คอลัมน์ – ดูหนังดูละคร แล้วย้อนมาเล่าให้ฟัง
โดย JayLay
นาคปรก หนังเรื่องนี้เหมาะกับชาวพุทธที่ยังคงมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและต้องการทำนุบำรุงศาสนาให้สืบเนื่องต่อไป แต่ไม่เหมาะกับคนที่มือถือสากปากถือศีล
เรื่องย่อมีอยู่ว่า โจรสามคนปล้นรถขนเงิน ในระหว่างที่หนีการตามล่าของตำรวจ เกิดทำกระเป๋าใส่เงินตกลงไปในหลุม แต่ด้วยความที่ต้องหนีเอาตัวรอดก่อน จึงจำใจต้องทิ้งกระเป๋าเงินเอาไว้ แล้วย้อนกลับมาเอาในภายหลัง แต่ปรากฏว่า เมื่อกลับมา บริเวณที่เป็นหลุมนั้นกลายเป็นที่ตั้งของโบสถ์ไปแล้ว โจรทั้งสามคนจึงต้องหาวิธีการที่จะเอาเงินออกมาจากใต้ฐานโบสถ์ให้ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการปลอมตัวเป็นพระ เมื่อโจรอยู่ในคราบพระ ลองมาดูกันสิว่า ด้วยพุทธานุภาพจะสามารถเปลี่ยนใจโจรได้หรือไม่
ผู้กำกับ ภวัต พนังคศิริ ให้สัมภาษณ์ถึงชื่อหนังว่า “นาคปรกซึ่งเป็นพระประจำวันเสาร์ อาการของนาคคือปรก ตีความหมายว่า ปกป้องคุ้มครอง ซึ่งพระพุทธเจ้ามีนาคมาช่วยปกป้อง เหมือนกับ แม้จะมีประโยชน์น้อยนิดในการที่ทุกคนจะหันมาช่วยปกป้องศาสนาอย่างที่นาคทำ ก็คงจะดีไม่น้อยสำหรับความคิดส่วนหนึ่ง และนาคเป็นงู ในศาสนาจะเปรียบเทียบเงินเหมือนเป็นงูพิษ คือจริง ๆ เงินเป็นเหมือนประโยชน์และโทษ ถ้าไม่รู้จักพอ ถ้าเป็นคำพระก็คือต้องกิเลสตัณหา หากยังมีกิเลสกับเงิน คือความอยากได้อยากมี มันก็จะมีโทษเหมือนกับงู ในศาสนาจะเปรียบนาคเป็นสัตว์เดรัจฉานที่บวชไม่ได้ มันก็เหมือนตัวละครในหนังที่จริง ๆ มันบวชไม่ได้ เพราะมันชั่ว ผมคิดว่าคนชั่วประเภทนี้ไม่ควรที่จะบวช ไม่ควรที่จะเข้าไปอยู่ในศาสนา”
นาคปรกเป็นหนังที่แหวกแนวจากหนังทีมีเนื้อหาเกี่ยวกับพระ และพุทธศาสนาอื่นๆ เพราะเป็นหนังดราม่าแอคชั่น ซึ่งขอยกความดีให้กับผู้กำกับและคนเขียนบทที่กล้าทำหนังที่ฉีกแนวออกมาจากรูปแบบเดิม ๆ เนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาเป็นประเด็นที่อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง อะไรที่ทำให้ภาพพจน์ของพระ หรือศาสนาเสื่อม ก็จะต้องถูกแบน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง “แสงศตวรรษ” ไม่สามารถเข้าฉายในประเทศไทยได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ยอมตัดฉากที่พระสงฆ์เล่นกีต้าร์ออกไป การกำหนดเรทของหนังตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดหมวดหมู่ของภาพยนตร์ให้เหมาะสมกับอายุของผู้ชม “นาคปรก” ได้เรท 20+ แปลว่าหากไม่มีฉากต้องห้าม หนังจะไม่ถูกเซนเซอร์อีกแล้ว และเป็นหนังที่เหมาะกับผู้ชมที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป บางคนเลือกตั้งได้ แต่ดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้นะคะ (ฮ่าๆ) นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่งที่หนังเรื่องนี้ผ่านตรงนี้มาได้
หนังเรื่องนี้ปูเนื้อเรื่องได้ดีทีเดียวค่ะ ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างที่คนดูก็น่าจะคาดเดาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น ตัวหนังพยายามจะสื่อและแทรกคำสอนต่างๆของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอๆ ซึ่งทำได้ดีมากค่ะ ดูแล้วไม่รู้สึกว่า เราถูกยัดเยียดให้มาดูสารคดีพระพุทธศาสนา คำสอนต่างๆนั้นถูกร้อยเรียงผ่านคำพูดของนักแสดง ให้เราพอได้ฉุกคิดนึกตาม พอได้เอะใจบ้าง ค่อยๆสอดแทรกเข้ามาเรื่อยๆ ออกมาจากโรงหนัง น่าจะได้คำศัพท์บาลีติดกันออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อหนังดำเนินมาถึงจุดไคลแมกซ์ หนังก็เฉลยทุกอย่างออกมา เชื่อได้ว่า ตอนจบต้องมีงงและปลงกันบ้างล่ะ ไม่เฉลยตอนจบนะคะ ตอนจบของหนัง ก็ดำเนินไปตามขนบแหล่ะค่ะ ว่าตัวละครทุกตัวก็มีจุดจบที่แตกต่างกันไป ชี้ให้เราได้ตระหนักถึงคำสอนที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (สาธุ) นอกจากนี้
บทหนังที่เข้มข้นเมื่อถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครหลักๆ 5 คน นั่นคือ โจรทั้ง 3 ได้แก่ เร แมคโดนัลด์, เต๋า สมชาย เข็มกลัด และ เต้ ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์ หลวงตาชื่น แสดงโดย สะอาด เปี่ยมพงศานต์ หรือโสเภณีอย่างทราย เจริญปุระ ก็ทำให้หนังดูสนุกและไหลลื่นมากยิ่งขึ้น นักแสดงทุกท่านเล่นกันเต็มที่และสมบทบาทมาก หนังแสดงให้เห็นลักษณะหนึ่งของตัวละครที่เป็นคนชั่วให้คนดูได้เห็นอย่างชัดเจน แบ่งแยกออกจากกันตั้งแต่ต้นว่าใครดี ใครชั่ว
สิ่งที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้ คือ ข้อคิดและคำสอนในพระพุทธศานา ขอนำบางตอนมาให้อ่านกันนะคะ
1.น สิยา โลกวฑฺฒโน ไม่ควรเป็นคนรกโลก
2.ศาสนาไม่มีวันเสื่อม แก่นแท้ของศาสนาก็ยังคงคุณค่าอยู่เสมอ คนเราต่างหากที่เสื่อม
3.เงินทองเป็นแค่สิ่งสมมติ จะเอาปัญญาและความดีไปแลกกับสิ่งสมมติที่จอมปลอม มันคุ้มค่าแล้วหรือ
4.พระพุทธศานาถือว่า เงินเป็นดั่งอสรพิษ ทรัพย์สินเงินทอง มิใช่สาระสำคัญของความสุข ขอเพียงรู้จักคำว่าพอ ชีวิตเราก็จะไม่ร้อนรนไปด้วยกิเลสตัณหา ความอยากมันไม่มีที่สิ้นสุด มีแต่หยุดเท่านั้นจึงจะเป็นได้ ความสุขไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเราเลย แท้จริงแล้วอยู่ที่ใจ
5.จิตสำนึกของคนเรา พระพุทธองค์ทรงแบ่งแยกไว้เปรียบเหมือนบัวสี่เหล่า อุคฆฏิตัญญู ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ วิปจิตัญญู ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำ เนยย ดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ปทปรม ดอกบัวที่อยู่กับโคลนตม เพื่อจะเลือกขัดเกลาสอนคนให้เป็นคนดี แต่คนบางคนสอนได้ บางคนสอนยาก แต่ยังมีบัวอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอาจจะยังไม่เคยรู้จักกัน
พี่สาวใจดีน่ารักท่านหนึ่งเคยพูดให้ฟังคือ “บัวเต่าถุย” บัวที่อยู่ต่ำสุดนั้นคือ บัวที่อยู่ในโคลนตม เป็นอาหารของพวกเต่าพวกปลา แต่ลองนึกดูซิคะ ว่าบัวที่แม้กระทั่งเต่ายังถุยคายทิ้ง ไม่ยอมกิน ให้ความรู้สึกที่ต่ำตมมากเพียงใด แล้วคนประเภท ”บัวเต่าถุย” นี่มันจะต้องเป็นคนเยี่ยงไร อย่างที่หลวงตาชื่นถาม “แล้วโยมล่ะ อยากเป็นบัวประเภทไหน”
จาก DMagaZine