แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์

รวมภาพพุทธประวัติเรียงลำดับเหตุการณ์ ทั้งหมด 81 ภาพ วัดพระบาทน้ำพุ ( ทำบุญได้ )

<< < (4/4)

มดเอ๊กซ:




ภาพที่ 76 พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดสุภัททปริพาชก
ให้สำเร็จมรรคผล สุภัททปริพาชกเข้าไปหาพระอานนท์ บอกว่า
ตนประสงค์จะขอเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อทูลถามปัญหาบางอย่างซึ่งข้องใจ
มานาน พระอานนท์ปฎิเสธปริพาชกว่าอย่าเลย อย่าได้รบกวนพระพุทธองค์เลย
เพราะพระองค์กำลังจะปรินิพพาน

พระพุทธองค์ทรงได้ยินการโต้ตอบระหว่างพระอานนท์กับสุภัททปริพาชก
จึงตรัสให้สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าได้ เมื่อสุภัททปริพาชกได้โอกาสเข้าเฝ้า
พระพุทธเจ้า จึงทูลถามปัญหาที่ข้องใจมานาน หลังจากพระพุทธองค์
ตรัสตอบปัญหาแล้ว เขาเกิดความเลื่อมใส ทูลขอบวช พระพุทธองค์ตรัสว่า

นักบวชในศาสนาอื่นจะขอบวชต้องอยู่ปริวาสครบ 4 เดือนก่อน
สุภัททปริพาชกกราบทูลว่า แม้จะให้อยู่ถึง 4 ปีก็ยอม พระพุทธองค์จึงทรง
อนุญาตให้สงฆ์บวชให้สุภัททปริพาชกในคืนวันนั้น
สุภัททปริพาชกอุปสมบทแล้ว บำเพ็ญเพียรไม่นานในคืนนั้นเองก็บรรลุ
พระอรหันต์ จึงนับเป็นพระอรหันต์สาวก
องค์สุดท้ายที่ทันเห็นพระพุทธองค์ขณะดำรงพระชนม์ชีพ

ปัจฉิมพระสาวกสุภัททปริพาชก
ในภาพ พระพุทธองค์ให้สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าถามปัญหาธรรมแม้พระอานนท์
จะห้าม ได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า "อานนท์ ประโยชน์อันใดที่เขา
จะได้จากเรา แม้ลมหายใจสุดท้ายเราก็จะยอมมอบให้เขา"




ภาพที่ 77 พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน

พระบรมศาสดาได้ประทานปัจฉิมโอวาทว่า “หันทะทานิ ภิกขะเว
อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ”
แปลว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่าสังขาร
ทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาท

ให้ถึงพร้อมเถิด” หลังจากนั้นพระพุทธองค์ทรงเข้าสมาบัติตามลำดับดังนี้
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว

ทรงเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ออกจากอากาสานัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน ออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ออกจากอากิญจัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว

ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ ออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติแล้ว
ทรงเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าอากิญจัญญายตนฌาน ออกจากอากิญจัญญายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าวิญญาณัญจายตนฌาน ออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว

ทรงเข้าอากาสานัญจายตนฌาน ออกจากอากาสานัญจายตนฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าปฐมฌาน ออกจากปฐมฌานแล้ว
ทรงเข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว
ทรงเข้าตติยฌาน ออกจากตติยฌานแล้ว
ทรงเข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว เสด็จดับขันธปรินิพพาน

เสด็จดับขันธปรินิพพาน
ในภาพ วันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พระพุทธองค์ประทับสีหไสยาส ท่ามกลางหมู่สงฆ์และทวยเทพ ดอกไม้่ทิพย์ทั้งปวงร่วงโปรยลงมาเป็นพุทธบูชา เข้าสู่สถานที่พุทธปรินิพพานจนละลานตาทั่วอุทธยาน




ภาพที่ 78 ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

หลังจากพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พวกเจ้ามัลลกษัตริย์จัดบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ และเครื่องดนตรีทุกชนิดที่มีอยู่ในเมืองกุสินาราตลอด 7 วัน แล้วให้เจ้ามัลละระดับหัวหน้า 8 คน สรงเกล้า นุ่งห่มผ้าใหม่ อัญเชิญพระสรีระไปทางทิศตะวันออกของพระนครเพื่อถวายพระเพลิง พวกเจ้ามัลละถามถึงวิธีปฏิบัติพระสรีระกับพระอานนท์เถระ แล้วทำตามคำของพระเถระนั้นคือ ห่อพระสรีระด้วยผ้าใหม่แล้วซับด้วยสำลี แล้วใช้ผ้าใหม่ห่อทับอีก ทำเช่นนี้จนหมดผ้า 500 คู่ แล้วเชิญลงในรางเหล็กที่เติมด้วยน้ำมัน แล้วทำจิตกาธานด้วยดอกไม้จันทน์ และของหอมทุกชนิด จากนั้นอัญเชิญ พวกเจ้ามัลละระดับหัวหน้า 4 คน สระสรงเกล้า และนุ่งห่มผ้าใหม่ พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ก็ไม่อาจให้ไฟติดได้ จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธะเถระแจ้งว่า "เพราะเทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะ และภิกษุหมู่ใหญ่ 500 รูป ผู้กำลังเดินทางมาเพื่อถวายบังคมพระบาทเสียก่อน"

ครั้งนั้นพระมหากัสสปะเถระและหมู่ภิกษุเดินทางจากเมืองปาวาเพื่อเข้าเฝ้าพระศาสดา ระหว่างทางได้พบกับพราหมณ์คนหนึ่ง ถือดอกมณฑารพสวนทางมา พระมหากัสสปะได้เห็นก็ทราบว่ามีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นดอกไม้นี้มีเพียงในเทวโลกไม่มีในเมืองมนุษย์ การที่มีดอกมณฑารพอยู่แสดงว่าจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับพระศาสดา พระมหากัสสปะถามพราหมณ์นั้นว่า ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพระศาสดาบ้างหรือไม่ พราหมณ์นั้นตอบว่า พระสมณโคดมได้ปรินิพพานไปล่วงเจ็ดวันแล้ว

เมื่อพระมหากัสสปะ และภิกษุ 500 รูป เดินทางมาถึงสถานที่ถวายพระเพลิงมกุฏพันธนเจดีย์แล้ว ห่มจีวรเฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมอัญชลี กระทำประทักษิณรอบเชิงตะกอน 3 รอบ พระมหากัสสปะเปิดผ้าทางพระบาทแล้ว ถวายบังคมพระบาททั้งสองด้วยเศียรเกล้าแล้วอธิษฐานว่า "ขอพระยุคลบาทของพระองค์ที่มีลักษณะเป็นจักรอันประกอบด้วยซี่พันซี่ จงชำแรกคู่ผ้า 500 ออกเป็นช่องประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าของข้าพระองค์ด้วยเถิด" เมื่ออธิษฐานเสร็จ พระยุคลบาทก็แหวกคู่ผ้า 500 คู่ออกมา พระเถระจับยุคลบาทไว้และน้อมนมัสการเหนือเศียรเกล้าของตน เมื่อพระเถระและภิกษุ 500 รูปถวายบังคมแล้ว ฝ่าพระยุคลบาทก็เข้าประดิษฐานในที่เดิม ครั้นแล้วเปลวเพลิงก็ลุกโพลงท่วมพระสรีระ

ของพระศาสดาด้วยอำนาจของเทวดา เมื่อเพลิงใกล้จะดับ ก็มีท่อน้ำไหลหลั่งลงมาจากอากาศ และมีน้ำพุ่งขึ้นจากกองไม้สาละ ดับไฟที่ยังเหลืออยู่นั้น เหล่าเจ้ามัลละก็ประพรมพระบรมสารีริกธาตุด้วยของหอม 4 ชนิด รอบๆบริเวณ ก็โปรยข้าวตอกเป็นต้น แล้วจัดกองกำลังอารักขา จัดทำสัตติบัญชร (ซี่กรงทำด้วยหอก) เพื่อป้องกันภัย แล้วให้ขึงเพดานผ้าไว้เบื้องบน ห้อยพวงของหอม พวงมาลัย พวงแก้ว ให้ล้อมม่านและเสื่อลำแพนไว้ทั้งสองข้าง ตั้งแต่มกุฏพันธนเจดีย์ จนถึงศาลาด้านล่าง ให้ติดเพดานไว้เบื้องบน ตลอดทางติดธง 5 สีโดยรอบ ให้ตั้งต้นกล้วย และหม้อน้ำ พร้อมกับตามประทีปมีด้ามไว้ตามถนนทุกสาย

พวกเจ้ามัลละนำพระบรมธาตุทั้งหลายวางลงในรางทองแล้ว อัญเชิญไว้บนคอช้าง นำพระบรมธาตุเข้าพระนครประดิษฐานไว้บนบัลลังก์ที่ทำด้วยรัตนะ 7 อย่าง กั้นเศวตรฉัตรไว้เบื้องบน แล้วจัดกองกำลังอารักขา จากนั้นจัดเหล่าช้างเรียงลำดับกระพองต่อกันล้อมไว้ พ้นจากเหล่าช้างก็เป็นเหล่าม้าเรียงลำดับคอต่อกัน จากนั้นเป็นเหล่ารถ เหล่าราบรอบนอกสุดเป็นทหารธนูล้อมอยู่ พวกเจ้ามัลละจัดฉลองพระบรมธาตุตลอด 7 วัน

พิธีถวายพระเพลิงพุทธสรีระพระพุทธเจ้า
ในภาพ เหล่าภิกษุสงฆ์ เทพ มัลลกษัตริย์ฺ ได้ถวายการสักการะพระบรมศพ พระมหากัสสปะเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ อธิฐานจึงบังเกิดความอัศจรรย์ พระยุคลบาทโผล่พ้นปลายหีบพระศพ เพื่อประทานให้นมัสการเป็นพิเศษแก่พระมหากัสสปะ




ภาพที่ 79 แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ

เมื่อข่าวการปรินิพพานของพระพุทธองค์และการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พระสรีระกลายเป็นพระบรมสารีริกธาตุแล้ว เหล่ากษัตริย์ในนครต่างๆ เมื่อทราบข่าวก็ปรารถนาจะได้พระบรมธาตุไปบูชา จึงส่งสาสน์ ส่งฑูตมาขอพระบรมสารีริกธาตุ เหล่ามัลลกษัตริย์ก็ไม่ยอมยกให้ ด้วยเหตุผลว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานในเมืองของเรา" ดังนั้น กษัตริย์ในพระนครต่างๆ เช่น พระเจ้าอชาตศัตรู จอมกษัตริย์แคว้นมคธ และกษัตริย์เหล่าอื่นๆ จึงยกกองทัพมาด้วยหวังว่าจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อยกกองทัพมาถึงหน้าประตูเมืองทำท่าจะเกิดศึกสงครามแย่งชิงพระบรมธาตุ ครั้งนั้น พราหมณ์ผู้ใหญ่คนหนึ่ง คือ โทณพราหมณ์ หวั่นเกรงว่าจะเกิดสงครามใหญ่ จึงประกาศว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา ทรงสรรเสริญขันติ สรรเสริญสามัคคีธรรม การที่เราจะมาประหัตประหารเพราะแย่งชิงพระบรมธาตุของพระองค์ผู้ประเสริฐย่อมไม่สมควร ดังนั้นขอให้ท่านทั้งหลายจงยินดีในการที่จะแบ่งกันไปเป็น 8 ส่วน และนำไปบูชายังบ้านเมืองของท่านทั้งหลายเถิด" กษัตริย์ทั้งหลายมีมติให้โทณพราหมณ์แบ่งพระสรีระพระผู้มีพระภาคออกเป็น 8 ส่วนเท่ากัน

ครั้งนั้น พระเจ้าแผ่นดินมคธ พระนามว่า อชาตศัตรู เวเทหิบุตร ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในพระนครราชคฤห์
พวกกษัตริย์ลิจฉวี เมืองเวสาลี ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวสาลี
พวกกษัตริย์ศากยะ เมืองกบิลพัสดุ์ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกบิลพัสดุ์
พวกกษัตริย์ถูลี เมืองอัลกัปปะ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองอัลกัปปะ
พวกกษัตริย์โกลิยะ เมืองรามคาม ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองรามคาม
พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองเวฏฐทีปกะ
พวกเจ้ามัลละ เมืองปาวา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองปาวา
พวกเจ้ามัลละ เมืองกุสินารา ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระสรีระพระผู้มีพระภาคในเมืองกุสินารา
โทณพราหมณ์ก็ได้กระทำสถูปและการฉลองตุมพะ (ทะนานทองตวงพระบรมธาตุ)
พวกกษัตริย์โมริยะ เมืองปิปผลิวัน ก็ได้กระทำพระสถูปและการฉลองพระอังคารในเมืองปิปผลิวันฯ
พระสถูปบรรจุพระสรีระมีแปดแห่ง รวมกับสถูปบรรจุตุมพะเป็นเก้าแห่ง และรวมกับพระสถูปบรรจุพระอังคารเป็นสิบแห่ง

พระสรีระของพระพุทธเจ้ามีแปดทะนาน เจ็ดทะนานบูชากันอยู่ในชมพูทวีป ส่วนพระสรีระอีกทะนานหนึ่งพวกนาคราชบูชากันอยู่ในรามคาม
พระเขี้ยวองค์หนึ่งเทวดาชาวไตรทิพย์บูชาแล้ว ส่วนอีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในคันธารบุรี อีกองค์หนึ่งบูชากันอยู่ในแคว้นของพระเจ้ากาลิงคะ อีกองค์หนึ่งพระยานาคบูชากันอยู่ฯ พระทนต์ 40 องค์บริบูรณ์ พระเกศา และพระโลมาทั้งหมด พวกเทวดานำไปองค์ละองค์ๆ โดยนำต่อๆ กันไปในจักรวาล ดังนี้แล

แจกพระบรมสารีริธาตุ
ในภาพ โทณพราหมณ์แจกพระบรมสารีริกฐาตุทั้ง ๑๖ ทะนานแก่เจ้าเมืองทั้ง ๘ แล้วแอบเอาพระเขี้ยวแก้ใส่มวยผม พระอินทร์จึงอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานบนสวรรค์




ภาพที่ 80 พระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว พระอังคารธาตุ
และพุทธบริขารสถิตในมนุษย์โลกและเทวโลก พร้อมทั้งสังเวชนียสถาน
ทั้งสี่ คือ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน

พระบรมธาตุและอัฐบริขารสถิตในภพ ๓
ในภาพ สิ่งอันเป็นสัญญลักษณ์แทนความเป็นพุทธเจ้า กษัตริย์และเทพในโลกทั้ง ๓ ได้อัญเชิญพระบรมธาตุและธาตุบริขารสำคัญไปประดิษฐ์ในภพของตนเพื่อทักษิณาถวายการเคารพสัการบูชาสูงสุด




ภาพที่ 81 พุทธกิจหลักประจำวัน 5 ประการ

พุทธกิจประการที่ 1 ในเวลาเช้า เสด็จออกบิณฑบาตเพื่อโปรดสัตว์โลก
พุทธกิจประการที่ 2 ในเวลาเย็น ทรงแสดงธรรมแก่ผู้สนใจในการฟังธรรม
พุทธกิจประการที่ 3 ในเวลาค่ำ ทรงประทานพระโอวาท ให้กรรมฐาน
แก่ภิกษุทั้งหลาย
พุทธกิจประการที่ 4 ในเวลาเที่ยงคืน ทรงแสดงธรรมและตอบปัญหา
แก่เทวดาทั้งหลาย
พุทธกิจประการที่ 5 ในเวลาใกล้รุ่ง ทรงตรวจดูสัตว์โลก
ที่อาจจะรู้ธรรมที่ประองค์ทรงแสดง แล้วเสด็จไปอนุเคราะห์
แสดงธรรมแก่ผู้ที่ปรากฏในข่ายพระญาณ

กิจวัตรของพระบรมศาสดาขณะดำรงพระชนม์
ในภาพ พระบรมศาสดาทรงมีพระเมตตากรุณาโปรดหมู่เวไนยสัตว์ทรงมีกิจเพื่อสอนผู้อื่นเป็นรายวัน ขณะดำรงพระชนม์ชีพอยู่ เช้าถึงเย็นโปรดหมู่ชนหลายวรรณะที่มาสู่ความเป็นพุทธมามกะ หัวค่ำทรงแสดงธรรมโปรดพระสาวกภิกษุ กลางคืนแสดงธรรมโปรดหมู่เทวดา และเวลาค่อนรุ่งทรงส่งกระแสข่ายพระญาณไปตรวจบุคคลที่สมควรโปรดตามที่ทรงมีความพอพระทัย



พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
ถวายอานิสงส์ใดๆที่พึงมี บูชาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
อาจาริยบูชาวันทามิ
กราบบูชาพระคุณ ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิค่ะ

สุขาวดีนั้นอยู่สุดแสนไกล
นับด้วยล้านโกฏภพ
ฉันจะไปที่นั่นได้อย่างไร
หากอาศัยเพียงรองเท้าฟางคู่หนึ่ง
- ไฮกุ ท่านอิกคิวซัง -



http://www.sookjai.com/index.php?topic=1067.0

ฐิตา:


:13:    กราบอนุโมทนาบุญค่ะคุณมดสาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 :14: :12: ลงปรื๊ดด..ๆๆ เล๊ยยย.. พี่น้องง.. แบบจรวด
ชื่นชมๆๆๆๆ
ขอบพระคุณนะคะ...
 

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :13: อนุโมทนาครับพี่มด

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version