ผู้เขียน หัวข้อ: มะเร็งลำไส้ ภัยเงียบที่คุกคามชีวิตคนเมือง  (อ่าน 1261 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Plusz

  • กล่องแก้วแจ้วเจรจา
  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • *
  • กระทู้: 1555
  • พลังกัลยาณมิตร 376
  • Love yourself cuz no one will
    • extionary
    • Plusz009
    • ดูรายละเอียด
มะเร็งเป็นหนึ่งในสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี และปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาทางการแพทย์ใดๆ สามารถชี้ชัดสาเหตุที่แท้จริงของโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ผู้ป่วยในระยะต้นๆ มักไม่ค่อยมีอาการ ทำให้กว่าจะรู้ว่าตัวเองป่วย มะเร็งก็อาจลุกลามไปแล้ว ผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง คือผู้ที่รับประทานอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ โดยเฉพาะกลุ่มที่รับประทานอาหารที่มีวิตามินและกากใยน้อย ดังนั้นการป้องกันโรคดังกล่าวคือการรับประทานอาหารในกลุ่มนี้ในปริมาณที่เพียงพอและสม่ำเสมอ แต่จากการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน แค่จะรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อตรงตามเวลาก็เป็นเรื่องยากแล้ว อีกทั้งข้อจำกัดด้านเวลายังทำให้ทางเลือกของอาหารในแต่ละมื้อมีน้อยมีน้อยลงไป บ่อยครั้งที่เราต้องรับประทานอาหารจานด่วนที่มีผักอยู่เพียง 2-3 ชื้น คือ แตงกวา หรือบ้างก็ไม่มีเลย ยิ่งเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดแล้วยิ่งแทบไม่มีผักผลไม้เป็นส่วนผสมอยู่ในอาหารจานนั้นๆ   
วิตามิน
วิถีชีวิตที่บีบคั้นเช่นนี้ยิ่งทำให้การป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งลำไส้ยากขึ้นไปอีก ไม่เฉพาะ็งลำไส้เท่านั้น แต่นักโภชนาการชั้นนำของเมืองไทยอย่างศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุรัตน์ โคมินทร์ หัวหน้าหน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ยังระบุว่าคนไทยเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ กระดูกพรุน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็งอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ศ.นพ. สุรัตน์ยังกล่าวในงานเสวนาทางการแพทย์ ปฎิวัติโภชนาการ เพื่อชีวิตใหม่ อ่อนวัย ห่างไกลโรค จัดโดยไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ หนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์วิตามินและเกลือแร่รวม ว่าสำนักที่ปรึกษา กรมอนามัยได้เคยทำการสำรวจ พบว่าคนไทยทุกเพศทุกวัยจำนวนไม่น้อยได้รับวิตามินและเกลือแร่ต่ำกว่าที่ร่างกายต้องการตามมาตรฐานปริมาณสารอาหารที่แนะนำในแต่ละวัน (Thai RDA) ทั้งๆ ที่วิตามินและเกลือแร่นั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย ด้านศาสตราจารย์ เจฟฟรี่ บี บลูมเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาและผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านสารต้านอนุมูลอิสระ ศูนย์วิจัยโภชนาการมนุษย์และการเปลี่ยนตามวัย มหาวิทยาลัยทัฟส์ สหรัฐอเมริกา กล่าวในงานเสวนาเดียวกันว่า การบริโภควิตามินและเกลือแร่รวมในรูปของผิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาสุขภาพของคนในยุคปัจจุบันที่มีภารกิจรัดตัว กินนอนไม่เป็นเวลา ออกกำลังกาย และพักผ่อนน้อย เพราะเป็นวิธีการที่สะดวก ที่สามารถช่วยเติมเต็มร่างกายให้ได้รับวิตามินและเกลือแร่ที่ต้องการในแต่ละวัน และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ด้วย ทั้งนี้ การได้รับวิตามินรวมติดต่อกันเป็นเวลา 15 ปี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ สูงถึง 80% สำหรับวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์วิตามินให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายผู้บริโภคสุงสุดนั้น ศาสตราจารย์ เจฟฟรี่ ได้เสนอข้อพิจารณาสำคัญเบื้องต้น 3 ข้อ ได้แก่ - ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินและเกลือแร่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ - ผลิตภัณฑ์วิตามินเกลือแร่รวมนั้นต้องมีปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน - ผลิตภัณฑ์นั้นควรประกอบด้วยสารอาหารวิตามินและเกลือแร่ล้วนๆ ไม่เจือปนส่วนประกอบอื่นๆ
มีความสุข
ทุกครั้งที่เป็นตัวของตัวเอง

===== ได้เวลาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ =====                                       ===== ได้เวลาวิ่ง กลิ้งนะกลิ้งนะแฮมทาโร่ =====