แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์

มิลินทปัญหา

<< < (43/78) > >>

ฐิตา:

   สัตว์นรกยังกลัวตายหรือ

   " ข้าแต่พระนาคเสน ข้อนี้จงยกไว้ โยมรับละ คือจงยกพระอรหันต์ทั้งหลายเสียให้สะดุ้ง แต่สัตว์นอกนั้น โยมจะขอถามว่าพวกสัตว์นรกที่ได้รับทุกขเวทนาเผ็ดร้อนกล้าแข็ง มีร่างกายทั้งสิ้นถูกไฟเผา เร่าร้อนหวั่นไหวอยู่ด้วยไฟมีหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาที่ร้องไห้รำพันคร่ำครวญ ถูกทุกข์เผ็ดร้อนกล้าแข็งครอบงำอย่างเหลือเกิน ไม่มีที่ต้านทาน ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีเวลาสร่างทุกข์โศก มีแต่จะได้รับทุกขเวทนาไปท่าเดียว มีแต่จะได้รับทุกข์โศกไปอย่างเดียว ถูกไฟเผาลนอย่างร้ายกาจ มีเสียงร้องน่าสะพรึงกลัว มีเปลวไฟ ๖ อย่างห้อมล้อมอยู่ ไม่ว่างจากเปลวไฟอันแผ่ไปตลอด ๑๐๐ โยชน์ เมื่อจะตายไปจากนรกใหญ่อันเผ็ดร้อนอย่างนั้น ยังจะกลัวตายอยู่หรือพระผู้เป็นเจ้า ?"
 
   พระนาคเสนชี้แจงว่า
   " ขอถวายพระพร ยังกลัวตายอยู่ "

   " ข้าแต่พระนาคเสน นรกมีแต่ทุกขเวทนาอย่างเดียวไม่ใช่หรือ เหตุไรพวกสัตว์นรกที่ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างเดียว เมื่อจะตายจึงยังกลัวตายอยู่ สัตว์นรกเหล่านั้น ยังยินดีอยู่ในนรกหรือ ? "
   " ขอถวายพระพร สัตว์นรก เหล่านั้นได้ยินดีอยู่ในนรกเลย มีแต่อยากพ้นไปจากนรก แต่ที่กลัวตายนั้น เป็นเพราะอานุภาพแห่งความตาย"

   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คำที่ว่าสัตว์นรกอยากพ้นจากนรก แต่ยังกลัวตายนั้น โยมไม่เชื่อ เพราะผู้ที่อยากพ้นจากทุกข์ จะกลัวอย่างไร สัตว์ทั้งหลายได้สิ่งใดสมความปรารถนาก็ร่าเริงดีใจ เพราะฉะนั้น ขอจงให้โยมเข้าใจความข้อนี้ด้วยเถิด "

   " ขอถวายพระพร อันความตายย่อมเป็นเหตุให้เกิดความสะดุ้งแก่สัตว์ทั้งหลายที่ยังไม่เห็นสัจจะ พวกที่ยังไม่เห็นสัจจะ คือความจริง ย่อมสะดุ้ง ย่อมพรั่นพรึง ผู้ใดกลัวงูเห่าดำ ผู้นั้นก็กลัวตาย ผู้ใดกลัวตาย ผู้นั้นก็กลัวงูเห่าดำ ผู้ใดกลัวช้าง สิงห์ เสือโคร่ง เสือ เหลือง หมี หมาไน กระบือป่า กระบือบ้าน โจร ไฟ น้ำ ตอหนาม ยักษ์ ผีเสื้อน้ำ ผู้นั้นก็กลัวความตาย ความตายมีเดชแรงกล้าอย่างนี้ พวกที่มีกิเลสจึงกลัวตาย พวกสัตว์นรกอยากพ้นจากนรกก็จริงแต่ก็ยังกลัวตาย"

ฐิตา:

อุปมาบุรุษผู้เป็นฝี

" ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งเป็นฝีทนทุกขเวทนา อยากจะหมดทุกข์จึงให้หาหมอผ่าตัด เมื่อหมอผ่าตัดมาถึง ก็วางเครื่องมือไว้แล้วลับมีดให้คม เผาซี่เหล็กให้แดง บดยากัดไว้ เวลาหมอทำอย่างนั้นอยู่ คนที่เป็นฝีนั้น จะสะดุ้งกลัวต่อการกระทำของหมอนั้นหรือไม่ ? "

" สะดุ้งกลัว พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร ผู้อยากจะหายโรคยังสะดุ้งกลัวต่อวิธีการรักษาอยู่ฉันใด พวกสัตว์นรกก็ยังสะดุ้งกลัวต่อความตายฉันนั้น "


อุปมาบุรุษผู้ถูกงูพิษกัด

" ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนกับบุรุษถูกงูพิษกัดล้มกลิ้งอยู่ มีบุรุษอีกคนหนึ่ง เรียกงูพิษนั้นกลับมาด้วยอำนาจมนต์ ให้มาดูดเอาพิษไป บุรุษผู้ถูกงูกัดนั้นจักกลัวหรือไม่? "

" กลัว พระผู้เป็นเจ้า "
" ความกลัวย่อมมีแก่บุรุษผู้ถูกงูกัด ผู้กำลังจะหายจากงูพิษฉันใด ถึงพวกสัตว์นรกอยากจะพ้นนรกก็ยังกลัวความตายอยู่ฉันนั้น ความตายเป็นของที่ไม่ต้องการ ไม่รักใคร่พอใจของสัตว์ทั้งปวง เพราะฉะนั้น พวกสัตว์นรกจึงกลัวตาย ขอถวายพระพร "

"ถูกแล้วพระนาคเสน โยมยินดีรับว่าถูกต้อง "

ฐิตา:


ปัญหาที่ ๔ ถามเรื่องพ้นจากบ่วงมรณะ

พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามปัญหาสืบไปว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์ทั้งหลายจะเร้นซ่อนตนอยู่ในที่ใด ๆ ก็ตาม ที่พ้นความตายไม่มี ที่ความตายจะครอบงำไม่ได้ไม่มีดังนี้ แต่ได้ทรงแสดงพระปริตร คือพระพุทธมนต์อันเป็นเครื่องป้องกันไว้พระปริตรนั้นได้แก่อะไรบ้างคือ ขันธปริตร ๑ สุวัตถิปริตร ๑ โมรปริตร ๑ ธชัคคปริตร ๑ อาฏานาฏิยปริตร ๑ ถ้าผู้อยู่ในอากาศ หรือในท่ามกลางมหาสมุทร หรืออยู่ในท่ามกลางภูเขา ไม่พ้นจากอำนาจความตายแล้ว พระปริตรนั้นก็ผิดไป ถ้าพ้นจากความตายด้วยพระปริตรคำว่า "ที่ความตายไม่ครอบงำไม่มีนั้น" ก็ผิดไป ปัญหานี้เป็นอุภโตโกฏิ ยุ่งยากมากขอพระผู้เป็นเจ้าจงแก้ไขให้ง่ายเถิด"

พระนาคเสนจึงตอบว่า
" ขอถวายพระพร สมเด็จพระบรมศาสดาได้ตรัสไว้อย่างนั้นจริง และได้ทรงแสดงพระปริตรไว้เป็นอันมากจริง พระปริตรนั้นย่อมป้องกันได้เฉพาะผู้ที่ยังไม่หมดอายุขัย ทั้งไม่มีบุพพกรรมมาตัดรอนเท่านั้น ส่วนผู้ที่หมดอายุขัยแล้ว ไม่สามารถที่กระทำอย่างใดที่จะให้มีอายุสืบต่อไปได้ ขอถวายพระพร

ต้นไม้ที่ตายแล้วแห้งผุแล้ว ไม่มียางแล้ว มีเปลือกกระพี้ร่วงไปหมดแล้ว ถึงจะตักน้ำมารดวันละพันโอ่งก็ตาม ต้นไม้แห้งนั้นก็ไม่กลับสดเขียวขึ้นได้อีกฉันใด ผู้ที่หมดอายุขัยแล้ว จะทำให้มีอายุด้วยยา หรือด้วยพระปริตรก็ไม่ได้ฉันนั้น

ยาทั้งสิ้นในแผ่นดินนี้ ไม่มีประโยชน์แก่ผู้ที่หมดอายุขัยแล้ว มีประโยชน์แก่ผู้มีอายุขัยยังเหลืออยู่เท่านั้น พระปริตรทั้งหลายก็รักษาคุ้มครองอยู่แต่ผู้ยังไม่ถึงที่ตาย ผู้ไม่มีบุพพกรรมตามทันเท่านั้น สมเด็จพระทรงธรรม์ได้ทรงแสดงพระปริตรไว้เพื่อผู้มีอายุขัยยังเหลืออยู่ ทั้งไม่มีบุพพกรรมเท่านั้น ชาวนาเมื่อข้าวแก่แล้ว ก็กั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าไปในนา ส่วนข้าวกล้าที่ยังไม่แก่ ก็งอกงามขึ้นด้วยน้ำที่มีอยู่ฉันใด ยากับพระปริตรก็มีไว้สำหรับผู้ยังมีอายุขัยเหลืออยู่ฉันนั้น"

" ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าผู้หมดอายุขัยแล้วย่อมตายไป ผู้ยังไม่หมดอายุขัยก็ยังมีชีวิตอยู่เป็นธรรมดา พระปริตรกับยาก็ไม่มีประโยชน์อันใด ? "
" ขอถวายพระพร ผู้ที่หายจากโรคด้วยยา มหาบพิตรเคยเห็นหรือไม่? "

" เคยเห็นหลายร้อยราย พระผู้เป็นเจ้า "
" ถ้าอย่างนั้น คำที่มหาบพิตรว่า ยากับพระปริตรไม่มีประโยชน์ก็ผิดไป"

" ข้าแต่พระนาคเสน โรคย่อมหายไปด้วยการกระทำของหมอทั้งหลายมีปรากฏอยู่"
" ขอถวายพระพร มหาบพิตรได้เคยทรงสดับเสียงของผู้สวดพระปริตรจนสิ้นแห้งอ่อนใจ คอแหบ แล้วหายจากความเจ็บไข้ทั้งปวง หายจัญไรทั้งปวง และเคยเห็นหรือไม่ว่า ผู้ถูกงูกัดแล้วหายด้วยอำนาจมนต์? "
" เคยได้สดับ ผู้เป็นเจ้า เพราะในโลกได้เคยมีอย่างนี้ จนกระทั่งทุกวันนี้ "

" ขอถวายพระพร กุศลที่พระพุทธองค์ได้ทรงบำเพ็ญมานั้น เป็นของที่ให้สำเร็จประโยชน์ แต่กุศลนั้นอันมารผู้ใจบาปปิดไว้เสียด้วยกำลังอกุศลจิตอันแรงกล้าของตน "
"ข้าแต่พระนาคเสน ถ้าอย่างนั้น ก็จะมีคำกล่าวเข้ามาได้ ๒ ประการ คือประการหนึ่งว่า "อกุศลมีกำลังมากกว่ากุศล" อีกประการหนึ่งว่า " มารมีกำลังมากกว่าพระพุทธเจ้า"

ข้างปลายไม้หนักกว่าข้างต้น ผู้ที่ลามกมีกำลังกว่าผู้สมบูรณ์ด้วยความดี จะมีได้เพราะเหตุใด ? "

" ขอถวายพระพร ไม่ใช่อกุศลมีกำลังมากกว่ากุศลเลย ไม่ใช่มารมีกำลังมากกว่าพระพุทธเจ้าเลย แต่มีเหตุอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเป็นของควรรู้ คือมีบุรุษคนหนึ่ง นำเอาน้ำผึ้ง น้ำอ้อยข้าวน้ำ อย่างใดอย่างหนึ่งมาถวายพระเจ้าจักรพรรดิ นายประตูบอกว่า ไม่ใช่เวลาเฝ้าพระราชา พวกท่านจงขับคนนี้ออกไปเสียโดยเร็ว อย่าให้พระราชาทรงลงโทษ บุรุษนั้นกลัวพระราชอาญา จึงรีบถือเอาของเหล่านั้นกลับไปโดยเร็ว ขอถามมหาบพิตรว่า จะว่าพระเจ้าจักรพรรดิมีกำลังน้อยกว่านายประตู ด้วยเหตุเพียงไม่ให้นำของเข้าไปถวาย ทั้งไม่ให้ผู้อื่นได้รับของนั้นด้วยหรืออย่างไร? "

" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่นายประตูนั้นมีกำลังมากกว่า"
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ไม่ใช่ว่ามารที่เข้าดลใจพวกพราหมณ์และคฤหบดีที่บ้านปัญจสาลคามด้วยความริษยานั้น จะมีกำลังมากกว่าพวกเทวดาอื่นอีกตั้งหลายแสนกล่าวกันว่า พวกเราจักถือเอาทิพยโอชาอันไม่รู้จักตายเข้าไปโปรยลงในพระกายของพระพุทธเจ้า แล้วก็พากันไปยืนประนมมือเฝ้าอยู่ "

พระเจ้ามิลินท์ตรัสต่อไปว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน ข้อนี้จงยกไว้ อันปัจจัย ๔ เป็นของพระพุทธเจ้าผู้สูงสุดในโลกนี้ได้โดยง่าย พระพุทธเจ้าย่อมได้เสวยพระกระยาหารตามพระพุทธประสงค์ พระพุทธเจ้าผู้ที่เทวดาทั้งหลายทูลอ้อนวอนแล้ว ย่อมเสวยปัจจัย ๔ แต่ว่าความประสงค์อันใดของมารมีอยู่ ความประสงค์อันนั้นก็สำเร็จด้วยเหตุที่ไม่ให้พระพุทธเจ้าได้อาหารบิณฑบาต เป็นอันว่า มารได้ทำอันตรายแก่โภชนาหารของพระพุทธเจ้า โยมยังสงสัยในข้อนี้มาก เพราะสมเด็จพระบรมโลกนาถผู้ล้ำเลิศในโลก ผู้ได้สะสมบุญกุศลไว้เต็มที่แล้วผู้ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีผู้เกลียด แต่มารยังทำอันตรายแก่ลาภอันเล็กน้อยได้ "

ฐิตา:


อันตรายแห่งลาภ ๔ ประการ

" ขอถวายพระพร อันตรายแห่งลาภมีอยู่ ๔ ประการ คือ อทิฏฐันตราย ๑ อุทิสกตันตราย ๑ อุปักขตันตราย ๑ ปริโภคันตราย ๑

อทิฏฐันตราย นั้นคืออย่างไร ? คือมีผู้ใดผู้หนึ่งกระทำการขัดขวางซึ่งลาภ อันบุคคลตกแต่งไว้โดยเฉพาะเจาะจง และไม่ทันได้เห็นผู้จะรับด้วยการกล่าวว่า " ประโยชน์อะไรในการให้แก่ผู้อื่น " ดังนี้ อันนี้ชื่อว่า อทิฏฐันตราย
อุทิสกตันตราย นั้นได้แก่อะไร ? ได้แก่การขัดขวางซึ่งโภชนะ อันบุคคลจัดไว้เฉพาะเจาะจงผู้รับ

อุปักขตันตราย นั้นได้แก่สิ่งใด ? ได้แก่การขัดขวางซึ่งลาภ อันผู้ใดผู้หนึ่งตกแต่งไว้แล้ว แต่ผู้รับยังไม่ได้รับ
ปริโภคันตราย นั้นเป็นประการใด ? คือการขัดขวางลาภในขณะที่บริโภคอยู่

มหาบพิตร มารผู้ลามกได้เข้าสิงใจพวกพราหมณ์และคฤหบดีในบ้านปัญจสาลคาม ไม่ให้ใส่บาตรพระพุทธเจ้านั้น เป็นการขัดลาภที่บุคคลยังไม่ได้ตกแต่งไว้ และไม่ได้กระทำไว้เฉพาะว่าจะถวาย หรือให้แก่ผู้นั้นผู้นี้ ทั้งยังไม่ได้เห็นผู้รับด้วย ไม่เข้าในลักษณะ ๔ นั้น การที่มารขัดขวางลาภคราวนั้น ไม่ใช่ขัดขวางเฉพาะลาภของพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น แม้พวกนิครนถ์ทั้งหลาย ก็ไม่ได้โภชนาหารเลยในวันนั้น อาตมภาพไม่เล็งเห็นผู้จะขัดขวางลาภ ๓ ประการ คือลาภที่จะ จัดไว้เฉพาะ ๑ จัดตั้งไว้แล้ว ๑ กำลังเสวยอยู่ ๑ ของพระพุทธเจ้าได้ ถ้าผู้ใดขัดขวางลาภ ๓ ประการนี้ของพระพุทธเจ้า ด้วยความริษยาเกลียดชัง ศีรษะของผู้นั้น จะต้องแตกร้อยเสี่ยงพันเสี่ยงเป็นแน่แท้ "

ฐิตา:


อนาวรณิยฐาน ๔ ประการ

" ขอถวายพระพร สมเด็จพระชินวรเจ้ามีของอยู่ ๔ ประการ ที่ไม่มีใครหวงห้ามกั้นกางได้ เรียกว่า อนาวรณิยฐาน ของ ๔ ประการนั้นคืออะไรบ้าง คือลาภที่บุคคลตั้งใจจัดไว้เฉพาะพระพุทธองค์ ๑ พระรัศมีด้านละวาที่ประจำพระองค์ ๑ พระสัพพัญญุตญาณ ๑ พระชนม์ชีพ ๑ ของ ๔ ประการนี้ ไม่มีใคร ๆ ในโลกจะทำอันตรายได้ ของ ๔ ประการนี้ มีรสเป็นอันเดียวกัน คือเป็นของที่แน่นอน คงที่ ไม่มีใครทำให้แปรปรวนเป็นอย่างอื่นได้ การที่มารผู้ลามกเข้าสิงใจของพวกพราหมณ์และคฤหบดี ในปัญจสาลคามคราวนั้น ด้วยการลอบเข้าสิงใจ เหมือนกับหญิงที่มีสามีลอบคบบุรุษอื่นฉะนั้น ขอถวายพระพร ถ้าหญิงคบหาบุรุษต่อหน้าสามี เขาจักได้รับความสวัสดีหรือไม่? "

" ไม่ได้รับเลย พระผู้เป็นเจ้า ถ้าสามีได้เห็นก็จะต้องฆ่าตี จองจำ หรือปลดให้เป็นทาสี อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่"

" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือมารลอบเข้าสิงใจพวกพราหมณ์และคฤหบดีในบ้านปัญจสาลคาม ถ้าได้กระทำอันตรายแก่ลาภของพระพุทธเจ้า ที่เขาทำไว้ด้วยตั้งใจถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ยกเข้าไปตั้งไว้แล้วหรือพระพุทธเจ้ากำลังเสวยอยู่ มารนั้นจะต้องแหลกเป็นผงไปเหมือนขี้เถ้า หรือไม่อย่างนั้นศีรษะของศีรษะของมารนั้น ก็จะต้องแตกออกไปร้อยเสี่ยงพันเสี่ยง

อีกประการหนึ่ง เหมือนกับพวกโจรลอบทำร้ายคนเดินทาง ในปลายแดนพระราชอาณาเขต พระราชาได้พบเห็นก็จะต้องให้ผ่าศีรษะของโจรนั้น ด้วยขวานให้แตกเป็นร้อยเสี่ยงพันเสี่ยงฉะนั้น ขอถวายพระพร"

" สาธุ... พระผู้เป็นเจ้า ปัญหานี้ลึกซึ้งยากยิ่งนัก ยากที่บุคคลอื่นจะแก้ไขได้ พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาให้แจ้งกระจ่างแล้ว โยมจะขอรับเอาไว้ในกาลบัดนี้ "

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version