แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์
มิลินทปัญหา
ฐิตา:
เมณฑกปัญหา วรรคที่ ๙
ปัญหาที่ ๑ ถามถึงกาลมรณะ อกาลมรณะ
" ข้าแต่พระนาคเสน อันว่ามนุษย์ทั้งหลายตายในเวลาที่ควรตายนั้น หรือว่าตายในเวลาที่ยังไม่ควรตายก็มี ? "
" ขอถวายพระพร ตายในเวลาควรตายอันเรียกว่า กาลมรณะ ก็มี ตายในเวลายังไม่ควรตาย อันเรียกว่า อกาลมรณะ ก็มี "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พวกไหนเวลาตายในเวลาควรตาย พวกไหนตายในเวลาไม่ควรตาย ? "
" ขอถวายพระพร ต้นมะม่วงหรือต้นไม้อื่นที่มีผลหล่นไปแต่กำลังตั้งช่อก็มี หล่นไปในเวลามีขั้วแล้วก็มี หล่นไปในเวลาโตเท่าหัวแมลงวันก็มี หล่นไปในเวลาดิบก็มี หล่นไปในเวลาสุกก็มี มหาบพิตรเคยเห็นบ้างไหม? "
" อ๋อ...เคยเห็นซิ พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร ผลไม้ที่หล่นไปในเวลายังไม่สุก เรียกว่า " หล่นไปในเวลายังไม่ควรหล่น " คือหล่นไปด้วยหนอนเจาะก็มี นกจิกก็มี ลมพัดก็มี เน่าก็มี เรียกว่า " หล่นไปในเวลาที่ยังไม่ควรหล่น" ทั้งนั้น ฉันใด พวกที่ตายในเวลาชรา เรียกว่า " ตายในเวลาควรตาย" ทั้งนั้น นอกนั้นเรียกว่า " ตายในเวลายังไม่ควรตาย " คือบางพวกก็ตายด้วยกรรมแทรก บางพวกก็ตายด้วยคติ คือคติอันหนักชักไป บางพวกก็ตายด้วยกิริยา"
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามอีกว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน เป็นอันว่า พวกตายด้วยกรรมชักไปก็ดี ตายด้วยคติชักไปก็ดี ตายด้วยกิริยาชักไปก็ดี ตายด้วยชราครอบงำก็ดี โยมเห็นว่า ตายในเวลาควรตายทั้งนั้น ก็ผู้ที่ตายในท้องก่อนที่จะคลอด หรือพอออกจากท้องมารดาก็ตาย หรือตายในเวลามีอายุ ๕ - ๖ เดือน หรือตายในเวลามีอายุ ๑๐ เดือน หรือตายในเวลามีอายุ ๗ ปี โยมก็เห็นว่าตายในเวลาควรตายทั้งนั้น ถ้าความเห็นนี้ถูก อกาลมรณะ คือการตายในเวลายังไม่ควรตายก็ไม่มี เรียกว่า " ตายในเวลาที่ควรตาย" ด้วยกันทั้งนั้น "
ฐิตา:
ผู้ที่ตายก่อนอายุขัยมี ๗ จำพวก
" ขอถวายพระพร ผู้ที่ตายในเวลายังไม่สิ้นอายุขัย มีอยู่ ๗ จำพวก คือ พวกหิวจัดตายก็มี กระหายน้ำจัดตายก็มี ถูกงูกัดตายก็มี ถูกยาพิษตายก็มี ถูกไฟไหม้ตายก็มี ตกน้ำตายก็มี ถูกอาวุธตายก็มี พวกนี้เรียกว่า " ตายในเวลายังไม่ควรตาย" ทั้งนั้น
ฐิตา:
ตายด้วยเหตุ ๘ ประการ
อันความตายของสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีด้วยเหตุ ๘ ประการ คือ ลมกำเริบ ดีกำเริบ เสมหะกำเริบ สิ่งทั้ง ๓ นี้กำเริบ ฤดูแปรปรวนบริหารร่างกายไม่ดี ถูกผู้อื่นกระทำ กรรมให้ผล รวมเป็น ๗ ประการด้วยกัน ตายด้วยกรรมให้ผล เรียกว่า " ตายสมควรแก่กรรมของตน" นอกนั้นเรียกว่า " ตายไม่สมควรแก่กรรม"
คือบุคคลบางพวกตายด้วยกรรมที่ทำไว้ในชาติปางก่อน ผู้ใดทำให้ผู้อื่นอดตายไว้ในชาติก่อน ผู้นั้นต้องตายด้วยความอดอยากหลายพันชาติ บางทีตายด้วยความอดอยากในเวลาเป็นเด็กก็มี ในเวลากลางคนก็มี ในเวลากลางอายุก็มี ในเวลาแก่ก็มี ผู้ใดทำให้ผู้อื่นอดน้ำตายไว้ในชาติก่อน ผู้นั้นต้องอดน้ำตายอยู่หลายพันชาติ คืออดน้ำตายในเวลาเป็นเด็กก็มี กลางคนก็มี แก่ก็มี ผู้ใดทำให้ผู้อื่นด้วยให้งูกัดสัตว์ต่อย ผู้นั้นก็ต้องตายด้วยงูกัดสัตว์ต่อยอยู่หลายพันชาติ ตายในเวลายังเป็นเด็กก็มี กลางคนก็มีแก่ก็มี ผู้ใดทำให้ผู้อื่นตายด้วยยาพิษ ผู้นั้นก็ต้องตายด้วยยาพิษหลายพันชาติ ตายในเวลายังเป็นเด็กก็มี เป็นผู้ใหญ่ก็มี แก่ก็มี ผู้ใดทำให้ผู้อื่นตายด้วยไฟ ผู้นั้นก็ต้องตายด้วยไฟหลายแสนชาติ ผู้ใดทำให้ผู้อื่นตายด้วยน้ำ ผู้นั้นก็ต้องตายด้วยน้ำหลายแลนชาติ คือตกน้ำตาย จมน้ำตาย ผู้ใดทำให้ผู้อื่นตายด้วยอาวุธ ผู้นั้นก็ต้องตายด้วยอาวุธหลายแสนชาติ การตายของพวกเหล่านี้ เรียกว่า " ตายสมควรแก่กรรมทั้งนั้น"
" ข้าแต่พระนาคเสน พระผู้เป็นเจ้าเห็นว่าตายในเวลาไม่ควรตายอันเรียกว่า อกาลมรณะ มีอยู่ ขอนิมนต์แสดงอกาลมรณะให้โยมฟัง "
" ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่ที่ไหม้หญ้า ไหม้ไม้ กิ่งไม้ หมดแล้วก็ดับไป กองไฟใหญ่นั้นชื่อว่าดับในเวลาควรดับหรือ? "
" อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่มีชีวิตอยู่นานจึงตาย เรียกว่า " ตายในเวลาควรตาย " อีกประการหนึ่ง กองไฟใหญ่ที่ยังไหม้เชื้อไม่หมด แต่มีฝนห่าใหญ่ตกลงมาทำให้ดับกองไฟใหญ่นั้นจะชื่อว่าดับในเวลาควรดับหรือไม่? "
" เรียกไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า "
" เพราะอะไร มหาบพิตร กองไฟอย่างหลังจึงไม่มีคติเสมอกับกองไฟอย่างก่อน? "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เพราะกองไฟอย่างหลัง ถูกน้ำที่มาใหม่เบียดเบียน จึงได้ดับไป "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่ตายด้วยโรคอันมีลม หรือดี หรือเสมหะ เป็นสมุฎฐาน หรือสิ่งทั้ง ๓ กำเริบ หรือฤดูแปรปรวนการรักษาร่างกายไม่ดี หรือผู้อื่นกระทำ หิว กระหาย ถูกงูกัด ถูกไฟไหม้ จมน้ำ ถูกอาวุธตาย เหล่านี้ เรียกว่า "ตายในเวลายังไม่ควรตายทั้งนั้น"
เหตุที่ให้ตายในเวลายังไม่ควรตาย ได้แก่โรคเป็นต้น อย่างที่ว่ามานี้แหละ ขอถวายพระพร อีกอย่างหนึ่ง เมฆตั้งขึ้นในท้องฟ้าเมื่อจะทำที่ลุ่มที่ดอนให็เต็มก็เป็นฝนตกลงมา เมฆนั้นไม่มีสิ่งใดกีดขวาง ก็ตกลงมาได้ไม่ใช่หรือ ? "
" อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือผู้มีชีวิตอยู่นานก็ตายไปเอง อีกประการหนึ่งเมฆตั้งขึ้นในท้องฟ้า แล้วมีลมพัดไป จะเป็นฝนตกลงมาได้ไหม ? "
" ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า "
" เพราะเหตุไร มหาบพิตร เมฆอย่างหลังกับอย่างก่อน จึงไม่มีคติเสมอกัน ? "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เพราะเมฆอย่างหลังถูกลมพัดไปเสีย จึงเป็นฝนตกลงมาไม่ได้ "
" ข้อที่ตายในเวลาไม่ควรตาย ก็มีอุปมาฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ขอถวายพระพร อนึ่ง สรพิษที่มีฤทธิ์แรงกล้า ได้โกรธกัดบุคคลคนหนึ่งให้ถึงซึ่งความตาย ไม่มียาแก้ได้ พิษของงูนั้น เรียกว่าถึงซึ่งที่สุดฉันใด ผู้ที่มีอายุอยู่นานสิ้นอายุขัยแล้ว ก็ตายไปฉันนั้น อีกอย่างหนึ่ง ผู้ที่ถูกงูกัด แต่มียาฆ่าพิษนั้นเสีย พิษนั้นเรียกว่า หมดไปในเวลาที่ควรหมดหรือไม่ ? "
" ไม่เรียก พระผู้เป็นเจ้า "
" เพราะเหตุไร มหาบพิตร พิษงูอย่างก่อนกับอย่างหลัง จึงไม่เหมือนกัน ? "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พิษงูอย่างก่อนถูกยากำจัดเสีย จึงหมดไปในเวลายังไม่ควรหมด "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่ตายในเวลายังไม่หมดอายุขัย ก็เรียกว่า " ตายในเวลาไม่ควรทั้งนั้น "
ฐิตา:
ขอถวายพระพร อีกสิ่งหนึ่ง นายขมังธนูยิงลูกธนูไป ลูกธนูนั้นจะต้องไปจนสุดกำลังในเมื่อไม่มีสิ่งใดกีดขวางฉันใด ผู้ที่มีชีวิตอยู่นานก็ต้องตายด้วยสิ้นอายุขัยฉันนั้น ลูกธนูที่มีสิ่งขัดขวางก็ไปไม่ถึงที่สุดฉันใด พวกมีสิ่งขัดขวางก็ตายในเวลายังไม่ถึงที่สุดแห่งอายุขัยฉันนั้น
อีกเรื่องหนึ่ง เสียงภาชนะทองเหลืองที่มีผู้ตี จะต้องดังไปจนสุดเสียง ในเมื่อไม่มีสิ่งขัดขวางฉันใด บุคคลก็จักต้องตายในเวลาแก่เวลาสิ้นอายุขัย ในเมื่อไม่มีอันตรายอย่างใดอย่างหนึ่งฉันนั้น เสียงภาชนะทองเหลือง ถ้ามีขัดขวางก็ดังไปไม่ถึงที่สุดฉันใด สัตว์ทั้งหลายถ้ามีสิ่งขัดขวาง ก็ตายในเวลายังไม่สิ้นอายุขัยฉันนั้น
อีกอย่างหนึ่ง พืชที่บุคคลหว่านลงในที่นาดี ถ้าฝนตกดี และไม่มีสิ่งเบียดเบียนก็จักงอกงามดีฉันใด สัตว์ทั้งหลายถ้าไม่มีอันตรายมาแทรกแทรง ก็จะอยู่ไปจนกระทั่งสิ้นอายุขัยฉันนั้น พืชที่เขาปลูกหว่านไว้ ถ้าขาดน้ำก็ตายเรียกว่ามีสิ่งขัดขวางฉันใด สัตว์ทั้งหลายถ้ามีอันตราย ก็ตายก่อนสิ้นอายุขัยฉันนั้น
ขอถวายพระพร มหาบพิตรได้เคยทรงสดับหรือไม่ว่า มีหนอนเกิดในต้นข้าวอ่อน ๆ กัดกินกระทั่งราก? "
" เคยได้สดับ ทั้งได้เคยเห็นด้วย พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร ข้าวนั้นเรียกว่า เสียไปในเวลาควรเสียหรือไม่? "
" ไม่เรียก พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ผู้ที่ตายด้วยอันตรายต่าง ๆ ในระหว่างอายุขัยก็เรียกว่า " ตายในเวลาไม่ควรตาย"
ขอถวายพระพร มหาบพิตรได้เคยทรงสดับหรือไม่ว่า เมื่อข้าวกำลังออกรวงมีฝนห่าใหญ่ตกลงมาทำให้ข้าวร่วงไปหมด? "
" เคยได้สดับ ทั้งเคยได้เห็นด้วย พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้าวกล้าที่เสียไปด้วยฝนนั้น เรียกว่าเสียไปในเวลาไม่ควรเสียฉันใด ผู้ที่ตายด้วยโรคภัยต่าง ๆ ในระหว่างอายุขัยก็เรียกว่า " ตายในเวลาไม่ควรตาย " ฉันนั้น ขอถวายพระพร "
" น่าอัศจรรย์ ! พระนาคเสน ปัญหาข้อนี้พระผู้เป็นเจ้าแก้ไขแจ่มแจ้งดีแล้ว"
ฐิตา:
ปัญหาที่ ๒ ถามถึงปาฏิหาริย์ในเจดีย์ของพระอรหันต์
" ข้าแต่พระนาคเสน ปาฏิหาริย์ ย่อมมีที่เจดีย์หรือที่เชิงตะกอนของพระอรหันต์ที่ปรินิพานแล้วทั้งสิ้น หรือว่าบางพวกมี บางพวกไม่มี ? "
" ขอถวายพระพร บางพวกมี บางพวกไม่มี "
" พวกไหนมี พวกไหนไม่มี ผู้เป็นเจ้า ? "
" บุคคล ๓ จำพวกมี คือจำพวกหนึ่ง อธิษฐานไว้ ด้วยความอนุเคราะห์เทพยดามนุษย์ว่า จงให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นที่เชิงตะกอนของเรา อีกพวกหนึ่ง เทวดาบันดาล ให้เห็นความอัศจรรย์ของพระอรหันต์ เพื่อให้คนทั้งหลายเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา อีกพวกหนึ่ง มีสตรีหรือบุรุษผู้มีความเลื่อมใสศรัทธา ถือเอาของหอมหรือดอกไม้หรือผ้า หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว อธิษฐานให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วโยนสิ่งเหล่านั้นเข้าไปในที่เผาศพพระอรหันต์ ถ้าไม่มีการอธิษฐาน ก็ไม่มีปาฏิหาริย์ ถึงไม่มีปาฏิหาริย์ ผู้เป็นบัณฑิตก็รู้ได้ดีว่าท่านผู้นี้ปรินิพพานแล้ว"
" ถูกอย่างพระผู้เป็นเจ้าแก้ไขมาแล้ว "
ต่อที่ #315 :http://agaligohome.com/index.php?topic=205.315
*** - http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=205.315
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version