อำนาจกรรม โดย อ.บูรพา ผดุงไทย คนเราทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ล้วนต้องมีชีวิตที่เป็นไปตาม
กรรม ด้วยเพราะกรรมเป็นสิ่งที่ดวงจิตวิญญาณของเราได้บันทึกและจดจำเอาไว้ แล้วนำเอากรรมเหล่านั้นมาเป็นสมบัติติดอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา กรรมจึงเป็นเสมือนเงาที่ติดตามตัวเราและเฝ้าคอยเวลาแห่งการส่งผล หากเราทำกรรมสิ่งใดเอาไว้ก็จะได้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องกรรมไปได้เลย
คนที่ทำกรรมชั่วอันเป็นบาปกรรมเอาไว้ เมื่อกรรมติดตามให้ต้องมาชดใช้กรรมชั่วนั้น ก็พยายามที่จะหาหนทางหลบหลีกและไม่ต้องการรับกรรม เพราะกลัวการได้รับความทุกข์ จึงพยายามแสวงหาหนทางแก้กรรมด้วยอวิชชาความหลงเชื่อในรูปแบบต่างๆ ประจวบเหมาะกับในยุคสมัยปัจจุบันมักมีผู้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องของกรรมด้วยการพยายามสร้างภาพให้ผู้คนเข้าใจว่าตนนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษในการมองเห็นกรรม มองเห็นอดีตชาติ เห็นนรก เห็นสวรรค์ เห็นดวงวิญญาณในปรโลก อีกทั้งยังมีความสามารถพิเศษที่จะแก้กรรมให้กับผู้คนได้
แน่นอนว่าหากเป็นกรรมดีก็คงไม่มีใครต้องการให้ไปแก้ไขอะไรมัน เพราะกรรมดีนั้นเป็นกรรมแห่งความสุขและความสำเร็จ ส่วนเจ้ากรรมชั่วนั้นต่างหากที่ผู้คนต่างพยายามเอาชนะมัน ไม่มีใครต้องการได้รับผลของมัน ทั้งๆที่ตัวเองเป็นผู้กระทำ เช่น คนที่เคยไปทำแท้งมาก็กลัวว่ากรรมที่ตนได้กระทำไปนั้นมันจะมาส่งผล กลัวดวงวิญญาณของเด็กที่ตายไปจะกลับมาล้างแค้น เมื่อกลัวผลแห่งกรรมจึงต่างพยายามแสวงหาหนทางแก้กรรม ฯลฯ
หากกรรมที่ได้กระทำนั้นได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้ว เราย่อมไม่อาจที่จะไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงกรรมดังกล่าวได้ ยกตัวอย่างเช่น การที่เราเอามีดไปแทงคนตาย เมื่อแทงไปแล้ว และคนโดนแทงก็ตายไปแล้ว จะไปเปลี่ยนแปลงกรรมเหล่านั้นได้อย่างไร จะทำให้ผู้ที่ตายแล้วฟื้นกลับคืนขึ้นมาได้อย่างไร
แต่กรรมสามารถที่จะบรรเทาผลแห่งกรรมนั้นได้ด้วยกระบวนการทางจิต ซึ่งเริ่มต้นด้วยการสำนึกในกรรมที่ตนนั้นได้กระทำลงไป(ยอมรับว่ามันผิด) จากนั้นก็เข้าสู่ความเพียรในการชดใช้กรรมด้วยการประกอบกุศลกรรม(ทาน ศีล ภาวนา) และแผ่เมตตา จนกว่ากรรมเหล่านั้นจะบรรเทาเบาบางลง และหากเป็นกรรมที่ไม่หนักก็ยังสามารถทำให้กรรมนั้นกลายเป็นอโหสิกรรมไปได้อีกด้วย
ทุกวันนี้สังคมเรามุ่งแต่จะหาทางลัดที่จะหลีกเลี่ยงการได้รับผลของกรรมที่ตัวเองเป็นผู้ก่อขึ้นมาด้วยการแก้กรรม คนที่หัวใสจึงเอาวิธีคิดทางโลกมาใช้ในเรื่องของกรรม ใช้ความโลภและความหลงอันเป็นสมบัติโลกมาเป็นเหยื่อล่อให้ผู้คนหลงเข้ามาใช้บริการแก้กรรม แต่บนโลกนี้ไม่มีผู้วิเศษคนใดที่จะสามารถมายกกรรมหรือแก้กรรมใดๆให้กับเราได้ คนที่บอกว่าสามารถมองเห็นกรรมของคนอื่นได้นั้น เท็จจริงประการใดเราไม่อาจทราบได้ เพราะเขารู้เขาเห็นเป็นการส่วนตัวของเขาเอง เราไม่อาจไปตรวจสอบความรู้ความเห็นของเขาได้ว่ามันเป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แปลกคือเมื่อมาบอกให้แก้กรรมด้วยการกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ คนที่ขาดปัญญากลับพากันหลงเชื่อและกระทำตามสิ่งที่เขาบอกให้ทำ
อำนาจแห่งกรรมนั้นไม่มีใครสามารถมาแก้ได้ กรรมเป็นสมบัติของเรา หากจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบรรเทาผลแห่งกรรมก็จะต้องเกิดจากตัวของเราเป็นผู้กระทำเท่านั้น จะไปจ้างให้ใครเขามาแก้ให้เราไม่ได้ จะเอาเงินไปซื้อบุญกุศลมาแก้กรรมก็ไม่ได้
หากเราเริ่มต้นทำที่ตัวเราเองก่อน ด้วยการสำรวมกาย วาจา และจิตใจของเราให้ถึงพร้อมด้วยความบริสุทธิ์สะอาด ไม่เบียดเบียนผู้ใด ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจประกอบกุศลกรรม ทั้งทาน ศีล และเจริญภาวนา แผ่เมตตาให้กับบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายอันเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราต้องทำตัวของเราให้เป็นสิ่งที่วิเศษให้จงได้
หากตัวเรากลายเป็นของวิเศษแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครเขามาแก้กรรมให้กับเรา เพราะเราสามารถทำเองได้ และรับประกันว่าเป็นวิธีการในการบรรเทาผลแห่งกรรมที่ถูกต้องที่สุด ได้ผลดีที่สุด อีกทั้งไม่หลง ไม่งมงาย
กรรมเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามาก ทุกวันนี้เรายังคงประกอบกรรมชั่วกันอยู่อีกหรือไม่ กรรมชั่วคือกรรมที่เรากระทำแล้วมันไปเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน ทั้งกาย วาจา และจิตใจ ทั้งหนักทั้งเบา ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน คับแค้นจิตใจ บีบบังคับ สร้างความทุกข์ให้กับผู้อื่นทั้งที่รู้ก็ดีไม่รู้ก็ดี ล้วนเป็นกรรมทั้งนั้น
-----------
พิมพ์คัดลอกจาก :
a-burapa.comรูปภาพประกอบกระทู้จากอินเตอร์เน็ต