ผู้เขียน หัวข้อ: ศูนย์ปฏิบัติธรรมแบบทิเบตแห่งแรกของประเทศไทย  (อ่าน 4220 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด


ในวันที่รุ้งกินน้ำหลังอบรมวิถีฑากินี มิถุนายน 2552

สถานปฏิบัติธรรมแห่งป่าสีเสียด
ศูนย์ปฏิบัติธรรมแบบทิเบตแห่งแรกของประเทศไทย

มูลนิธิพันดาราสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมแบบทิเบตแห่งแรกของประเทศไทยบนเนื้อที่ 68 ไร่ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า ภูเขาสูง และทะเลสาบธรรมชาติ ณ ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้มีชื่อว่า “ภัทรกัลป์ตาราขทิรวัน” หรือเรียสั้นๆว่า “ขทิรวัน” หมายถึงป่าขทิระหรือป่าสีเสียด

ขทิรวันเป็นชื่อสวรรค์ของพระแม่ตารา พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณา ตามตำนานและในบทสวดมนตร์กล่าวว่าพระองค์กำเนิดจากน้ำพระเนตรของพระอวโลกิเตศวรหรือ ที่คนไทยรู้จักในนามของ “เจ้าแม่กวนอิม”เมื่อคราวกรรแสงที่เห็นสัตว์นรกมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

จุดเด่นของศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้คือเป็นที่ประดิษฐาน พระศานติตารามหาสถูป ซึ่งจะก่อสร้างตามแบบพุทธศิลป์ทิเบตโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เป็นที่กราบสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนกาย วาจา ใจของพระพุทธเจ้า

จุดเด่นอีกประการของศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้คือการเป็นสถานที่ฝึกจิตตามแนวการปฏิบัติซกเช็นและเป็นสถานที่จำศีลปลีกวิเวกเพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้ใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

การบริหารงานของขทิรวันจะเป็นไปตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ป่าขทิระแห่งนี้เป็นป่ารื่นรมย์ทางจิตวิญญาณ และเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน

นอกจากนี้ ขทิรวันจะเป็นที่ตั้งของห้องสมุด เพื่อให้ผู้สนใจเรื่องราวของทิเบตและหิมาลัยรวมทั้งเรื่องการแพทย์แบบทิเบตได้มีแหล่งเรียนรู้

การตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมนี้เป็นทางเลือกหนึ่งให้คนไทยได้แสวงหาความหมายของการดำรงชีวิตโดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้เกิดความรักใคร่ปรองดองในสังคม และเพื่อน้อมนำให้เกิดความสุขและสันติภาพบนโลก



ภาพข้างบนแสดงขทิรวันในวันแรกๆที่เราเข้าไปพัฒนา (สิงหาคม 2550)



ภาพต่อไปนี้แสดงขทิรวันในปัจจุบัน


ในวันที่เรือนปฏิบัติธรรมบ้านดินสร้างเสร็จ กุมภาพันธ์ 2553


ในวันเสวนาบทบาทของสตรีในพระพุทธศาสนา มีนาคม 2553

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด



                                       

 


วิธีการเดินทาง

1 การเดินทางโดยรถประจำทาง หรือรถทัวร์ สามารถขึ้นรถทัวร์ได้ที่สายใต้ใหม่ ขึ้นรถ กทม-หัวหิน-ปราณ ลงรถที่อ.หัวหิน จากท่ารถต้องเดินมาขึ้นรถสองแถว ที่คิวรถสองแถวหัวหิน-หนอง พลับ ประมาณ 200 เมตร (หน้ามูลนิธิหัวหิน) สอบถามจากวินมอเตอร์ไซด์ หรือคนแถวนั้น  ตอนลงจากรถทัวร์ว่าคิวรถอยู่ตรงไหน

2 รถตู้จากอนุเสาวรีย์ชัยฯ กทม-หัวหิน  หรือ มาลงที่อ.หัวหิน  เดินมาขึ้นรถสองแถวที่คิวรถหัวหิน-หนองพลับ 100 เมตร แจ้งรถสองแถวว่าต้องการลงที่ศูนย์ทิเบตบริเวณหมู่บ้านมะค่าสี่ซอง เลยอบต หนองพลับ ประมาณ 7 กิโล


   :  http://krisadawan.wordpress.com/2010/05/25/how-to-get-to-khadiravana/
                    :13:http://www.sookjai.com/index.php?topic=3246.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 21, 2010, 05:42:32 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ดอกโศก

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • *
  • กระทู้: 862
  • พลังกัลยาณมิตร 595
    • rklinnamhom
    • ดูรายละเอียด
ถ้าพี่แป๋มแวะไป ฝากกราบครูกฤษ ด้วยนะคะ

แสนจะคิดถึงครูค่ะ
 :13:

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

                 

รอสะดวก เราค่อยไปด้วยกันค่ะน้องบัว...
                         :19:

.._ _
Krisadawan Kalsang Dawa
26 มกราคม เวลา 23:28 น. ·
หลังประชุมและทำงานเอกสารกองโตอย่างเร่งด่วนสามวันที่ผ่านมานี้ วันนี้ครูก็ตัดสินใจหยุดทำงานชั่วคราวแล้วเดินทางกลับสู่ขทิรวันอันเป็นที่รัก

ค่ำนี้ได้กลับมาอยู่กับความสงบเงียบของบ้านป่าอีกครั้ง

คืนนี้ไม่มีแสงเดือนแต่มีแสงดาวระยิบระยับพร้อมกับเมฆทาบฟ้าดุจกลดรอบจันทร์หม่น ไม่ว่าจะยามใด ธรรมชาติก็ช่างงดงามและมีอานุภาพเยียวยาจิตใจที่เหนื่อยล้า

ก่อนขึ้นมาที่พัก พนักงานของศูนย์ฯ บอกว่าได้ไถ่ชีวิตไก่โต้งที่กำลังจะถูกนำไปเชือด เขาขอเลี้ยงไก่ตัวนี้ ครูอนุญาตด้วยความยินดี

ช่างเป็นกุศลที่พนักงานของเราได้ไถ่ชีวิตสัตว์และสัตว์นั้นมีบ้านใหม่ ณ ขทิรวันแห่งนี้ นี่เป็นของขวัญก่อนที่ตรุษจีนและตรุษทิเบตจะมาเยือนซึ่งจะเป็นการอำลาปีระกาอย่างแท้จริง

อีกสิ่งดีๆ ที่ได้ทำในค่ำนี้คือการสวดมนตราแห่งความกรุณา “โอม มา ตรี มู เย ซา เล ดู” เพื่ออุทิศให้แก่ผู้จากไปรวมทั้งไก่ที่ถูกนำไปเชือดทั้งตัวที่ได้ตายไปนานแล้วและตัวที่เพิ่งตายจากไป

สัตว์ใด มนุษย์ใด ในวาระสุดท้ายของชีวิต หากไม่เคยได้เตรียมจิตหรือนึกถึงความตายเลย คงจะเจ็บปวดอย่างมากด้วยเวทนาทางกายและทุกข์ทางใจ

มนตราบทนี้มีพลานุภาพที่จะทำให้หัวใจแข็งกระด้างอ่อนโยน ที่จะทำให้ความรักท่วมท้นใจเราแล้วแผ่ไปสู่สัตว์เล็กสัตว์น้อย

: สู่ผู้จากไปทั้งในวัยทารก เด็ก หนุ่มสาว และแก่ชรา
: สู่ผู้มีทุกข์จากการถูกจองจำ ถูกทำโทษแสนสาหัส
: ผู้ขาดอาหาร เครื่องดื่ม สิ่งของ และผู้มีแต่ความปรารถนาที่จะได้รับประโยชน์จากผู้อื่นอย่างไม่รู้จักจบสิ้นและพอเพียง
: ผู้ไม่เคยอนุโมทนาหรือยินดีต่อผู้ใดเพราะจิตเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
: ผู้ไม่เคยพบสันติภาพเพราะมุ่งเน้นแต่จะสู้รบกับผู้อื่น
: ผู้ไม่ได้วางแผนที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเมื่อความทุกข์มาเยือนอย่างฉับพลัน
: นักเดินทางที่ว้าเหว่ โดดเดี่ยว บนเส้นทางแห่งบาร์โดที่เต็มไปด้วยภาพลวงตาที่จิตสร้าง

ขอแสงแห่งมนตราที่ส่องสว่างกลางใจ แผ่ไปมา ขึ้นและลง สลายสังสารวัฏ ภพภูมิ และน้อมนำให้ทุกชีวิตได้เข้าถึงการหลุดพ้นด้วยเทอญ

กฤษดาวรรณ
26/01/60
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2018, 03:14:21 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ Siranya

  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • ***
  • กระทู้: 113
  • พลังกัลยาณมิตร 47
    • ดูรายละเอียด
 :46:สาธุ สาธุ สาธุ จ้ะ  :45: :45: :45:
ธรรมะเพิ่มสติ..ทุกข์คลายใจสงบ