๘. การทำลายความซ้ำซากจำเจในชีวิต
เรา ใช้เวลาในช่วงเช้าเฝ้าดูตัวโรเด้นซึ่งมีรูปร่างคล้ายกระรอก ดอนฮวนเรียกมันว่า "หนูน้ำ" แกชี้ให้ดูว่า เจ้าหนูน้ำหนีภัยได้รวดเร็วมาก แต่หลังจากที่มันวิ่งหนีศัตรู มันมีนิสัยพิลึกมาก คือหยุดวิ่ง หรือในบางคราวมันจะปีนขึ้นไปบนก้อนหิน ยืนบนขาหลังทั้งสอง มองดูรอบ ๆ แล้วลูบเนื้อลูบตัว
"ตาของมันไวมาก" ดอนฮวนบอก "คุณต้องเคลื่อนตัวตามในขณะที่ในวิ่งหนีเท่านั้น ดังนั้น คุณต้องเรียนการที่จะทำนายว่ามันจะหยุดเมื่อไหร่และตรงไหน เพื่อว่าคุณจะหยุดพร้อมกับมัน"
ผมหมกมุ่นอยู่กับการเฝ้าดูตัวหนูน้ำ และผมทำสิ่งที่น่าจะเป็นวันซักซ้อมสำหรับพราน เพราะว่าผมทราบที่อยู่ของตัวโรเด้นหลายตัว ในที่สุดผมอาจทำนายการเคลื่อนไหวของมันได้ทุกครั้ง
ต่อจากนั้นดอนฮวนสอนให้ผมทำกับดัก แกอธิบายว่าพรานต้องใช้เวลาในการสังเกตการกินอาหารของมัน ที่ที่มันทำรัง เพื่อนำมาตัดสินในการวางกับ พรานจะวางกับในเวลากลางคืนและสิ่งที่เขาต้องทำในวันต่อมาก็คือ ไล่ตะเพิดมันให้กระจัดกระจายออกไปเข้ากับดักที่เขาวางไว้
เราหากิ่งไม้และเริ่มทำกับดัก
ดอนฮวนหยุดทำกับของแกอย่างกระทันหันขณะที่ผมทำอันของผมเกือบเสร็จอยู่แล้วและมัวตื่นเต้นสงสัยอยู่ว่ามันจะจับตัวโรเด้นได้หรือไม่ แกมองที่ข้อมือซ้ายราวกับว่าแกดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือซึ่งแกไม่เคยมี แล้วบอกว่าตามเวลาของแกขณะนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยง ผมกำลังถือกิ่งไม้ยาวและกำลังจะทำให้เป็นบ่วงด้วยการงอมันเข้ามาให้เป็นวงกลม
ผมวางกิ่งไม้ลงไปรวมกับของจุก ๆ จิก ๆ ในการใช้ล่าสัตว์โดยอัตโนมัติ ดอนฮวนมองมาทางผมด้วยสีหน้าแสดงความประหลาดใจ ต่อมาแกทำเสียงโหยหวนเหมือนกับหวูดของโรงงานบอกเวลาพักอาหารกลางวัน ผมหัวเราะ เสียงหวูดของแกเหมือนจริง ๆ ผมเดินไปหาแกและเห็นว่าแกกำลังจ้องดูผมอยู่ แกโยกศีรษะไปทางโน้นทางนี้
"กูจะบ้า" แกพูด
"มีอะไรผิดปกติหรือ ดอนฮวน"
แกทำเสียงหวูดยาวของโรงงานอย่างโหยหวนอีกครั้งหนึ่ง
"เวลาอาหารกลางวันผ่านพ้นไปแล้ว" แกบอก "กลับไปทำงานต่อ"
ผมรู้สึกสับสนอยู่ชั่วครู่ แต่ต่อมาผมคิดว่าแกคงเล่นตลก เพราะเราไม่มีอะไรมาทำเป็นอาหารกลางวันเลย ผมหมกมุ่นอยู่กับการล่าตัวหนูน้ำจนผมลืมไปว่าเราไม่มีเสบียง ผมหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาแล้วพยายามงอมันให้ได้ อีกขณะหนึ่งต่อมาดอนฮวนก็เป่า "หวูด" ของแกขึ้นมาอีก
"ถึงเวลากลับบ้าน" แกบอก
แกมองดูนาฬิกาในจินตนาการของแก แล้วมองมาทางผมพร้อมกับขยิบตา
"ห้าโมงเย็นพอดี" แกพูดออกมาด้วยท่าทางของคนที่กำลังเปิดเผยความลึกลับบางอย่างออกมา
ผมคิดว่าแกคงเบื่อการล่าสัตว์ขึ้นมาในทันทีทันใดและเลิกสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเสีย ผมวางทุกสิ่งทุกอย่างลงและพร้อมที่จะออกเดินทาง ผมไม่ได้มองไปที่แก ผมเดาเอาว่าแกคงรวบรวมเอาสิ่งของของแกอยู่เช่นเดียวกัน เมื่อผมเก็บสิ่งของเรียบร้อย ผมมองขึ้นไปเห็นดอนฮวนนั่งขัดสมาธิห่างออกไปประมาณสามฟุต
"ผมเรียบร้อย" ผมบอก
แกลุกขึ้นแล้วปีนขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่ แกยืนอยู่ที่นั่นสูงจากพื้นขึ้นไปราว ๕-๖ ฟุต แล้วมองลงมายังผม แกเอามือทั้งสองลงมาแนบด้านข้างของริมฝีปากแล้วทำเสียงแหลมยาวแสบแก้วหู มันเป็นเสียงหวูดโรงงานที่ดังกว่าเดิม แกหมุนตัวไปรอบ ๆ ขณะที่ทำเสียงโหยหวนนั้น
"คุณทำอะไร ดอนฮวน" ผมถาม
แกบอกว่า แกให้สัญญาณเพื่อให้โลกทั้งหมดนี้กลับบ้าน ผมงงขึ้นมาจริง ๆ ผมคิดไม่ออกว่าแกเล่นตลกหรือว่าแกเป็นบ้าไปแล้ว ผมตั้งใจดูแก และพยายามเชื่อมโยงสิ่งที่แกทำอยู่นี้กับสิ่งที่แกพูดมาก่อน เราเกือบจะไม่ได้พูดอะไรกันเลยในตอนเช้า และผมก็จำไม่ได้ว่ามีอะไรสำคัญเป็นพิเศษ
ดอนฮวนยืนอยู่บนก้อนหิน แกมองมาที่ผม ยิ้มแล้วขยิบตา ผมกลัวขึ้นมาทันที ดอนฮวนเอามือแนบที่ปากแล้วทำเสียงโหยหวนขึ้นมาอีก
แกบอกว่านั่นเป็นเวลาแปดโมงเช้า ผมต้องทำกับดักต่อไป เพราะมีเวลาเหลืออยู่อีกทั้งวัน
ตอนนี้ผมงงขึ้นมาจริง ๆ ช่วงเวลาเพียงสองสามนาทีความกลัวถีบตัวสูงขึ้นจนแทบจะทนไม่ได้ที่จะวิ่งออกจากที่นั่น ผมคิดว่าดอนฮวนเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ ผมกำลังจะวิ่งหนีขณะที่แกเลื่อนตัวลงมาจากก้อนหินแล้วเดินมาที่ผมพร้อมกับยิ้ม
"คุณคิดว่าผมบ้าใช่ไหม" แกถาม
ผมบอกแกว่า แกทำให้ผมกลัวแทบเป็นบ้าอยู่แล้วจากพฤติกรรมชนิดคาดไม่ถึงของแก
แกพูดว่าเราทั้งสองก็เหมือนกันนะแหละ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่แกพูด ผมคิดหมกมุ่นอยู่กับการกระทำของแกซึ่งดูจะเป็นการกระทำของคนบ้า แกอธิบายว่า แกเจตนาที่จะทำให้ผมตกใจแทบเป็นบ้าด้วยการกระทำชนิดคาดไม่ถึง เพราะผมเองก็ทำให้แกหวาดกลัวจากความหนักหน่วงในพฤติกรรมชนิดที่คาดเอาได้อย่างง่ายดายของผมเหมือนกัน แกเสริมว่าการกระทำที่ซ้ำซากจำเจของผมก็บ้าเท่า ๆ กับการทำเสียงหวูดของแกนั่นแหละ
ผมตกตะลึงและกล่าวว่าไม่ได้ทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ เลย ผมบอกแกว่า ความจริงนั้นผมคิดว่าชีวิตของผมสับสนวุ่นวายเพราะไม่ทำอะไรเป็นประจำอย่างมีระเบียบต่างหาก
ดอนฮวนหัวเราะแล้วกวักมือให้ผมไปนั่งข้าง ๆ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้วอย่างลึกลับ ความกลัวหายไปเมื่อดอนฮวนเริ่มพูด
"อะไรล่ะที่ผมทำอย่างซ้ำซากจำเจ" ผมถาม
"ทุกสิ่งที่คุณทำ เป็นการทำอย่างซ้ำซากจำเจ"
"พวกเราทุกคนไม่ได้ทำอย่างเดียวกันนี้หรือ"
"ไม่ทุกคนหรอก ผมเองไม่ทำอะไรอย่างจำเจ"
"อะไรเป็นเหตุให้คุณทำสิ่งนี้ขึ้นอีก ดอนฮวน ผมพูดหรือทำอะไรที่ทำให้คุณแสดงสิ่งนี้ออกมา"
"คุณห่วงกังวลอยู่กับอาหารกลางวัน"
"ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคุณเลยนี่นา คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมห่วงอาหารกลางวัน"
"คุณกังวลในเรื่องการกินทุกวันแหละน่าในตอนเที่ยง ตอนหกโมงเย็นและในตอนแปดโมงเช้า" แกพูดพร้อมยิ้มยิงฟันอย่างประสงค์ร้าย "คุณคิดห่วงในเรื่องกินเมื่อถึงเวลาที่บอกนั่นแม้ว่าคุณจะไม่หิวเอาเลย
"สิ่งที่ผมทำเพื่อแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ซ้ำซากจำเจของคุณก็ด้วยการเป่าหวูดขึ้นมา ความรู้สึกอันจำเจนี้ถูกฝึกฝนให้เกิดขึ้นได้ด้วยสัญญาณ"
แกจ้องเขม็งมาที่ผมด้วยแววตาที่มีคำถาม ผมป้องกันตัวเองไม่ได้เลย
"ขณะนี้คุณพร้อมแล้วที่จะทำให้การล่าเป็นการกระทำที่มีตารางเวลาซ้ำ ๆ ซาก ๆ ขึ้นมา" แกอธิบายต่อ "คุณก้าวเข้ามาสู่วิถีแห่งการล่าแล้ว คุณรับประทานเวลาหนึ่ง พูดเวลาหนึ่ง และนอนหลับอีกเวลาหนึ่ง"
ผมไม่มีอะไรจะพูดออกมา สิ่งที่ดอนฮวนพูดเกี่ยวกับนิสัยการกินอยู่ของผมนั้นเป็นแบบแผนที่ผมใช้กับทุกสิ่งในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รู้สึกขึ้นมาอย่างรุนแรงว่าชีวิตของผมเป็นไปตามตารางเวลาน้อยกว่าเพื่อน ๆ และคนที่ผมรู้จัก"
"คุณรู้เรื่องการล่ามิใช่น้อยในขณะนี้" ดอนฮวนพูดต่อ "มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณที่จะรู้ขึ้นมาว่า พรานที่ดีนั้นก่อนที่จะรู้ถึงเรื่องอื่นเขาต้องทราบสิ่งหนึ่งเป็นอันดับแรก นั่นก็คือเขารู้ตารางเวลาที่ทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ ของสัตว์ที่เขาล่า นี่คือสิ่งที่ทำให้เขาเป็นพรานที่ดี"
ถ้าหากคุณจำได้ถึงวิธีการที่ผมสอนคุณตามลำดับเกี่ยวกับการล่า คุณก็น่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมพูด ในลำดับแรกผมสอนให้คุณรู้จักทำกับดักสัตว์และการวางกับ ต่อมาผมสอนให้คุณรู้จักตารางเวลาที่สัตว์ทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ และต่อมาอีก เราก็จะทดสอบการวางกับดักตามเวลาที่ทำจำเจของสัตว์ชนิดนั้น ๆ ความรู้เหล่านี้เป็นรูปแบบพิ้น ๆ ภายนอก ของการล่าสัตว์"
"ตอนนี้ผมจะสอนคุณในหัวข้อสุดท้าย และดูเหมือนจะเป็นส่วนที่ทำได้ยากที่สุดด้วย บางทีนะ หลายปีทีเดียวก่อนที่คุณจะพูดออกมาได้ว่าคุณเข้าใจในเรื่องนี้ และพูดออกมาว่าคุณเป็นพรานที่ดีได้"
ดอนฮวนหยุดพูดราวกับจะให้เวลากับผม แกถอดหมวกออกแล้วเลียนท่าทางการเช็ดเนื้อเช็ดตัวของตัวโรเด้นที่เราเคยเฝ้าดูมา ท่าทางของแกตลกมาก หัวกลม ๆ ของแกเหมือนกับหัวของเจ้าหนูน้ำตัวหนึ่ง
" การเป็นพรานไม่ใช่เป็นได้เพราะล่าสัตว์มาได ้" แกพูดต่อ " พรานที่ดีมีค่าควรแก่การเป็นพรานไม่ใช่จับสัตว์ได้เพราะเขาวางกับเอาไว้ หรือรู้เวลาที่สัตว์เหล่านั้นทำอย่างจำเจ แต่เพราะพรานเองไม่ทำอะไรอย่างซ้ำซากจำเจด้วย นี่คือข้อได้เปรียบของเขา พรานไม่เหมือนกับสัตว์ที่เขาล่า สัตว์เหล่านั้นถูกกำหนดตายด้วยตารางเวลาอันหนักอึ้งและเสียงร้องที่เราทำนายได้ ส่วนพรานมีอิสระ เปลี่ยนแปลงได้ง่าย และไม่อาจทำนายได้เลย "
สำหรับผม สิ่งที่ดอนฮวนพูดนั้น เป็นอุดมคติเพ้อฝันชนิดไม่มีเหตุผลและผิดปกติมาก ผมมองไม่เห็นการมีชีวิตที่ไม่ทำอะไรอย่างซ้ำซากจำเจ ผมอยากจะพูดกับแกตรง ๆ ในเรื่องนี้ และไม่เพียงแต่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเพียงอย่างเดียว ผมรู้สึกว่าสิ่งที่แกคิดอยู่นั้นทำลงไปจริงไม่ได้ ไม่ว่าจะทำโดยตัวผมหรือผู้อื่น
"ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร" แกพูด "การที่จะเป็นพรานนั้น คุณต้องทำลายการกระทำที่ซ้ำซากจำเจในชีวิตของคุณลงไปเสีย ในการล่าสัตว์นั้นคุณทำได้ดี คุณเรียนรู้ได้รวดเร็ว แต่ในตอนนี้คุณคงมองเห็นแล้วว่า คุณเองก็เหมือนกับสัตว์ที่คุณล่า คือง่ายเหลือเกินที่จะทำนายการกระทำ"
ผมขอให้แกพูดบ่งให้ชัดแจ้งลงไปและให้ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม
"ผมกำลังพูดถึงการล่าสัตว์" แกพูดอย่างสงบ "ดังนั้น ผมใส่ใจอยู่กับสิ่งที่สัตว์กระทำ เช่น ที่ที่มันกินอาหาร สถานที่ ท่าทาง และเวลาที่มันนอน มันทำรังที่ไหน มันเดินอย่างไร เหล่านี้คือการกระทำที่จำเจที่ผมชี้ให้คุณดู เพื่อว่าคุณจะเห็นสิ่งเหล่านี้ในตัวของคุณด้วย
"คุณสังเกตนิสัยของสัตว์ในแถบทะเลทราย สัตว์เหล่านี้ดื่มและกินในที่แห่งหนึ่ง ทำรังในที่เฉพาะอีกแห่งหนึ่ง ความจริง ทุกสิ่งที่สัตว์ทำลงไปนั้นพรานที่ดีสามารถจะรู้ได้ล่วงหน้า หรือคาดคะเนให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาได้
"อย่างที่ผมบอกกับคุณแล้ว ในสายตาของผม คุณเองก็ประพฤติในลักษณะเดียวกับสัตว์ที่คุณล่า ครั้งหนึ่งในชีวิตของผม มีคนบางคนชี้ให้ผมเห็นสิ่งเดียวกันนี้ ดังนั้นคุณจึงไม่ใช่คนที่ผิดไปจากคนอื่น เราทุกคนประพฤติอย่างเดียวกับสัตว์ที่เราล่า แน่นอน การทำเช่นนั้นเราก็เป็นผู้ถูกล่าจากบางสิ่งหรือจากคนบางคนด้วย ตอนนี้สิ่งที่พรานผู้รู้เรื่องนี้ควรใส่ใจก็คือ เลิกเป็นเหยื่อที่จะถูกตามล่าเสีย เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหรือยัง"
ผมออกความเห็นอีกว่า ข้อเสนอแนะของแกเข้าถึงได้ยาก
"มันต้องใช้เวลาบ้าง" แกบอก "คุณอาจจะเริ่มด้วยการไม่กินอาหารกลางวันในเวลา ๑๒.๐๐ น."
แกมองมาทางผมแล้วยิ้มอย่างเมตตา คำพูดของแกน่าขำและทำให้ผมหัวเราะ
"แต่มีสัตว์บางชนิดที่เราตามรอยไม่ได้เลย" แกพูดต่อไป "ยกตัวอย่างเช่นกวางบางชนิด ซึ่งพรานผู้มีโชคอาจจะพบสักครั้งหนึ่งในชีวิต พบก็เพราะโชคอย่างแท้จริง"
แกหยุดพูด หยั่งท่าทีแล้วมองมาทางผมอย่างทิ่มแแทง ดูเหมือนแกจะคอยฟังคำถาม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรออกมา
"คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้มันเป็นสัตว์ที่ยากในการตามรอย และเป็นสัตว์ที่พิเศษที่สุด" แกถาม
ผมยักไหล่เพราะผมไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไร
"มันไม่มีตารางเวลาทำสิ่งต่างๆ อย่างจำเจ" แกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ส่อว่ารู้ดี "นั่นทำให้มันเป็นที่มหัศจรรย์"
"แต่กวางก็ต้องนอนในเวลากลางคืน" ผมพูด "นั่นไม่ใช่การกระทำที่จำเจหรือ"
"แน่นอน ถ้ากวางตัวนั้นนอนในเวลาหนึ่งและในที่เฉพาะแห่งหนึ่งเป็นประจำทุกวัน แต่สัตว์มหัศจรรย์เหล่านี้ไม่ทำเช่นนี้หรอก ความจริงคุณอาจจะสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ได้เองในอนาคต บางทีนะ มันเป็นเคราะห์กรรมของคุณที่จะล่าสัตว์มหัศจรรย์ตัวหนึ่งในชีวิตนี้"
"คุณหมายความว่าอะไร ดอนฮวน"
"คุณชอบการล่า บางทีสักวันหนึ่ง ในสถานที่แห่งหนึ่งบนโลกนี้ ทางเดินของคุณอาจผ่านวิถีของสัตว์มหัศจรรย์ และคุณอาจตามมันไป
"สัตว์มหัศจรรย์เป็นสิ่งที่ควรแก่การทัศนา ผมโชคดีเหมือนกันที่ได้ผ่านวิถีทางของมันมาแล้ว เราพบกันหลังจากที่ผมได้เรียนรู้และฝึกฝนเกี่ยวกับการล่ามาพอสมควร คราวหนึ่งผมอยู่ในป่าทึบบนภูเขาแถบเม็กซิโกกลาง ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงผิวปากที่ไพเราะมาก เสียงชนิดนั้นผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ไม่เคยได้ยินมาเลยตลอดเวลาหลายปีที่ผมเร่ร่อนไปตามป่าเขา ในภูมิประเทศเช่นนั้นผมบอกไม่ได้ว่าเสียงนั้นดังมาจากทางไหน ดูมันจะได้ยินออกมาจากหลายทิศทาง ผมคิดว่าผมถูกล้อมไว้ด้วยฝูงสัตว์ที่ผมไม่รู้จักชนิดหนึ่ง
"ผมได้ยินเสียงผิวปากที่ไพเราะเพราะพริ้งนั้นอีกครั้ง ดูมันจะดังออกมาจากทุกทิศทาง ดังนั้นผมจึงทราบชัดว่านับเป็นโชคของผมแล้ว ผมรู้ว่ามันคือชีวิตมหัศจรรย์หรือกวางชนิดหนึ่ง และผมรู้ด้วยว่า กวางมหัศจรรย์ชนิดนี้ทราบดีถึงเวลาอันซ้ำซากของคนธรรมดาและการกระทำอันจำเจของพรานด้วย
"การเดาว่าคนธรรมดาประพฤติอย่างไรในกรณีเช่นนี้ทำได้ง่าย แรกทีเดียว ความกลัวจะทำให้เขาเป็นผู้ถูกตามล่าในทันที เมื่อเขาเป็นผู้ถูกตามล่า เขาจะมีการกระทำอยู่สองลักษณะ คือ ถ้าเขาไม่วิ่งหนีเขาก็จะปักหลักสู้ ถ้าเขาไม่มีอาวุธก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่เขาจะหนีไปสู่ที่โล่งแล้ววิ่งกระเจิดกระเจิงเอาตัวรอด แต่ถ้ามีอาวุธเขาอาจเตรียมพร้อม แต่ต่อมา การปักหลักสู้นั้นจะทำให้เขาตัวแข็งไปเลยหรือไม่ก็ทรุดฮวบลงตรงนั้นเอง
"ในทางตรงข้าม ผู้เป็นพรานเมื่อเดินอยู่ในที่เปลี่ยว เขาจะไม่เดินโดยไม่สอดส่องดูสถานที่เพื่อหาจุดป้องกันตัว ดังนั้นพรานจะหลบซ่อนในทันที เขาอาจจะทิ้งเสื้อปอนโช* (เสื้อคลุม ชาวอินเดียนแดงและชาวเม็กซิกันใช้) ลงกับพื้น หรือเขาอาจแขวนมันไว้กับกิ่งไม้เพื่อเป็นเครื่องล่อ แล้วเขาจะซ่อนตัว รอคอยจนสัตว์ตัวนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง
"แต่ ในการปรากฏตัวของกวางมหัศจรรย์ในครั้งนั้น ผมหาได้ประพฤติเหมือนกับตัวอย่างทั้งสองนั้นไม่ ผมเอาหัวปักลงกับพื้นทันทีแล้วครางออกมาเบา ๆ ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นน้ำตาไหลออกมาจริง ๆ เป็นเวลานานจนผมเกือบจะเป็นลม ทันใดนั้นผมรู้สึกว่ามีลมพัดมาอ่อน ๆ มีบางสิ่งมาดมทางหลังหูขวาของผม ผมพยายามที่จะหันศีรษะไปดูจึงทำให้ผมล้มลงมา ผมลุกขึ้นนั่งทันที ทันเห็นสัตว์ที่เรืองรองสุกใสกำลังจ้องดูผมอยู่ กวางตัวนั้นมองมายังผม และผมบอกกับเขาว่า ผมไม่ทำอันตรายเขาหรอกและกวางก็พูดกับผม"
ดอนฮวนหยุดพูด แล้วมองมายังผม ผมยิ้มโดยไม่ตั้งใจ ความคิดเรื่องพูดกับกวางนั้นไม่น่าเชื่อเอาเลย นี่พูดอย่างเพลา ๆ เอาไว้แล้ว
"เขาพูดกับผม" ดอนฮวนพูดพร้อมกับยิงฟัน
"กวางนะรึพูด"
"เขาพูดออกมาจริง ๆ"
แกยืนขึ้นแล้วฉวยเอาเครื่องมือล่าสัตว์
"มันพูดจริง ๆ นะหรือ" ผมถามด้วยเสียงที่งงงวยอย่างยิ่ง
ดอนฮวนหัวเราะเสียงดังก้อง
"มันพูดว่าอย่างไรล่ะ" ผมถามกึ่งล้อเลียน
ผมคิดว่าแกกำลังล้อผมเล่นอีกแล้ว แกนิ่งไปครูหนึ่งเหมือนกับพยายามจำอะไรขึ้นมาให้ได้ ต่อมานัยน์ตาของแกแวววาวขึ้นมาขณะที่แกเล่าให้ผมฟังถึงคำพูดของกวางตัวนั้น
"กวางมหัศจรรย์พูดว่า 'สวัสดี เพื่อนรัก' ดอนฮวนเล่าต่อ "ผมจึงตอบว่า 'สวัสดีครับ' เขาถามผมว่า 'คุณร้องไห้ทำไม' ผมตอบว่า 'เพราะผมรู้สึกเศร้านะสิ' สัตว์มหัศจรรย์ตัวนั้นเดินมาที่หูของผม แล้วพูดออกมาชัดเจนเหมือนกับที่ผมกำลังพูดอยู่กับคุณเดี๋ยวนี้ 'อย่าเศร้าไปเลยนะ'"
แกจ้องเข้าไปในดวงตาของผม มีประกายซุกซนในดวงตาของแก แกหัวเราะออกมาอย่างครึกครื้น
"คุณคาดเอาไว้อย่างไรล่ะ" แกถามแล้วหัวเราะต่อ "ผมเป็นชาวอินเดียนแดงเสียด้วยนา"
อารมณ์ขันของแกพิลึกเอาเสียจริง ๆ ผมทำได้เพียงร่วมหัวเราะไปกับแกด้วย
"คุณไม่เชื่อว่ากวางมหัศจรรย์จะพูดได้ใช่ไหมล่ะ"
"ผมเสียใจจริง ๆ ดอนฮวน แต่ผมไม่เชื่อเอาเลยว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้" ผมตอบ
"ผมไม่ตำหนิคุณหรอก" แกพูดให้ความมั่นใจ "มันเป็นเรื่องบัดซบเรื่องหนึ่งทีเดียว"
http://olddreamz.com/bookshelf/ixtlan/ixtlan.html