ผู้เขียน หัวข้อ: สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต  (อ่าน 2914 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด




สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต

  ก็แลในขณะนั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์ได้ลุกขึ้นจากอาสนะห่มจีวรเฉวียงบ่า แล้วประนมมือ เฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์กราบทูลถามปัญหาว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ได้รับสมญานามว่าอวโลกิเตศวรด้วยเหตุอันใด พระพุทธเจ้าข้า”

พระพุทธองค์จึงมีพระสุรเสียงตรัสตอบพระอักษยมติโพธิสัตว์ว่า “ดูก่อนท่านอักษยมติโพธิสัตว์ ก็สัตว์โลกอันมีจำนวนนับด้วยร้อย พัน หมื่น แสน หรือแม้ที่นับจำนวนประมาณมิได้ก็ดี หากว่า กำลังเสวยทุกข์ทรมานอยู่แล้วไซร้ ครั้นได้ยินชื่อ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์องค์นั้น

ตั้งจิต สวดนามท่าน พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ก็จะเพ่งไปยังเสียงนั้น สัตว์โลกผู้นั้น ก็จะได้รับการปลดเปลื้องจากความทุกข์และทรมานทั้งสิ้นในทันที”

ผู้ที่ได้สวดพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้แล้วแม้จะเข้าไปอยู่ในกองเพลิงก็ดีเพลิง ก็ไม่อาจเผาผลาญตนได้ ทั้งนี้เนื่องด้วยอำนาจแห่งเดชของพระโพธิสัตว์เจ้านั้น

บุคคลใดถูกกระแสน้ำใหญ่พัดพาไป เมื่อได้สวดพระนามของท่าน บุคคลนั้น ก็จะได้พบที่ตื้นเขิน (ไม่จมน้ำตาย)

ก็แลหากจะมีสัตว์โลกมีจำนวนนับด้วยร้อย พัน หมื่น แสน ก็ดี ต้องการแสวงหาทอง เงิน ไพฑูรย์ ผลึก ทับทิม มรกต บุศราคัม อันเป็นของมีค่า หากันแต่งเรือไปยังทะเลใหญ่ สมมติว่าในระหว่างนั้น เรือได้ถูกพายุพัดพาไปยังแว่นแคว้นอันเป็นที่อยู่ของรากษส

หากจะมีแม่แต่คนหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้น สวดพระนามพระอวโลกิเตศวร แล้วไซร์ สัตว์โลกเหล่านั้นทุกคนจะได้รับความรอดพ้นจากอันตรายของรากษส ด้วยเหตุนี้แลพระโพธิสัตว์เจ้าองค์นั้น จึงได้รับสมญานามว่า “อวโลกิเตศวร”

อนึ่ง หากว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งกำลังจะถูกทำร้าย เมื่อเขาสวดพระนาม พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ศาสตราวุธของมีคมที่ผู้เป็นศัตรูถืออยู่ จะถึงแก่ชำรุด หักสะบั้นไปทันทีบุคคลผู้นั้นจะได้รับความปลอดภัยไม่ต้องถูกทำร้าย

ก็แลหากว่า มหาตรีสหัสสโลกธาตุนี้จะพึงเต็มไปด้วยยักษ์และรากษส คอยยังทุกข์ให้เกิดแก่มวลมนุษย์แล้วไซร้หากได้ยินผู้ใดผู้หนึ่งสวดพระนามอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พวกผีร้ายหล่านี้อย่าว่า แต่จะกล้าทำร้ายเลย แม้จะมองดูด้วยนัยน์ตาอันดุร้ายยังไม่อาจกระทำได้

อนึ่งเล่า หากจะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใด มีความผิดก็ตาม ไม่มีความผิดก็ตาม ถูกจองจำพันธนาการด้วยขื่อ คา โซ่ ตรวน ที่มือเท้า หรือที่คอ เมื่อได้สวดพระนามอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เครื่องจองจำต่างๆ เหล่านั้นจะหลุดขาดสลายไปทันที เป็นผู้หลุดพ้นแล้วจากเครื่องจองจำทั้งหลาย

ก็แลหากว่า มหาตรีสหัสสโลกธาตุจะพึงเต็มไปด้วยโจรผู้มีเวร และมีหัวหน้าพ่อค้าคนหนึ่ง นำพวกพ่อค้าทั้งหลายบรรทุกสินค้ามีค่า ผ่านทางอันตรายกันดารเข้าไป ในระหว่างโจรนั้น คนหนึ่งใน จำนวนพ่อค้าเหล่านั้นได้เกล่าขึ้นว่า

“ดูก่อนท่านสาธุชนทั้งหลาย ขอท่านจงอย่าได้หวาดกลัว จงตั้งใจสวดพระนามอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เจ้านั้นสามารถประทานอภัยทาน (ความไม่หวาดกลัว) แก่ท่านได้ เมื่อท่านทั้งหลาย พากันสวดพระนามนี้ ท่านจะหลุดพ้นด้วยดีจากโจรผู้มีเวรเหล่านี้ พวกพ่อค้าได้ฟังดังนั้น ต่างพร้อมกันเปล่งเสียงสวดพระนามว่า “นโม อวโลกิเตศวรพิสัตว์” ด้วยเหตุที่ได้สวดพระนามของท่านนี้ พ่อค้าทั้งหลายต่างได้รอดพ้นจากภัยอันตราย จากโจรทันทีทันใด
 
                       

ดูก่อนท่านอักษยมติโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอำนาจแห่งกำลังเป็นที่ยิ่ง

ถ้ามีสัตว์โลกมักมากในโลภ ความอยากได้ แต่ได้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เนืองๆ เขาผู้นั้นก็จะเป็นผู้ไม่โลภอยากได้

หากเขาเป็นผู้มีความโกรธ แต่ได้ระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าเสมอ ๆก็จะเป็นผู้ไม่มีความโกรธ และหากเขาผู้นั้นเป็นผู้มีโมหะ ความหลง เมื่อได้ระลึกถึงพระโพธิสัตว์เจ้านั้นบ่อยๆ ก็จะเป็นผู้ไม่มีความหลง

ดูก่อนท่านอักษยมติโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เจ้านั้นเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอำนาจ แห่งกำลังเช่นนี้ เป็นผู้มีคุณอเนกอนันต์ เพราะฉะนั้น สัตว์โลกจึงต้องระลึกถึงเสมอๆ

ก็หญิงใด ต้องการบุตรชาย ได้บูชาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หญิงนั้นย่อม จะได้บุตรชาย สมปรารถนา เป็นบุตรผู้มีบุญญาธิการ มีคุณธรรม ประกอบด้วยสติปัญญาดี หากต้องการบุตรีก็จะได้บุตรีที่สงบเสงี่ยมเรียบร้อย เพียบพร้อมด้วยความงาม มีคุณธรรม เป็นที่รักใคร่แก่ผู้พบเห็น

ดุก่อนท่านอักษยมโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มีกำลังเห็นปานนี้ สัตว์โลกผู้ใดทำการกราบไหว้ด้วยความเคารพสัตว์โลก ผู้นั้นจะเป็นผู้ไม่เสื่อมจากบุญวาสนา เพราะฉะนั้นสัตว์โลก จึงต้องสวดพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์

ดูก่อนท่านอักษยมโพธิสัตว์ ก็สาธุชนใดได้สวดพระนามพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆมีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ๖๒ ล้านสายรวมกัน

ทั้งได้ถวายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม เครื่องนอน ยารักษาโรค เป็นต้น แก่พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ตลอดชีวิตของตน ท่านสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน สาธุชนนั้นจะเป็นผู้รับผลแห่งบุญ มากมายเพียงไร

พระอักษยมโพธิสัตว์ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า บุญนั้นมีประมาณมากมายเหลือเกิน พระพุทธเจ้าข้า”

ทั้งบุญนั้นจะส่งผลต่อไปในเวลาร้อยพัน หมื่น แสนกัลป์ ไม่มีที่สิ้นสุด ดูก่อนท่านอักษยมโพธิสัตว์ การสวดพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าองค์นั้น ได้บุญญานิสงส์นับเวลาเป็นอสงไขยไม่มีที่สิ้นสุด เห็นปานฉะนี้”

พระพุทธองค์จึงได้ตรัสต่อไปว่า “สาธุชนใด สวดพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์และสาธุชน นั้นเคยถวายอุปัฏฐากพระโพธิสัตว์เจ้านั้นแม้เพียงครั้งเดียว บุคคลทั้งสองนั้นย่อมได้รับอานิสงส์ เป็นบุญกุศลเท่าเทียมกัน

พระอักษยมติโพธิสัตว์กราบทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลกก็แลพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าท่องเที่ยวอยู่ในสหโลกธาตุนี้ประการไร แสดงธรรมโปรดสัตว์โลก ประการไร และด้วยอำนาจแห่งอุบาย มีกิจเป็นประการไร พระพุทธเจ้าข้า”

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 12:37:48 pm »



พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า “ดูก่อนท่านอักษยมติโพธิสัตว์ บรรดาสาธุชนทั้งหลายหากมีสัตว์โลกใด
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยพระกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็แสดงธรรมโปรดผู้นั้นด้วย พุทธกาย

ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยพุทธกาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็แสดงธรรมโปรดผู้นั้นด้วย พุทธกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยปัจเจกพุทธกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย ปัจเจกพุทธกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยสาวกกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย สาวกกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยพรหมราชกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย พรหมราชกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยอินทรกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย อินทรกาย

ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยอิศวรเทพกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย อิศวรเทพกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยมหาอิศวรเทพกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย มหาอิศวรเทพกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยเสนาบดีกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย เสนาบดีกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยวิษณุเทพกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย วิษณุเทพกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยจุลจักรพรรดิกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย จุลจักรพรรดิกาย

ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยเศรษฐีกาย ก็นจะแสดงธรรมโปรดด้วย เศรษฐีกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยคฤหบดีกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย คฤหบดีกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยราชอำมาตยกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย ราชอำมาตยกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยพราหมณกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย พราหมณกาย

ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยภิกษุกาย ภิกษุณีกาย อุบาสกกาย อุบาสิกากาย
ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย ภิกษุกาย ภิกษุณีกาย อุบาสกกาย อุบาสิกากาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยกายของเศรษฐี คฤหบดี ราชอำมาตย์ และพราหมณ์ ในเพศของสตรี
ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วยกายของท่านเหล่านั้น ในเพศของสตรี
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยกุมารกาย กุมารีกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย กุมารกาย กุมารีกาย
ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยกายของเทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร กินนร มโหรคมนุษย์ และอมนุษย์
 ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วยกายของสัตว์เหล่านั้น

ผู้สมควรได้รับการโปรดด้วยวัชรปาณีกาย ก็จะแสดงธรรมโปรดด้วย วัชรปาณีกาย

ดูก่อนท่านอักษยมติโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยบุญญาธิการฉะนี้
ได้ท่องเที่ยวไปในโลกธาตุต่าง ๆ ด้วยร่ายกายต่าง ๆ กัน โปรดบรรดาสัตว์โลกให้หลุดพ้น


                               


เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย จงตั้งจิตสักการบูชาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าก็พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้านี้สามารถประทานอภัย คือความไม่หวั่นกลัวภยันตรายต่อผู้ตกอยู่ในความหวั่นกลัวอันตราย ได้เหตุนั้น สหโลกธาตุนี้ จึงสมญานามของท่านว่า “พระผู้ประทานอภัย” (พระอภยันทะ)

ต่อแต่นั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์ได้กราบทูลพระพุทธองค์อีกว่า “ข้าแต่พระโลกนาถเจ้าผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก บัดนี้ ข้าพระองค์ขอบูชาสักการะพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้านั้น” ดังนี้แล้วได้ถอดเกยูร อันประดับด้วยพลอยมีค่าต่าง ๆ อันมีราคาเสมอด้วยร้อยพันตำลึงทองคำ น้อมถวายแด่พระโลกิเตศวร โพธิสัตว์ โดยกล่าวว่า “ข้าแต่ท่านผู้มีจิตประกอบด้วยเมตตา ขอท่านจงรับเอาเกยูรอันมีค่าด้วยนี้เถิด” กระนั้น พระอโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้า ก็ไม่ยอมรับของนั้น

พระอักษยมติโพธิสัตว์ จึงกล่าวกับพระอวโลกิเตศวรอีกว่า “ข้าแต่ท่านผู้มีจิตอันประกอบ ด้วยเมตตา ขอท่านจงเอ็นดูแก่ข้าพเจ้า ขอท่านจงรับเอาเกยูรอันมีค่านี้เถิด” ลำดับนั้น พระพุทธองค์จึงเผยพุทธดำรัสตรัสกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เจ้าว่า “ขอท่านจงเอ็นดูแก่อักษยมติโพธิสัตว์ และทั้งพุทธบริษัทสี่ ตลอดถึงเทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรค มนุษย์ และอมนุษย์ ได้รับเกยูรนี้ไปเถิด”

ลำดับนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ อาศัยความเอ็นดูในหมู่พุทธบริษัทสี่ตลอดถึงทวยเทพ นาค มนุษย์ และอมนุษย์ เป็นต้น จึงรับเอาเกยูรนั้น แล้วแบ่งเป็นสองส่วนส่วนหนึ่งน้อมถวาย แด่พระพุทธองค์ อีกส่วนน้อมถวาย ณ เจดีย์พระประภูตรัตนะพุทธเจ้า

                       

ดูก่อนท่านอักษยมติ ก็พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นั้น เป็นผู้มีกำลังแห่งฤทธิ์ (อิทธิพละ) เป็นอิสระ ดั่งนี้ ท่องเที่ยวอยู่ในสหโลกธาตุนี้นั่นแล ต่อแต่นั้น พระอักษยมโพธิสัตว์ ได้กราบทูลด้วยคาถาว่า

“ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก ถึงพร้อมด้วยพระวรลักษณ์ ข้าพระองค์ขอทูลถามเรื่องของท่านผู้นั้นอีกว่า ก็พระศากยบุตรท่านนี้ อาศัยเหตุปัจจัยใด จึงได้ชื่อว่าอวโลกิเตศวร”

พระโลกนาถเจ้า ผู้เพียบพร้อมด้วยพระวรลักษณ์ ได้ตรัสตอบพระอักษยมติโพธิสัตว์ว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2010, 12:42:41 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 02:00:01 pm »

“ขอเธอจงฟัง ก็จริยาของอวโลกิเตศวรนั้น สามารถตอบสนองในที่ทุกแห่ง,
มีคำประณิธานลึกยิ่งกว่าทะเล ได้ผ่านกาลนับเป็นกัลป์ไม่ถ้วน

เฝ้าพระพุทธเจ้ามานับพันแสนพระองค์ ตั้งมหาประณิธานอันบริสุทธิ์
เราจะกล่าวแก่เธอโดยย่อ ได้ยินชื่อและเห็นกายของท่าน
ตั้งใจระลึกถึงโดยไม่ว่างเว้น  สามารถดับทุกข์ทั้งหลายได้


หากผู้มีจิตคิดมุ่งร้าย  หวังผลักให้ตกไปในกองเพลิงใหญ่
ด้วยอำนาจสวดพระนามอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ กองเพลิงย่อมกลับกลายเป็นบ่อน้ำ
หรือหากพลัดพเนจรไปในทะเลใหญ่ มีภัยจากนาค ปลา ผี เป็นต้น
ด้วยอำนาจแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ คลื่นไม่สามารถซัดสาดให้จมน้ำได้
หรืออยู่บนยอดเขาพระสุเมธุ มีคนผลักให้ตกลง
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จะลอยอยู่ในอากาศเหมือนดวงอาทิตย์

หรือถูกคนร้ายไล่ ตกจากเขาวชิระ
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ไม่ต้องบาดเจ็บแม้แต่น้อยแม้เพียงขนเส้นเดียว
หรือถูกคนโจรผู้มีเวรล้อมอยู่ ต่างถือศาสตราวุธเข้ามาทำร้าย
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์  ต่างเกิดเมตตาจิตทันที 
หรือต้องรับทุกข์เพราะอาญาราชย์ จวนถูกประหาร ชีวิตจะจบสิ้น
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ มีดก็จะหักชำรุดไปเป็นท่อน ๆ

หรือถูกขัง ต้องขื่อคอ เท้าและมือถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เครื่องพันธนาการ) ได้หลุดไปทันที
คำสาปแช่งและยาพิษ ที่จะเป็นผลร้ายแก่ร่างกาย
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ กลับไปถูกตัวสาปแช่ง
หรือไปพบพานรากษรสบาป นาคมีพิษและเหล่าผีเป็นต้น
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ก็ไม่กล้าทำร้ายได้เลย

หากสัตว์ร้ายรายล้อมตัวอยู่ มีเขี้ยวเล็บคมเป็นที่น่ากลัวเกรง
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ต่างรีบหนีไปไกลแสนไกล
งูพิษและแมลงมีพิษร้าย มีไอพิษเหมือนควันไฟ
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ต่างหนีกลับไปหมด

เมฆทะมึน ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า  ลูกเห็บตก ลมฝนพายุใหญ่
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เมฆกระจาย ฝนหยุด ฟ้าสงบทันที
สัตว์โลกต้องทุกข์ทรมาน  ทุกข์เบียดเบียนชั่วอสงไชย
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ สามารถบำบัดทุกข์ในโลกธาตุนี้ได้
มีอำนาจอิทธิฤทธิ์พร้อมสรรพ  โปรดด้วยสติ อุบายอันกว้างขวาง

ในทุคติวิสัยต่าง ๆ  นรก เปรต สัตว์ (อสุรกาย)
ความทุกข์จากเกิด แก่ ตาย เจ็บ  จะค่อย ๆ ดับไป
การเพ่งด้วยสัจจะ การเพ่งด้วยบริสุทธิ์ การเพ่งด้วยสติปัญญาอันไพศาล
   
การเพ่งด้วยความเมตตา การเพ่งด้วยความกรุณา ย่อมเป็นที่ตั้งใจจะบูชาเป็นนิตย์
แสงอันปราศจากมลทิน และบริสุทธิ์สดใส ปัญญาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ทำลายความมืดทั้งหลาย


สามารถปราบอันตราย ลม ไฟ  ส่องแสงสว่างไปทั่วโลกธาตุ
การประกอบด้วยศิลและความกรุณา เสมือนฟ้าร้องสะเทือน เมตตา สติ เหมือนเมฆใหญ่
โปรยฝนคืออมฤตธรรม กำจัดไฟแห่งกิเลส
ในขณะเป็นความต่อหน้าราชการ ในกองทัพอันน่าเกรงขาม
ด้วยอำนาจระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ศัตรูต่าง ๆ จะแตกพ่ายไป

เสียงอันเป็นสัทธ์ เสียงอันเพ่งต่อโลก เสียงอันเป็นพรหม เสียงอันเป็นกระแสน้ำทะเล
ย่อมเหนือกว่าเสียงในโลก  ฉะนั้น จึงต้องระลึกถึงเสมอ
ระลึกไปทุกขณะจิต โดยไม่ต้องสงสัย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์พระอริยะผู้บริสุทธิ์
ต้องเป็นที่พึ่งได้ในเมื่อต้องทุกข์ยากเข็ญ เป็นผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการทั้งมวล
มองดูสัตว์โลกด้วยนัยน์ตาอันเมตตา
เป็นกองบุญเสมอด้วยทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น จึงเคารพบูชา”



ในขณะนั้น พระธรณีโพธิสัตว์ ได้ลุกขึ้นจากอาสนะกราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระพุทธองค์ หากมีสัตว์โลกใดได้สดับตรับฟัง ตอนว่าด้วยพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ผู้มีกรรมเป็นอิสระ คือเป็นใหญ่ในการบำเพ็ญกิจของพระโพธิสัตว์ เป็นอิทธิพละ ปรากฏเป็นสมันตะ (ทั่วไป) แล้วสัตว์โบกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีบุญญาธิการเป็นที่ยิ่ง พระพุทธเจ้าข้า"

เมื่อพระพุทธองค์ตรัส สมันตมุขปริวรรต นี้จบลง สัตว์โลกจำนวน ๘๔,๐๐๐ ต่างเกิดอนุตรสัมโพธิจิตหาที่เปรียบมิได้แล ฯ



ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: สัทธรรมปุณฑริกสูตร สมันตมุขปริวรรต
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 11:15:36 pm »
 :13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่แป๋ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~