ผู้เขียน หัวข้อ: หวานเป็นลม ขมเป็นโกโก้  (อ่าน 1435 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Plusz

  • กล่องแก้วแจ้วเจรจา
  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • *
  • กระทู้: 1555
  • พลังกัลยาณมิตร 376
  • Love yourself cuz no one will
    • extionary
    • Plusz009
    • ดูรายละเอียด
หวานเป็นลม ขมเป็นโกโก้
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 12:51:43 pm »

โดย : ดาด้า
คนโบราณว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา ก็คงจริงดังว่า ไม่ว่าจะเป็นมะระ บอระเพ็ด สะเดา ฝักลิ้นฟ้า ขมขั้นเทพกันทั้งนั้น โกโก้เป็นเครื่องดื่มที่ขมอร่อย
ไม่รู้ว่าใครเคี้ยวเมล็ดโกโก้หรือนำผลโกโก้สดมาแปรรูปเป็นอย่างอื่นหรือไม่ แต่คนทั้งโลกต่างรับรู้และนิยมบริโภคโกโก้ที่ถูกแปลรูปแปลงร่างเป็น ช็อคโกแลต มาช้านานแล้ว จนหลายคนคลั่งไคล้เป็นแฟนพันธุ์แท้ช็อคโกแลตเลยทีเดียว
ผู้คนอาจชอบช็อคโกแลตเพราะกลิ่นหอมชวนเคลิ้ม ครีมและนมอ่อนนุ่ม ลิ้มรสหวานจากน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง หรือขบเคี้ยวเพลิดเพลินกับส่วนผสม อย่างถั่ว อัลมอนด์ ธัญพืชอื่นๆ
แต่สุดท้ายต้องยอมรับว่า ความขมของโกโก้ คือคุณสมบัติโดดเด่นชนะขาด
บ่อยครั้งที่เรามักกำหนดคุณค่าของ ดาร์คช็อคโกแลต เข้มขมปี๋ ด้วยปริมาณโกโก้ในตัวผลิตภัณฑ์ช็อคโกแลต หากปริมาณโกโก้มากกว่าอีกแบรนด์หนึ่ง ก็จะรีบฉกจากชั้นวางใส่รถเข็นทันที ทว่า ปริมาณมากหรือน้อย อาจไม่ใช่ตัวบ่งชี้ประโยชน์เสมอไป
สิบปีก่อน นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากองค์กร-มหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง ป่าวประกาศว่า สารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อ ฟลาวานอยส์ (Flavanols) ตามธรรมชาติในเมล็ดโกโก้จะออกฤทธิ์เพิ่มเอ็นไซม์ เพื่อไปทำปฏิกิริยากับ Nitric Oxide ที่อยู่ในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น และจะเก็บกัก Nitric Oxide ได้นานขึ้น รวมทั้งชะลอกระบวนการสูญสลายของเอ็นไซม์ตัวนี้
หัวใจจึงไม่ต้องใช้แรงมหาศาลมาสูบฉีดเลือดให้ทะลุชั้นไขมันที่เกาะอยู่ ตามผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นตัวการร้ายขัดขวางการไหลเวียนของเลือด แถมยังมีส่วนช่วยรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอีกด้วย
ฟลาวานอยส์จึงเป็นฮีโร่ ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ลดภาวะการอุดตันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองแตก เบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงได้
ล่าสุด ผลวิจัยสารตัวนี้ทดลองในคน แสดงผลระยะสั้นว่า หลังรับประทานช็อคโกแลตที่มีสารฟลาวานอยส์ภายใน 2 ชั่วโมง ผู้ทดลองมีระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และในระยะยาว หลังรับประทานไป 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมปริมาณน้ำตาลได้ดีขึ้น
และสามารถอ้างอิงข้อมูลจากชาวปานามา พวกเขามีสถิติการบริโภคโกโก้มากกว่าชาติอื่น จึงมีอัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงลดน้อยลงด้วย
ข้อดีอันน่าอัจจรรย์กระตุ้นต่อมคำถามต่อมาว่า เราต้องบริโภคช็อคโกแลตแค่ไหนจึงจะได้รับสารมหัศจรรย์เพียงพอ
ดร. คาร์ล คีน กรรมการภาควิชาโภชนาการและศาสตราจารย์ด้านโภชนาการและแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย เดวิส บอกว่า จากผลวิจัยตอนนี้ การบริโภคสารฟลาวานอยส์ในปริมาณ 350 มิลลิกรัมจึงจะเห็นผล
แต่ข้อเสียของฟลาวานอยส์ในโก้โก้มักถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน ช็อคโกแลตบางตัวอาจมีสารตัวนี้น้อยหรือไม่มีเลยก็ได้ ถ้าผู้ผลิตช็อคโกแลตไม่ควบคุมอุณหภูมิ ,ค่าความเป็นกรด/ด่าง และกระบวนการผลิตแปรรูปที่ถูกต้อง ก่อนส่งต่อให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์เต็มเปี่ยม
ในขณะที่เราสามารถบริโภคได้ทุกรูปแบบ ทั้งเป็นช็อคโกแลตแท่ง เป็นผงผสมน้ำดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น หรือจะผสมกับเครื่องดื่มอื่นก็ได้ เพราะยังไม่ผลพิสูจน์ใดออกมายืนยันว่า ถ้ากินดาร์คช็อคโกแลตแล้วจะได้รับฟลาวานอยส์มากกว่า หรือบริโภคอย่างอื่นร่วมด้วยแล้ว ปริมาณสารฟลาวานอยส์จะลดลง
ฉะนั้น เราต้องกระตือรือร้น หาข้อมูลผู้ผลิตที่ใส่ใจถนอมรักษาสารฟลาวานอยส์ให้มากที่สุด และควรบริโภคอาหารประเภทอื่นที่มีฟลาวานอยส์เพิ่มเติม เช่นองุ่น แอปเปิ้ล และใบชา ถึงแม้จะไม่เข้มข้นเหมือนโกโก้ที่มีมากกว่า 5 เท่าตัวก็ตาม
ขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรรับประทานช็อคโกแลตอย่างบ้าคลั่ง มากเกินความพอดี เพราะอย่าลืมว่า ส่วนประกอบอื่นๆ ในช็อคโกแลตทำให้เกิดภาวะโรคอ้วนได้เหมือนกัน
 
มีความสุข
ทุกครั้งที่เป็นตัวของตัวเอง

===== ได้เวลาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ =====                                       ===== ได้เวลาวิ่ง กลิ้งนะกลิ้งนะแฮมทาโร่ =====