แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์

มิลินทปัญหา

<< < (30/78) > >>

ฐิตา:



Law of nature

                 มิลินทปัญหา
ปรารภเมณฑกปัญหา



ลำดับนั้น พระนาคเสนเถระได้กลับสู่สังฆารามอีก พระเจ้ามิลินท์
ผู้มีพระวาจาเฉลียวฉลาด ผู้ชอบไต่ถาม ผู้มีความรู้ยิ่ง ผู้เฉียบแหลม
ได้เข้าใกล้พระนาคเสน เพื่อให้ความรู้แตกฉาน เมื่อมีการไต่ถามโต้เถียงกับพระนาคเสน
อยู่เนือง ๆ ไม่ขาดสาย ก็มีความรู้แตกฉานชำนาญในพระไตรปิฎก

อยู่มาคืนวันหนึ่งเมื่อทรงรำลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า อันประกอบด้วย
องค์ ๙ ก็ได้ทรงเห็น
เมณฑกปัญหา (คือปัญหาสองแง่ ) อันเป็นปัญหาที่แก้ไขยาก
ด้วยถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นปริยาย ( คือโดยอ้อม) ก็มี
ตรัสไว้โดยอรรถะ ( คือมีความหมายลึกซึ้ง ) ก็มี เป็นคำของพระสาวก ก็มีอยู่

ความหมายของถ้อยคำเหล่านั้นเป็นของรู้ได้ยาก เปรียบเหมือนแพะชนกัน
นานไปเบื้องหน้า จะเกิดวิววาทกันในถ้อยคำเหล่านั้น
เราควรจักให้พระนาคเสนเลื่อมใสต่อเราแล้ว ให้กล่าวแก้ซึ่ง
เมณฑกปัญหา คือปัญหาอัน อุปมาจับแพะชนกัน ให้แจ้งไว้
ปัญหาที่แก้ยากเหล่านั้น " จักมีผู้แก้ได้ " ตามทางที่ พระนาคเสน " ได้ชี้ไว้ "


ฐิตา:

  ทรงสมาทานวัตรบท ๘

   เมื่อพระเจ้ามิลินทร์ทรงดำริดังนี้แล้ว รุ่งเช้าขึ้นก็เสด็จเข้าสู่ที่สระสรง ทรงประดับประดาพระองค์ดีแล้ว ก็ทรงระลึกถึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าในอดีต อนาคต ปัจจุบัน แล้วทรงสมาทานวัตรบท ๘ ว่า เราจะประพฤติตบะ จักทำให้อาจารย์ยินดีแล้ว จักถามปัญหา ทรงดำริดังนี้แล้ว ก็ทรงเปลื้องเครื่องประดับของกษัตริย์ ทรงแต่งพระองค์เป็นมุนี สมาทานคุณธรรมทั้ง ๘ คือ

   ๑. จักไม่ทรงวินิจฉัยอรรถคดีตลอดถึง ๗ วัน
   ๒. ไม่ให้เกิดราคะ
   ๓. ไม่ให้เกิดความโกรธ
   ๔. ไม่ให้เกิดความหลง

   ๕. จักนบนอบกระทั่งทารกทาริกาของพวกทาสี
   ๖. จักรักษากายวาจาให้ดี
   ๗. จะรักษาอายตนะทั้ง ๖ ให้ดี
   ๘. จักทำใจมีเมตตา

   ครั้นทรงมั่นอยู่ในคุณธรรมทั้ง ๘ นี้ ตลอด ๗ วันแล้ว รุ่งเช้าวันที่ ๘ ก็เสวยพระกระยาหารเช้า แล้วสำรวมพระเนตรเป็นอันดี มีพระวาจาพอประมาณ มีพระอริยาบถอันดี มีพระหฤทัยมั่นคงเบิกบาน แล้วเข้าไปหาพระนาคเสนเถระ กราบไหว้แล้วทรงยืนตรัสว่า

   " ข้าแต่พระนาคเสน โยมมีเรื่องที่จะสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าในป่าที่เงียบสงัดโดยลำพังสองคนไม่มีผู้อื่นปะปน ป่านั้นต้องเป็นป่าประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นป่าที่สมควรแก่สมณะ เป็นป่าที่สมควรถามปัญหา ในการถามและแก้นั้นไม่ควรให้มีข้อลี้ลับ ควรให้แจ่มแจ้งทุกข้อ ควรให้เข้าใจได้ด้วยอุปมา

   ข้าแต่พระนาคเสน แผ่นดินใหญ่นี้ ย่อมเป็นที่เก็บเป็นที่ซ่อน ซึ่งสิ่งที่ควรเก็บควรซ่อนฉันใด โยมก็สมควรฟังข้อลึกลับ ที่ควรเก็บควรซ่อนไว้ฉันนั้น เมื่อมีข้อควรปรึกษาเกิดขึ้น โยมก็สมควรแก่การปรึกษา "

   พระเจ้ามิลินท์ตรัสอย่างนี้แล้ว ก็พร้อมกับพระเถระออกไปสู่ป่าใหญ่แห่งหนึ่งแล้วตรัสต่อไปอีกหลายอย่าง

ฐิตา:

ที่ไม่ควรปรึกษากัน ๘ ประการ

พระเจ้ามิลินท์ตรัสว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน บุรุษผู้จะปรึกษาหารือกัน ควรรู้ไว้ว่า ที่ควรงดเว้นมีอยู่ ๘ คือ

๑. ที่อันไม่สม่ำเสมอ
๒. ที่มีภัย
๓. ที่มีลมแรง
๔. ที่กำบัง

๕. ที่ศาลเจ้า
๖. ที่ถนนหนทาง
๗. ที่ก้าวขึ้นก้าวลง
๘. ที่ท่าน้ำ

ที่ทั้ง ๘ นี้ เป็นที่ควรงดเว้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า

เมื่อปรึกษากันในที่ไม่สม่ำเสมอ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน ไม่สบาย เรื่องที่ปรึกษาหารือกันก็จะไม่สม่ำเสมอดี
เมื่อปรึกษากันในที่มีภัย ใจก็จะสะดุ้งกลัว จะไม่แลเห็นเหตุผลได้ดี
เมื่อปรึกษากันในที่มีลมแรง เสียงลมพัดตลบอบไป มิอาจที่จะคิดความหมายนั้นได้
เมื่อปรึกษากันในที่กำบัง ก็จะมีผู้แอบฟัง

เมื่อปรึกษากันที่ศาลเจ้า ของหนัก ๆ ก็จะหักพังลงมา
เมื่อปรึกษากันที่หนทาง ก็จะไม่ได้ความดี เพราะมีคนเดินไปมาสับสน
เมื่อปรึกษากันในที่ขึ้นลง จิตใจก็จะไม่มั่นคง
เมื่อปรึกษากันในที่ท่าน้ำ ก็จะมีผู้รู้แพร่งพราย

เพราะฉะนั้น จึงควรเว้นที่ทั้ง ๘ คือ ที่ไม่สม่ำเสมอ ที่มีภัย ที่มีลมแรง ที่มีกำบัง ที่ศาลเจ้า ที่หนทาง ที่ก้าวขึ้นก้าวลง ที่ท่าน้ำ เหล่านี้เสีย "

ฐิตา:


คนที่ไม่ควรปรึกษา ๘ จำพวก

เมื่อพระเจ้ามิลินท์ทรงแสดงที่ควรเว้น ๘ แห่งดังนี้แล้ว จึงทรงแสดงบุคคลควรเว้นอีก ๘ จำพวกว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน บุคคลผู้ที่ถูกปรึกษาแล้ว ทำเรื่องให้เสียไปมีอยู่ ๘ จำพวก คือ

๑. คนมีราคะจริต คือหนักในทางราคะ
๒. คนโทสะจริต มากด้วยโทสะ
๓. คนโมหะจริต มากด้วยความลุ่มหลง
๔. คนมานะจริต มากด้วยการถือตัว

๕. คนโลภเห็นแต่จะได้
๖. คนขี้เกียจ ย่อท้อ อ่อนแอ
๗. คนเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว
๘. คนพาล คือคนโง่มุทะลุ "

ฐิตา:


พระนาคเสนจึงถามว่า
" คนทั้ง ๘ จำพวกนั้น ให้โทษอย่างไร ? "

" คนราคะจริต เมื่อปรึกษาด้วยอำนาจราคะ ก็ทำเรื่องที่ปรึกษาให้เสียไป ถึงคนจำพวกอื่นอีก ๗ จำพวกก็เหมือนกัน
"เพราะฉะนั้น บุคคล ๘ จำพวก คือ คนหนักในราคะ โทสะ โมหะ มานะ โลภะ เกียจคร้าน เห็นแก่ตัว โง่เขลา จึงเรียกว่า " คนทำให้เสียเรื่องปรึกษา "

คนที่ปิดความลับไม่ได้ ๙ จำพวก
" ข้าแต่พระนาคเสน บุคคล ๙ จำพวกปิดข้อความอันลี้ลับไว้ไม่ได้ บุคคล ๙ จำพวกนั้น ได้แก่จำพวกไหนบ้าง คือ

๑. คนราคะจริต หนักในราคะ
๒. คนโทสะจริต มากด้วยโทสะ
๓. คนโมหะจริต มากด้วยความหลง
๔. คนขี้เกียจ ขี้กลัว
๕. คนหนักในอามิส

๖. สตรีทั้งปวง
๗. นักเลงสุราและนักเลงต่าง ๆ
๘. คนชอบแต่งตัว
๙. เด็กทั่วไป ทั้งหญิงทั้งชาย "

พระเถระถามอีกว่า
" บุคคล ๙ จำพวกนั้น มีโทษอย่างไรบ้าง "

พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า
" บุคคล ๙ จำพวกนั้น

จำพวกราคะ ก็ปิดความลับไม่ได้ด้วยอำนาจราคะ คือเมื่อรักใครแล้ว ก็เปิดความลับให้ฟัง
จำพวกโทสะ เมื่อโกรธขึ้นมา ก็พูดความลับโพล่งออกมา
จำพวกโมหะ เมื่อใครพูดดีก็หลงเชื่อแล้วเปิดความลับให้ฟัง
จำพวกขี้ขลาด เมื่อกลัวก็เปิดความลับ
จำพวกหนักในอามิส เมื่อมีผู้ให้อามิสสินจ้าง ก็บอกความลับ

จำพวกสตรี เป็นจำพวกมีปัญญาน้อย เมื่อถูกซักดักหน้าดักหลัง ก็เปิดความลับให้ฟัง
จำพวกนักเลงสุรา เมื่อเมาแล้วก็เปิดความลับง่าย
จำพวกชอบแต่งตัว ก็กังวลอยู่แต่เรื่องแต่งตัว อาจจะเผลอพูดความลับออกมาได้ง่าย
จำพวกทารก ก็มีความคิดยังอ่อนเกินไป ไม่อาจปิดความลับไว้ได้"

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version