คลังธรรมปัญญา > พรรณาอักษร
หลิ่งหนานฮว่าพ่าย (嶺南畫派) : สกุลช่างศิลปะจีนยุค "เปลี่ยนแปลง"
(1/1)
มดเอ๊กซ:
หลิ่งหนานฮว่าพ่าย (嶺南畫派) : สกุลช่างศิลปะจีนยุค "เปลี่ยนแปลง"
"Change"..........
คำที่เป็นพระเอกมานานพอควร
พอๆกับคำว่า Globalization (โลกาภิวัตร)
ในวงการไหนๆก็เหมือนกัน เขาว่ากันว่าอะไรๆมันไปรวดเร็ว
คนอยู่กับที่คือคนที่ถอยหลัง ตามไม่ทันเพื่อน
น้ำที่มันขังนิ่ง...ไม่ช้าก็จะเน่า...
ศิลปะจีน โดยเฉพาะด้านจิตรกรรม ทำกันมาตามประเพณี
ย่ำอยู่กับที่หลายร้อยปีดีดัก.........คนวาดก็เบื่อ คนดูก็เซ็ง
ลัทธิขงจื่อทำให้เกิดศรัทธาแห่งการเคารพบรรพชน
เคารพสิ่งที่บรรพชนสร้าง...........จึงหาคนกล้า "นอกครู" ยาก
แต่กรุงจีนรึจะสิ้นคนกล้า............ แหะ แหะ...ตามผมมาคร้าบ
............................................................
ลุ ค.ศ.1757 รัฐบาลราชวงศ์ชิงเปิดการค้าทางทะเลกับนานาชาติ
(ตรงกับสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยพระเจ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต)
ฝรั่งมังค่าเริ่มหาตลาดระบายสินค้ามาแถบเอเซียกันยกใหญ่
เมืองกว่างโจว ในมณฑลกวางตุ้งเป็นเพียงแห่งเดียวที่กฎหมายจีน
อนุญาตให้เป็นเมืองท่าขนถ่ายสินค้าสู่จีน นาน 86 ปี...ตราบถึงปี ค.ศ.1843
(ตรงกับไทยสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ด้านอุษาคเณย์ของจีนนี่แหละ รวมถึงมณฑลกวางตุ้งยุคใหม่
เรียกขานกันแบบลำลองว่า "หลิ่งหนาน" (嶺南) แปลตามศัพท์ว่า "เทือกเขาทางใต้"
บรรดาปราชญ์ทางการเมืองที่สำคัญหลายคนได้อุบัติขึ้นในแถบนี้
เช่น คังโหย่วเหวย (康有為 1858-1927) และเหลียงฉี่เชา (梁啟超 1873-1929)
ซึ่งเป็นพวกหัวก้าวหน้าต้องการสร้างระบอบรัฐธรรมนูญแทนระบอบจักรพรรดิ์ดั้งเดิม
และ ดร. ซุนยัตเซ็น (孫中山,孫逸仙 1866-1925) ผู้สถาปนาสาธารณรัฐจีนในปี ค.ศ.1911
วิวัฒนาการของจิตรกรรมจีนแบบชาวกวางตุ้งเริ่มมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
แต่ยังไม่แพร่หลาย
มาเป็นที่ยอมรับกันในระดับชาติเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 นี่เอง
..........................................
สองพี่น้องสกุลเกา....ผู้นำของ "สกุลช่างศิลปะหลิ่งหนาน"
เกาเจี้ยนฝู้ (高劍父 1879-1951) ได้เข้าสังกัดสมาคมถงเหมิงฮุ่ย (同盟會) ซึ่งก่อตั้งโดย
ซุนยัตเซ็นเมื่อปี ค.ศ.1905 เป้าหมายคือปฏิวัติล้มล้างระบอบจักรพรรดิ์
หลังปี ค.ศ.1911 เกาเจี้ยนฝู้ได้อุทิศตนเพื่อการ "เปลี่ยนแปลง"
โดยผ่านการวาดภาพ การเผยแพร่ผลงาน-เขียนบทความ การสอนลูกศิษย์
เขาสนับสนุนส่งเสริมพัฒนา "ภาพเขียนแบบจีนใหม่" ซึ่งเขากับสานุศิษย์
และน้องชายคือ
เกาฉีฟง (高奇峰 1889-1933)
ได้พยายามรวมเอาสไตล์การวาดแบบดั้งเดิมให้
เข้ากับองค์ประกอบแบบเรียลิสติคของตะวันตก ผสมผสานกับแบบญี่ปุ่นยุคใหม่(เมจิ)
จึงได้ศิลปะแนวใหม่ที่เข้าถึงประชาชนจีนในระบอบสาธารณรัฐจีนใหม่
ได้มากกว่าการวาดภาพแบบปัญญาชนยุคเก่าในอดีต
ทั้งคู่ได้พัฒนาการใช้สีและฝีแปรงอันรุนแรงที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นเอกลักษณ์
ส่งอิทธิพลมากมายในหมู่จิตรกรทางภาคใต้
ยังมีจิตรกรอีกท่านหนึ่งที่จัดว่าเป็นผู้ร่วมบุกเบิกคือ
เฉินซู่เหริน (陳樹人 1884-1948)
ทั้ง 3 ท่านได้รับเกียรติเรียกว่า สามจิตรกรหลิ่งหนานผู้ยิ่งใหญ่
("สองเกา หนึ่งเฉิน") 三大家 ("二高一陈")
ทั้งสามท่านมีครูร่วมกัน ครูทั้งสองพี่น้องแห่งสกุล "จวี" นับเป็นผู้จุดประกาย
ของสกุลช่างศิลปะหลิ่งหนานทีเดียว ขอเอ่ยนามเพื่อให้เกียรติแก่
จวีเฉา (居巢 1811-1889) กับ
จวีเหลียน (居廉 1828-1904)
จิตรกรอีกท่านหนึ่งที่โดดเด่นของสำนักนี้คือ
เจ้าเส้าอ๋าง (趙少昂 1905-1998) ผู้ร่วมสมัยและฝีมือฉมังนัก
............................................................
มีคำกล่าวจาก หวงพินหง (黃賓虹 1865-1955)
จิตรกรร่วมสมัยท่านหนึ่งว่า
" สมัยถัง...เป็นดังส่าหมัก(เหล้า)
สมัยซ่ง...เป็นดังสุรา
สมัยหยวน...ลุมาตกต่ำ
เป็นดังสุราผสมเจือด้วยน้ำ
ยิ่งสมัยนี้ล่วงมา...
น้ำยิ่งผสมมากขึ้น
ในสมัยปัจจุบันนี้...รูปเขียน
มีแต่น้ำ แต่ไร้สุรา
ผู้เสพแล้วไม่อาจเมามาย
ดูไปแล้วช่างดูดาดไร้รสชาติยิ่งนัก "
จิตรกรผู้นำในสกุลช่างศิลปะหลิ่งหนาน เสนอให้ก้าวกระโดดเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
โดยขอเอา "ธรรมชาติเป็นครู"....มุ่งพินิจพิจารณาวาดแบบ "เขียนจากของจริง"
คำสอนมีว่า
"折衷中外 ...."เจ๋อจงจงเว่ย์
融合古今" .... หรงเหอกู่จิน"
("พินิจพิเคราะห์ใคร่ครวญถึงจีนและต่างชาติ
ผสมผสานเอาอดีตให้เข้ากับปัจจุบัน")
คตินิยมของสกุลช่างศิลปะหลิ่งหนานมีความคล้ายคลึงกับทาง
ลัทธิ "อิมเพรสชั่นนิสม์" คือ
จับเอาวิญญาณของธรรมชาติมาทั้งรูปทรงและสีสัน
สะท้อนเอามาจากของจริง คือเคารพในนฤมิตกรรมของธรรมชาติ
สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่วาดลงไปไม่มีความแตกต่างถึงขั้นขัดแย้งกัน
รสชาติที่ได้รับถีงจะไม่เหมือนธรรมชาติ
แต่ก็มีสิ่งสะท้อนจากวิญญาณแท้จริงของธรรมชาติ
แบบอย่างที่มาคือจากญี่ปุ่นและจากทางฝรั่งตะวันตกผสมผสานกัน
ในสำนักอิมเพรสชั่นนิสม์ ก็ได้รับอิทธิพลการลงสีจากภาพพิมพ์ไม้ของญี่ปุ่น
ส่วนญี่ปุ่นเองก็ได้รับอิทธิพลจากจีนหลายครั้งหลายครา
จึงอาจกล่าวได้ว่า....
สกุลช่างศิลปะหลิ่งหนานเป็นการรับเอาวัฒนธรรมญี่ปุ่นยุคเมจิและตะวันตก
หวนกลับมาสู่จีนอีกครั้งหนึ่ง ดังมีคำกล่าวว่า
"外師造化 ...."เว่ย์ซือเซ่าฮว่า
中得心源" .... จงเต๋อซินหยวน"
(ศึกษาอารยธรรมจากเบื้องนอก-ต่างชาติ
ธำรงแก่นจิตใจดั้งเดิมของภายใน-จีน)
จขบ.ขอสรุปรวบยอดง่ายๆว่า....
แบบอย่างของจีน......เน้นหนักโดดเด่นที่เส้นฝีพู่กัน
เส้นจะไม่ใช้เป็นเส้นร่างรูป แต่จะจุ่มสีแล้วแต้มป้ายปาดไปเลย
วิธีแบบนี้เรียกว่าวาดแบบ "ไม่มีกระดูก" (沒骨)
แบบอย่างตะวันตกและญี่ปุ่นยุคเมจิ...เน้นที่สีสันแสงเงากับเพอสเพ็คทีฟ
มดเอ๊กซ:
จะไม่พูดมากกว่านี้แล้ว ดูชมภาพเลย
คงจะทำให้ทราบซึ้งกว่าที่ผมว่ามาข้างต้นครับ
ชุดแรกของ จวีเฉา (居巢) 3 ภาพ
1
ลั่วหยางฮวา
2
ปลาตระกูล catfish
3
นกกระยางคู่
....................................................
ชุดที่ 2 ของ จวีเหลียน (居廉) 2 ภาพ
4
ใบบัวห่อดอกไม้
5
ดอกโบตั๋นกับแอสเตอร์
....................................
ชุดที่ 3 ของ เจ้าจือเชียน (赵之谦) 2 ภาพ
6
ดอก...(ไม่รู้จักชื่อ)
7
ดอกโบตั๋นกับกุหลาบ
.......................................
ชุดที่ 4 ของ เกาเจี้ยนฝู้ (高劍父) 4 ภาพ
8
เหยี่ยวจ้อง
9
เสือคำรามใต้ดวงจันทร์
10
ฟักทอง
11
บัวขาว
...............................................
ชุดที่ 5 ของ เกาฉีฟง (高奇峰) 6 ภาพ
12
ฝนคราวสันต์ ต้นหลิวริมบึง
13
นกอินทรี
14
วานรชมจันทร์
15
ม้าขาวกับแรกหิมะ
16
ภาพทิวทัศน์
17
พระโพธิธรรม(ตั๊กม้อ) เพ่งกำแพง
................................................
ดูว่าบล๊อกจะยาวเกินไปแล้ว
ขอต่อคราวหน้านะครับ
จะเป็นภาพเขียนของ เฉินซู่เหริน กับ เจ้าเส้าอ๋าง
รับรองสวยสะเด็ดยาดแน่นอน.....
มดเอ๊กซ:
ก่อนจบฟังเพลงเพราะๆสักเพลง มีบรรยากาศของจีนที่รับเอา
วัฒนธรรมตะวันตกทางดนตรีและบัลเล่ต์มาแสดง เป็นการปรับ
จิตสำนึกของประชาชนให้เข้ากับระบอบการเมืองการปกครอง
แบบฝรั่ง ปลุกใจและเร้าใจทีเดียวครับ
การแสดงบัลเล่ต์ประกอบเพลง Yellow River Concerto กระบวนที่ 4
Chinese Dance - Yellow River Piano Concerto (Mvmt 4)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dingtech&month=09-2010&date=04&group=2&gblog=28
แก้วจ๋าหน้าร้อน:
อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่มด
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version