อดทึ่งไม่ได้!! เมื่อได้ทราบว่า ตลอด 16 ปีที่ผ่านมามีเชฟหรือพ่อครัวอาหารญี่ปุ่นที่เป็นคนไทยแท้ๆ
ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำหน้าที่ "พ่อครัวหัวป่าก์" ให้กับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลญี่ปุ่นตามประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยทุกปี สมาคมเพื่อการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในสังกัดกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นจะ
จัดการคัดเลือกขึ้นในเมืองไทย โดยได้รับความร่วมมือจากภัตตาคารและร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นนำมากกว่า
250 แห่งทั่วประเทศ คัดเลือกพ่อครัว-แม่ครัวเข้ารับการฝึกอบรมการปรุงอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงเป็น
เวลา 3 เดือน ก่อนจะโชว์ฝีมือการประกอบอาหารให้เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นตัดสิน หากรสมือของใครเป็นที่ถูกอกถูกใจ
ก็จะได้ใบผ่านงานให้เป็น พ่อครัวประจำบ้านทูต ทันที...ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน สมาคมได้จัดการคัดเลือกเป็นครั้งที่ 17 แล้ว
นายมาซาฮิโร ยามาโมโต "อาจารย์" หรือ "เซ็นเซ" หนุ่มใหญ่วัย 41 ปีจากสถาบันสอนการทำอาหารทสึจิ
จากนครโอซากา ผู้ทำหน้าที่สอนหลักการและวิธีการปรุงอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงให้กับคนไทย บอกว่า
โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา เมื่อกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นพยายามจะแก้ปัญหาการขาดแคลนเชฟประจำสถานเอก
อัครราชทูตและสถานกงสุลต่างๆ หลังจากที่ปรากฏว่า บรรดาเชฟชาวญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะทำหน้าที่นี้ในดินแดนที่ห่างไกลและยากลำบาก อย่างเช่น ในแอฟริกา ทางการญี่ปุ่นพยายามมองหาและทดลองในหลายๆ ประเทศ ที่สุดก็ต้องมาปักหลักทำโครงการอบรมนี้ในเมืองไทยเพียงประเทศเดียวในโลก"ไม่ใช่เพียงแค่เพราะเมืองไทยมีภัตตาคารและร้านขายอาหารญี่ปุ่นอยู่มาก ที่สุดในภูมิภาคนี้เท่านั้น แต่เป็นเพราะพ่อครัวชาวไทยมีดี! กว่าพ่อครัวชาติไหนๆ ที่เคยทดลองฝึกฝนการประกอบอาหารญี่ปุ่นกันมา" ยามาโมโตบอก
คุณสมบัติเด่นประการหนึ่งของเชฟชาวไทยก็คือความมีน้ำอดน้ำทน มีความพร้อมที่จะปรับตัว ในขณะเดียวกันทักษะในการปรุงอาหารของคนไทยก็ไม่เป็นสองรองใคร แถมยังสามารถเข้ากันได้กับคนอื่นๆ โดยง่าย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด"ที่เราจะสอนให้ทำกันนี้ไม่ใช่การปรุงอาหารธรรมดา แต่เป็นอาหารญี่ปุ่นชั้นสูง ที่แม้แต่ชาวญี่ปุ่นในญี่ปุ่นเองน้อยคนที่จะได้ลิ้มรสชาติในเวลาปกติธรรมดา ทั่วไป" เซ็นเซ ยามาโมโตบอก
หน้าที่ของพ่อครัวประจำบ้านทูตมิใช่เพียงประกอบอาหารให้เอกอัครราชทูตและ ครอบครัวรับประทานเท่านั้น หากยังต้องประกอบอาหารสำหรับแขกบ้านแขกเมือง อาคันตุกะของสถานทูต ที่หลายๆ ครั้งก็ต้องรับรองราชนิกุลของประเทศนั้นๆ ซึ่งอาหารที่ปรุงนอกจากต้องถูกต้องตามหลักโภชนาการแล้ว จะต้องสะท้อนความเป็นญี่ปุ่นออกมาในจานอาหารได้อย่างหมดจด สวยงาม
"การปรุงอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงนั้นเป็นงานละเอียดอ่อน ปราณีต และต้องอาศัยองค์ความรู้ของความเป็นญี่ปุ่นสูงมาก ยกตัวอย่าง อาหารญี่ปุ่นทุกจานต้องบ่งบอกถึงฤดูกาล ทำอย่างไรถึงจะแสดงออกผ่านจานอาหารให้ได้ว่าในเวลานี้คือหน้าซากุระบานใน ญี่ปุ่นขณะที่อยู่ในแอฟริกา นั่นคือหน้าที่ของพ่อครัว" เซ็นเซยามาโมโต บอก ซึ่งพ่อครัวที่เข้าร่วมอบรมรุ่นนี้มีทั้งหมด 9 ชีวิต
"กบ" นางสาวพัชริน ขัดเพ็ชร อายุ 25 ปี ผู้หญิงหนึ่งเดียวของรุ่น ตัวแทนจากร้านคิคุซุย บอกว่า การปรุงอาหารไม่ว่าจะเป็นสัญชาติใดก็มีวัฒนธรรมในการปรุงที่พิถีพิถันแตก ต่างกันออกไป การเข้ารับการอบรมครั้งนี้ ตนจะทำให้ดีที่สุด เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่คนไทยจะได้เรียนรู้การประกอบอาหารญี่ปุ่นขั้นสูง
ส่วน "กล้า" นายศราวุธ คำจันทร์ อายุ 22 ปี จากร้านซาเก โนมิเซะ ผู้มีประสบการณ์การทำอาหารญี่ปุ่นมาแล้ว 4 ปี บอกว่า เสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นมีสีสันที่สวยงาม น่ารับประทาน
"หากโชคดีได้รับการคัดเลือกให้ทำหน้าที่พ่อครัวประจำบ้านทูตจะตั้งใจทำ งานให้ดีที่สุด เพื่อให้สมกับที่ประเทศญี่ปุ่นให้การยอมรับฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวไทยที่ ไม่แพ้พ่อครัวต้นตำรับ" ศราวุธทิ้งท้าย
เครดิต:
http://women.sanook.com/