แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์
มิลินทปัญหา
ฐิตา:
อุปมาพระเจ้าจักรพรรดิ
" มหาราชะ พระเจ้าจักรพรรดิเสด็จพระราชดำเนินทางไกล พร้อมด้วยจตุรงคเสนาต้องข้ามแม่น้ำน้อยไป น้ำในแม่น้ำน้อยนั้น ย่อมขุ่นไปด้วยช้าง ม้า รถ พลเดินเท้าเมื่อพระเจ้าจักรพรรดิเสด็จข้ามไปแล้ว ได้ตรัสสั่งพวกอำมาตย์ว่า
" จงนำน้ำดื่มมาเราจะดื่มน้ำ "
แก้วมณีสำหรับทำน้ำให้ใส ของพระเจ้าจักรพรรดินั้นมีอยู่ พวกอำมาตย์รับพระราชโองการแล้ว ก็นำแก้วมณีนั้นไปกดลงในน้ำ พอวางแก้วมณีนั้นลงไปในน้ำ สาหร่าย จอก แหนทั้งหลายก็หายไป โคลนตมก็จมลงไป น้ำก็ใสไม่ขุ่นมัว พวกอำมาตย์ก็ตักน้ำนั้นไปถวายพระเจ้าจักรพรรดิ กราบทูลว่า
" เชิญเสวยเถิด พระเจ้าข้า "
น้ำที่ไม่ขุ่นมัวฉันใด ก็ควรเห็นจิตฉันนั้น
พวกอำมาตย์ฉันใด ก็ควรเห็นพระโยคาวจรฉันนั้น
สาหร่าย จอก แหน โคลนตมนั้นฉันใด ก็ควรเห็นกิเลสฉันนั้น
แก้วมณีอันทำน้ำให้ใสฉันใด ก็ควรเห็นศรัทธาฉันนั้น
ฉะนั้น พอวางแก้วมณีอันทำน้ำให้ใสลงไปในน้ำ สาหร่ายจอกแหนก็หายไป โคลนตมก็จมลงไป น้ำก็ใสไม่ขุ่นมัวฉันใด เมื่อศรัทธาเกิดขึ้นก็ข่มนิวรณ์ไว้ ทำให้จิตผ่องใส ไม่ขุ่นมัวจาก ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ การไม่ชอบใจ ฟุ้งซ่าน ง่วงและสงสัยฉันนั้น
อย่างนี้แหละเรียกว่า ศรัทธามีความผ่องใส เป็นลักษณะ ขอถวายพระพร"
ฐิตา:
ศรัทธามีการแล่นไป
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้อว่า ศรัทธามีการแล่นไป เป็นลักษณะนั้น คืออย่างไร ? "
" ขอถวายพระพร พระโยคาวจรเลื่อมใสในปฏิปทาของพระอริยเจ้าแล้ว จิตของพระโยคาวจรเหล่านั้นก็แล่นไปใน โสดาปัตติผลสกิทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตผล เป็นลำดับไป แล้วพระโยคาวจรนั้นก็กระทำความเพียรเพื่อให้ถึงธรรมที่ยังไม่ถึง เพื่อให้บรรลุธรรมที่ยังไม่ได้บรรลุ เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งธรรม ที่ยังไม่ได้กระทำให้แจ้ง อย่างนี้แหละมหาบพิตร เรียกว่า ศรัทธามีการแล่นไป เป็นลักษณะ "
" นิมนต์อุปมาให้แจ้งด้วย "
ฐิตา:
อุปมาบุรุษผู้ข้ามแม่น้ำ
" มหาราชะ เมฆใหญ่ตกลงบนภูเขาแล้วก็มีน้ำไหลลงไปสู่ที่ต่ำ ทำซอกเขาระแหงห้วยให้เต็มแล้ว ก็ล้นไหลไปสู่แม่น้ำเซาะฝั่งทั้งสองไป เมื่อฝูงคนมาถึงไม่รู้ที่ตื้นที่ลึกแห่งแม่น้ำนั้นก็กลัว จึงยืนอยู่ริมฝั่งอันกว้าง
ลำดับนั้น ก็มีบุรุษคนหนึ่งมาถึง เขาเป็นผู้มีกำลังเรี่ยวแรงมาก ได้เหน็บชายผ้านุ่งให้แน่น แล้วกระโดดลงไปในน้ำ ว่ายข้ามน้ำไป มหาชนได้เห็นบุรุษนั้นข้ามน้ำไปได้ ก็พากันว่ายข้ามตามฉันใด
พระโยคาวจรได้เห็นปฏิปทาของพระอริยะเหล่าอื่นแล้ว ก็มีจิตแล่นไปในโสดาปัตติผล สกิทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตผล แล้วก็กระทำความเพียรเพื่อถึงธรรมที่ไม่ยังถึง เพื่อบรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่ยังไม่ได้ทำให้แจ้งฉันนั้น
อย่างนี้แหละเรียกว่า ศรัทธามีการแล่นไป เป็นลักษณะข้อนี้สมกับที่สมเด็จพระชินสีห์ตรัสไว้ว่า
" บุคคลย่อมข้ามห้วงน้ำได้ด้วยศรัทธา ย่อมข้ามมหาสมุทรได้ด้วยความไม่ประมาท ย่อมล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร ย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา" ดังนี้ ขอถวายพระพร "
" ชอบแล้ว พระนาคเสน "
ฐิตา:
ปัญหาที่ ๑๑ ถามลักษณะวิริยะ
" ข้าแต่พระนาคเสน วิริยะ คือความเพียร มีลักษณะอย่างไร? "
" มหาราชะ ความเพียร มีการ ค้ำจุนไว้ เป็นลักษณะ กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งสิ้น อันความเพียรค้ำจุนไว้แล้วย่อมไม่เสื่อม"
" ขอนิมนต์อุปมาก่อน "
อุปมาเรือนที่จะล้ม
" ขอถวายพระพร เมื่อเรือนจะล้ม บุคคลค้ำไว้ด้วยไม้อื่น เรือนที่ถูกค้ำไว้นั้น ก็ไม่ล้มฉันใด ความเพียรก็มีการค้ำจุนไว้เป็นลักษณะ กุศลธรรมเหล่านั้นทั้งสิ้นก็ไม่เสื่อมฉันนั้น "
" ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก "
ฐิตา:
อุปมาพวกเสนา
" มหาราชะ พวกเสนาจำนวนน้อย ต้องพ่ายแพ้แก่เสนาหมู่มาก หากพระราชาทรงกำชับไปให้ดี ทั้งเพิ่มกองหนุนส่งไปให้เสนาจำนวนน้อยกับกองหนุนนั้น ต้องชนะเสนาหมู่มากได้ฉันใด
ความเพียรก็มีการค้ำจุนไว้เป็นลักษณะกุศลธรรมเหล่านั้นทั้งสิ้น อันความเพียรอุดหนุนแล้ว ก็ไม่เสื่อมฉันนั้น "
ข้อนี้สมกับที่สมเด็จพระทรงธรรม์ตรัสไว้ว่า
" อริยสาวกผู้มีความเพียรเป็นกำลัง ย่อมละอกุศล เจริญกุศลได้ ละสิ่งที่มีโทษ เจริญสิ่งที่ไม่มีโทษได้ ย่อมไม่เสื่อมจากพระสัทธรรม" ดังนี้ ขอถวายพระพร
" พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก้ถูกต้องดีแล้ว "
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version