งเป็นพระภิกษุ มาสั่งสอนธรรมในเวลาเดียวกัน จะเผยแพร่พระธรรมออกไปอย่างกว้างขวาง จะเสริมสร้างสำนักของเราให้มีรากฐานมั่นคง ปฏิสังขรณ์วัดของเรา และถ่ายทอดหลักธรรมให้แก่ผู้สืบทอดที่มีชื่อเสียงอีกมากมาย

        สานุศิษย์ทั้งหลายถามว่า "ท่านจะให้พวกข้าพเจ้าทราบได้ไหมว่า ธรรมนี้ได้ถ่ายทอดกันมากี่ชั่วคนแล้ว นับจากพระพุทธเจ้าพระองค์แรกเป็นต้นมา?"

        พระสังฆนายกตอบว่า "พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาในโลกนี้ มีจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วยพระองค์ ขอให้เรากล่าวนามของพระองค์ เพียงเจ็ดพระองค์หลังเถิด คือ


พระพุทธเจ้า  วิปัสสิน      กัปป์ที่แล้ว(อาลัมกรกัลป์)
พระพุทธเจ้า  สิขิน          กัปป์ที่แล้ว(อาลัมกรกัลป์)

พระพุทธเจ้า  เวสสภู      กัปป์ที่แล้ว(อาลัมกรกัลป์)
พระพุทธเจ้า  กกุสันธ      กัลป์ปัจจุบัน (ภัทรกัลป์)

พระพุทธเจ้า  โกนาคมน  กัลป์ปัจจุบัน (ภัทรกัลป์)
พระพุทธเจ้า  กัสสป       กัลป์ปัจจุบัน (ภัทรกัลป์)

พระพุทธเจ้า  โคตม       กัลป์ปัจจุบัน (ภัทรกัลป์)     

จากพระพุทธเจ้าโคตม พระธรรมได้ถ่ายทอดมาสู่

พระสังฆนายกที่ 1           พระอารยะ  มหากัสสปะ

พระสังฆนายกที่ 2           พระอารยะ  อานนท์
พระสังฆนายกที่ 3           พระอารยะ  สันวส

พระสังฆนายกที่ 4           พระอารยะ  อุปคุปต
พระสังฆนายกที่ 5           พระอารยะ  ธริตก

พระสังฆนายกที่ 6           พระอารยะ  มิฉก
พระสังฆนายกที่ 7           พระอารยะ  วสุมิตร

พระสังฆนายกที่ 8           พระอารยะ  พุทธนันทิ
พระสังฆนายกที่ 9           พระอารยะ  พุทธมิตร

พระสังฆนายกที่ 10           พระอารยะ  ปาสว
พระสังฆนายกที่ 11           พระอารยะ  ปุนยยสัส

พระสังฆนายกที่ 12           พระโพธิสัต์  อัศวโฆษ 
พระสังฆนายกที่ 13           พระอารยะ  กปิมล

พระสังฆนายกที่ 14           พระโพธิสัตว์  นาคารชุน 
พระสังฆนายกที่ 15           พระอารยะ  คนเทว

พระสังฆนายกที่ 16           พระอารยะ  ราหุลต
พระสังฆนายกที่ 17           พระอารยะ  สังฆนันทิ

พระสังฆนายกที่ 18           พระอารยะ  สังฆยสัส
พระสังฆนายกที่ 19           พระอารยะ  กุมารต

พระสังฆนายกที่ 20           พระอารยะ  ขยต
พระสังฆนายกที่ 21           พระอารยะ  วสุพันธุ

พระสังฆนายกที่ 22           พระอารยะ  มนูร
พระสังฆนายกที่ 23           พระอารยะ  อักเสนยสัส

พระสังฆนายกที่ 24           พระอารยะ  สินห
พระสังฆนายกที่ 25           พระอารยะ  วิสอสิต

พระสังฆนายกที่ 26           พระอารยะ  ปุนยมิตร
พระสังฆนายกที่ 27           พระอารยะ  ปรัชญาตาระ

พระสังฆนายกที่ 28           พระอารยะ  โพธิธรรม
(พระสังฆนายกองค์ที่ 1ของจีน (ตั้กม้อ)

พระสังฆนายกที่ 29           พระอาจารย์  เว่ยโห
พระสังฆนายกที่ 30           พระอาจารย์  ซังซาน

พระสังฆนายกที่ 31           พระอาจารย์  ตูชุน
พระสังฆนายกที่ 32           พระอาจารย์  ฮวางยาน

และฉันเป็นพระสังฆนายกที่ 33 จากการสืบต่อทางสานุศิษย์
ที่พระธรรมได้ถ่ายทอดจากพระสังฆนายกองค์หนึ่งไปยังอีกองค์หนึ่ง
นับจากนี้ไป ท่านทั้งหลายควรถ่ายทอดต่อไปให้คนรุ่นหลัง จากอนุชนรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
เพื่อเป็นการรักษาประเพณีเอาไว้.

ฐิตา:


ลำดับพระสังฆปรินายกฝ่ายเซน 
พระอริยสงฆ์สาวกผู้ซึ่งได้รับการถ่ายทอดชี้ธรรม ด้วยวิถีแห่ง "จิต สู่ จิต"
แต่ละรุ่นๆ จะได้รับมอบ บาตร จีวร สังฆาฏิ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสัญญลักษณ์สำคัญของตำแหน่ง

釋迦牟尼佛 พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า

การถ่ายทอดธรรมดังกล่าวมีพระอริยเจ้าแต่ละสมัยรับช่วงสืบทอดกันลงมาโดยลำดับดังนี้

1.初祖訶迦葉尊者 พระมหากัสสปเถระ
2.二祖阿難陀尊者 พระอานนท์เถระ

3.三祖商那和修尊者 พระสันนวสะเถระ
4.四祖優婆□多尊者 พระอุปคุปด์เถระ

5.五祖提多迦尊者 พระธริตกเถระ
6.六祖彌遮迦尊者 พระมัจฉกะ

7.七祖婆須密尊者 พระวสุมิตรเถระ
8.八祖佛陀難提尊者 พระพุทธนันทิเถระ

9.九祖伏馱密多尊者 พระพุทธมิตรเถระ
10.十祖脅尊者 พระปารศวะเถระ

11.十一祖富那夜奢尊者 พระปุณยยศัสเถระ
12.十二祖馬鳴大士 พระอัศวโฆษ มหาโพธิสัตว์

13.十三祖迦毗摩羅尊者 พระกบิลเถระ
14.十四祖龍樹尊者 พระนาคารชุน มหาโพธิสัตว์

15.十五祖迦那提婆尊者 พระคุณเทวเถระ
16.十六祖羅侯羅多尊者 พระราหุลตเถระ

17.十七祖僧伽難提尊者 พระสังฆนันทิเถระ
18.十八祖伽耶舍多尊者 พระสังฆยศัสเถระ

19.十九祖鳩摩羅多尊者 พระกุมารตเถระ
20.二十祖闍夜多尊者 พระชยเถระ

21.二十一祖婆修盤頭尊者 พระวสุพันธุเถระ
22.二十二祖摩拏羅尊者 พระมนูรเถระ

23.二十三祖鶴勒那尊者 พระฮักเลนยศัสเถระ
24.二十四祖師子尊者 พระสินหเถระ

25.二十五祖婆舍斯多尊者 พระวสิอสิตเถระ
26.二十六祖不如密多尊者 พระปุณยมิตรเถระ

27.二十七祖般若多羅尊者 พระปรัชญาตาระ
28.二十八祖菩提達磨大師 พระโพธิธรรม

โดย ลำดับที่ 28 (สายชมพูทวีป) คือพระโพธิธรรม เมื่อท่านเดินทางเผยแพร่พุทธศาสนาเข้าสู่จีน
ที่นี่เองการอ่านชื่อออกเสียงว่า "โพธิธรรม" หรือ "โบ-ตะ-มะ" ที่คนไทยรู้จักกันในนาม "ตั๊กม้อ"
ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลิน นับเป็นพระสังฆปรินายกฝ่ายเซนองค์แรกในจีน ต่อมาเมื่อสืบทอดพระสังฆปรินายก
องค์ที่ 3 (ฝ่ายจีน) จึงได้เผยแพร่เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น

วัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดี ได้แฝงเอาพุทธปรัชญา แบบเซนไว้อย่างแนบแน่น
เช่น พิธีชงชา อิเคบานะ(การจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น) วิถีซามุไร คิวโด(การยิงธนูแบบญี่ปุ่น)
แม้แต่แนวทางการเล่นโกะหรือหมากล้อมแบบญี่ปุ่น เป็นต้น

********


ข้อมูลส่วนนี้จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version