ผู้เขียน หัวข้อ: เพ่งนิมิตจิตมุทรา : การตื่นขึ้นอย่างเทวะ การสำแดงตรีกาย รูปกายดุจสายรุ้ง  (อ่าน 4973 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



การตื่นขึ้นอย่างเทวะ
 
 
จากความสงสารตัวเองสู่การส่องแสงประเสริฐในตัวเอง
 
 
สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับการปฏิบัติตันตระคือการลิ้มรสประสบการณ์จริง ของสิ่งที่มีความหมายสำหรับท่าน ไม่สำคัญว่าท่านจะได้ช็อคโกแลตชิ้น เล็กเพียงใด หากท่านได้ลิ้มรสแล้วพอใจก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นสำหรับ ผู้ที่ได้สิ่งที่กระจ่างจริงใจในจิตใจแล้วในนาทีที่เขาเข้าใจ และนำมันตรง เข้าสู่หัวใจ คนเหล่านั้นคือผู้ปฏิบัติที่แท้จริง พวกเขาคือผู้ที่ได้ช๊อกโกแลต


จิตใจธรรมดาอันเป็นสองของเรา เป็นสิ่งที่เราเรียกว่าใจแท้จริง มักแปล บางสิ่งว่าไม่ถูก บางสิ่งว่าไม่สมบูรณ์ เกี่ยวกับตัวฉันและสิ่งที่แวดล้อม ฉัน จิตใจนั้นมักวิพากษ์วิจารณ์ นี่เป็นอาการของจิตใจเป็นสองคือบาง สิ่งบางอย่างมักผิด จิตใจเป็นสองของเราหากไม่เพิ่มคุณสมบัติที่เหนือ กว่าลงบนสิ่งที่มีอยู่ก็ดูถูกมัน ช่างเป็นจิตใจอันหวาดกลัวและไม่พอใจที่ ไม่เคยไปตามทางสายกลาง ไม่ว่าจะอย่างมีสติหรือไม่ จิตใจมักรู้สึกว่า " ธรรมชาติของฉันไม่บริสุทธิ์ ฉันเกิดมาด้วยความไม่บริสุทธิ์ เดี๋ยวนี้ฉัน ไม่บริสุทธิ์ และฉันก็จะตายไปด้วยความไม่บริสุทธิ์ และจบลงในนรก " ไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าเราจะเรียกตัวเองว่าเป็นพวกเคร่งศาสนาหรือไม่ ยึด หลักปรัชญาหรือเชื่อในสิ่งงมงาย ตราบที่เรายังไม่ได้สัมผัสกับความเป็น จริงพื้นฐาน เราก็ยังคงอยู่ใต้อิทธิพลของมุมมองอันลวงหลอกแห่งการ พ่ายแพ้ตัวเองอยู่นั่นเอง หากเราต้องการจะเป็นอิสระจากโรคร้ายทั้งปวง ของกายและใจ สิ่งสำคัญมากคือสลัดตัวเองจากความคิดสงสารตัวเอง เช่นนี้ให้หมด


ปัญหาคืออะไร ปัญหาก็คือเรารู้สึกว่า " ฉันเป็นคนแบบที่เลวที่สุด ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง โง่เขลาและละโมบ ฉันแย่มาก " ความคิดเช่นการ ยึดกับความคิดเห็นต่ำเกี่ยวกับตัวเองนี้ ถึงแม้เราจะไม่ได้แสดงออกเป็นคำพูด สิ่งนี้ไม่ดีเลย สิ่งนี้คือสิ่งที่เราต้องทำให้บริสุทธิ์


ตันตระกล่าวว่ามนุษย์มีคุณสมบัติประเสริฐแท้จริง แก่นของมนุษย์แต่ละคน คุณสมบัติที่สำคัญของแต่ละคน คือสิ่งที่ประเสริฐ สิ่งที่บริสุทธิ์ เพื่อที่จะตระ หนักในเรื่องนี้ และทำให้การตระหนักรู้นี้ผสานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ไม่ ใช่เพียงความคิดทางปัญญา มีความจำเป็น ดังที่กล่าวไปแล้ว ที่จะส่องแสง สว่างดั่งเป็นเทวดา
 
 
การส่องแสงให้ตนเองเป็นเทวดาไม่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมหรือกลุ่มความ เชื่อใดโดยเฉพาะ ท่านส่องแสงอยู่แล้ว เมื่อท่านส่องแสดงภาพการสงสาร ตัวเอง ท่านไม่คิดว่าท่านเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมใด ท่านเพียงแต่ทำ ดังนั้น หยุดทำตามนิสัยอันโง่เขลานี้ บ่มเพราะความภูมิใจอันประเสริฐแข็งแกร่ง และส่องสองตัวเองเป็นเทวดาแทน เริ่มที่จะใช้ชีวิตให้เท่าเทียมกับศักยภาพ มหาศาลของท่าน


ทางที่ดีและถูกต้องที่สุดในการส่องแสงเป็นเทวดาคือ การทำสมาธิกายทั้ง สาม อาจารย์ตันตระที่ยิ่งใหญ่ในอดีต เช่นท่านลามะซองกปะ ได้เน้นว่า ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการปฏิบัติเช่นนี้
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




การละลาย

 
 
สาทธนะแห่งเทวดาที่เราปฏิบัติอาจมีรายละเอียดของการปฏิบัติกายทั้งสาม แต่ก็เพียงพอที่จะกล่าวอย่างย่อดังต่อไปนี้ เราเริ่มด้วยการเตือนตัวเองให้ระ ลึกถึงการถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และบ่มเพาะแรงกระตุ้นโพธิจิตทาง ใจ เพื่อบรรลุการตรัสรู้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น แล้วเราฝึกคุรุโยคะ อันเป็น รากฐานของเส้นทางตันตระ เราสร้างมโนภาพเป็นอาจารย์ตันตระมาอยู่ตรง หน้า และเห็นท่านหรือเธอดั่งเป็นตัวแทนของคุณสมบัติการตรัสรู้ทั้งปวง ที่เราปรารถนาที่จะตระหนักรู้ได้ในตนเอง เราจินตนาการว่าคุรุมาที่เหนือ ศีรษะเรา ละลายเป็นแสงและลงสู่หัวใจ เมื่อคุรุจมลงในตัวเราเช่นนี้ เรา สร้างมโนภาพว่าเราประสบภาพการตายหลากหลาย อันเป็นหนทางสู่อรุณ รุ่งแห่งสติสัมปชัญญะสว่างกระจ่างอันละเอียดอ่อนที่สุด ด้วยวิธีนี้เราทำ สมาธิถึงการวมตัวของปัญญาความสุขของคุรุกับจิตใจอันละเอียดอ่อนที่สุด ของเรา วาดภาพความทรงจำของการรับเข้าที่เรารับและติดต่อกับความกระ จ่างและเมตตาของคุรุ เราควรจินตนาการการรวมตัวกันเพื่อความสุขที่สุด เท่าที่จะทำได้ ยิ่งเราสามารถประสบความสุขเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อกระบวนการ แปรเปลี่ยนเท่านั้น


ประสบการณ์ละเอียดอ่อนอันเป็นสุขของการรวมตัวนี้ อยู่เหนือความคิด อันเป็นสองธรรมดาของเรา ดังรูปลักษณ์ธรรมดาทั้งหมดละลายลงสู่ที่ว่าง ของปัญญาอันไม่เป็นสอง และความสุขมหาศาลพร้อม ๆ กัน เราเพ่งไปที่ การละลายเป็นจุด ๆ เดียวเท่าที่จะทำได้ เราควรคิดว่า " นี่เป็นกายสัจจะแห่ง การตรัสรู้ ( ธรรมกาย ) และนี่คือผู้ที่ฉันเป็นจริง ๆ " ด้วยการะบุว่าตนเอง สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วยธรรมกาย เราแปลงประสบการณ์แห่งความ ตายธรรมดาสู่เส้นทางการตรัสรู้


เมื่อเราทำสมาธิถึงธรรมกายเช่นนี้ ความคิดของตนเองที่เรายึดก็จะพังทลาย ลงบ้าง นี่เป็นสิ่งที่ดีพอที่จะทำให้เรามีคุณสมบัติดั่งการมีประสบการณ์แห่ง ความว่างเปล่าอย่างแท้จริง อย่าเพิ่งหมดกำลังใจและคิดว่า " ฉันไม่ได้ตระ หนักถึงสิ่งใดในความว่างเปล่าเลย ฉันไม่แม้แต่เข้าใจคำว่าความว่างเปล่า หรือวิธีที่จะฝึกเลย " อย่าคิดเช่นนี้ เพราะความคิดเช่นนี้เป็นเพียงอุปสรรค ในที่สุดแล้ว เรามีประสบการณ์บางอย่างแห่งแสงสว่างกระจ่างในระดับหนึ่ง เราตายมาหลายครั้งในอดีต และตันตระอธิบายว่ากระบวนการตายทางกาย เกี่ยวพันกับการค้นพบแสงกระจ่างและคุณสมบัติอันไม่เป็นสองแห่งความ บริบูรณ ไม่เพียงแต่ขณะที่กำลังจะตาย แต่ขณะหลับและถึงจุดสุดยอดทาง เพศ เราก็ได้ลิ้มรสความบริบูรณ์อันสว่างกระจ่างนี้ด้วยในระดับหนึ่ง ประ สบการณ์นี้พังความคิดอันหนักแน่นของจิตใจแห่งการสงสารตัวเอง ทำให้ จิตใจละเอียดอ่อนลงบ้าง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าท่านควรจะเข้าใจความ ว่างเปล่าลึกซึ้งเพียงใด มันเพียงพอแล้วที่ท่านควรจะเข้าใจความว่างเปล่า ลึกซึ้งเพียงใด มันเพียงพอแล้วที่ท่านไม่เกี่ยวข้องกับความคิดอันหนักแน่น ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เพียงปล่อยวางและอนุญาติให้การยึดทั้งหมดละลายสู่ที่ว่าง กว้างขวางอันกระจ่างแจ้ง


คงความตื่นตัวและรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะที่ตื่นตัวนี้คือปัญญาที่โอบล้อม จักรวาลกว้างแห่งที่ว่างอันสะอาดกระจ่าง ในที่ว่างนี้ การสงสารตัวเอง การคร่ำครวญและการร้องทุกข์เกี่ยวกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไม่มีอยู่ มันไม่มีอยู่ โดยสิ้นเชิง ปล่อยให้ใจอยู่ในที่ว่างที่เป็นอิสระจากปริศนาที่สัมพันธ์กัน ทั้งปวง และเป็นอิสระจากหน้าที่ผิด ๆ ทั้งหลาย รับรู้สิ่งนี้ว่าเป็นประสบ การณ์ธรรมกายอันแท้จริงเป็นสภาวะสะอาดกระจ่างที่ปราศจากแม้แต่ ความคิดขยะเพียงเล็กน้อยนิด ว่างจากสมบูรณ์จากความขัดแย้งในอัตตา อันสับสน มันเป็นความจริง และท่านเพียงให้จิตใจสถิตอยู่ที่นั่นอย่าง ตื่นตัว



บางทีที่รู้สึกไม่สบายใจกับคำอธิบายเรื่องประสบการณ์อันสว่างกระจ่าง นี้ ท่านอาจถกเถียงด้วยสติปัญญาว่า " เดี๋ยวก่อน ธูปเท็น เยเช่ ถ้าท่าน พูดว่าความว่างเปล่าไม่ใช่สิ่งใดนอกจากความว่างเปล่าของที่ว่าง ท่านผิด แล้ว ท่านทำให้เรื่องที่ซับซ้อนอย่างยิ่งเป็นเรื่องง่ายเกินไป นี่ไม่ใช่มุมมอง ของมัญชุศรี นี่ไม่ใช่ปรัชญาของมาธยมิกา ความว่างเปล่าที่แท้ไม่เหมือน กับเพียงสมมติให้ละลายลงสู่ที่ว่าง "


ท่านสามารถโต้แย้งเช่นนี้ ท่านสามารถโต้เถียงประเด็นปรัชญาที่ดีทั้ง ปวง และพิสูจน์ว่าการละลายลงสู่ที่ว่างไม่ใช่สิ่งที่หมายความโดยความ ว่างเปล่า แต่ที่จริงแล้วนี่เป็นข้อโต้แย้งขยะทำไมน่ะหรือ เพราะว่าวิธี การทางปัญญาสู่ความว่างเปล่ามักกลายเป็นอุปสรรคในการค้นพบประ สบการณ์จริงแห่งความว่างเปล่าดั่งที่ว่าง หรือโต้แย้งและโต้เถียงชั่ว ชีวิต แต่ก็จะเป็นการเสียเวลาโดยสิ้นเชิง
 
 
จริงอยู่ว่าในการศึกษาของเรา เราพยายามที่จะเข้าใจอย่างถูกต้องตาม ปรัชญาของความว่างเปล่าเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจเช่น เดียวกับท่านนาคารชุน และปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญสมาธิทั้งหลายเข้าใจ แต่เดี๋ยวนี้ ระหว่างการทำสมาธิ เราไม่ต้องห่วงกับการศึกษาและการ วิเคราะห์ เราห่วงแค่การกระทำ และในบริบทแห่งการทำให้ประสบ การณ์แสงกระจ่างแห่งธรรมกายเป็นจริง คุรุชาวอินเดียและธิเบตกล่าว ว่าที่ว่างเป็นตัวอย่างอันดับแรกเพื่อความเข้าใจการไม่เป็นสอง หรือ ความว่างเปล่า


เพื่อจะมีประสบการณ์ความว่างเปล่าที่แท้ ท่านต้องเริ่มที่ใดที่หนึ่ง ท่าน ต้องมีประสบการณ์หรือรสชาติบางอย่างว่าการไปไกลกว่าปริศนาสามัญ แห่งกาสร้างอัตตาของสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นเช่นไร นี่คือประเด็นหลัก เราต้อง ปล่อยความคิดหยาบ หนักแน่น และจำกัดทั้งปวง ที่ทำให้เราติดอยู่ใน ความคิดไม่พอใจสามัญของตนเองและทุกสิ่งออกบ้าง


จากมุมมองทางปรัชญา กล่าวกันว่าในความว่างเปล่าไม่มีรูปร่าง ไม่มี เสียง ไม่มีกลิ่น ฯลฯ มุมมองเช่นนี้สามารถแปลเป็นประสบการณ์จริง โดยทุกสิ่งละลายลงสู่ที่ว่างด้วยวิธีของการซึมซาบประสบการณ์แห่ง ความตาย ในเวลาแห่งการละลายนั้นจิตของท่านไม่มีทางที่จะดึงดูดติด ต่อกับโลกแห่งประสาทสัมผัสที่คุ้นเคย ในที่ว่างสว่างกระจ่างของความ ว่างเปล่า ไม่มีสี กลิ่น ความรู้สึก ฯลฯ ปริศนาอันแคบแห่งความเป็น สองทั้งปวงหายไปและเป็นผลให้สภาวะที่ว่างอันไม่เป็นสองนี้ และรู้ สึกว่าการทำเช่นนี้ ท่าได้ไปถึงธรรมกายที่แท้ คือปัญญาไร้ความคลุม เครืออันสมบูรณ์
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



การปรากฏใหม่

 
 
เดี๋ยวนี้ ท่านจะเคลื่อนสู่ประสบการณ์สัมโภคกายได้อย่างไร ขณะที่ ล่องลอยในที่ว่างแห่งธรรมกาย ท่านปล่อยวางจนกระทั่งไม่มีสิ่งใด รบกวนจิตใจ ไม่มีสิ่งใดเลย หลังจากนั้น ปริศนาแห่งความสัมพัทธ์ จะเริ่มยืนยันตัวเองอีกครั้ง ดึงดูดความสนใจของท่าน นี่เป็นเวลาที่ ท่านจะเคลื่อนจากธรรมกายสู่ประสบการณ์สัมโภคกายมีเพียงท่าน เท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อใด ไม่มีผู้อื่นสามารถบอกได้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นใน จิตใจของท่าน


เมื่อการเขย่าอันเป็นสองนี้เกิดขึ้นในจิตใจ ระลึกถึงความปรารถนาใน ความเมตตาเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นได้ และการตัดสินใจแน่วแน่บังเกิด ขึ้นในรูปที่ผู้อื่นสามารถสัมพันธ์ได้ เมื่อนั้น ในที่ว่างแห่งความไม่เป็น สอง อันเป็นที่ว่างสว่างกระจ่างแห่งความว่างเปล่า เริ่มมีบางสิ่งปรากฏ ขึ้น สิ่งนี้เหมือนเมฆก้อนเล็กปรากฏทันทีในที่กว้างของท้องฟ้ากระจ่าง รูปร่างและสีของสิ่งที่ปรากฏในที่ว่างในจิตใจท่านในตอนนี้ขึ้นอยู่กับรูป แบบการปฏิบัติที่ท่านฝึก ในหลาย ๆ สาทธนะ นี่เป็นพยางค์หรือตัวอักษร อันเป็นสัญลักษณ์ของเทวดาหลัก หรืออาจเป็นเส้นหวัด หรือเมล็ด หรือ รูปร่างอื่น แต่อะไรก็ตาม สิ่งนี้ควรถูกเข้าใจว่าเป็นหลักฐานที่ละเอียด อ่อนของสติสัมปชัญญะของท่านเอง ไม่ใช่สิ่งที่ท่านมองจากภายใน กลับ เป็นสิ่งที่ท่านควรรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับมันโดยสมบูรณ์ มันเป็นรูปร่าง ที่ปรากฏขึ้นของจิตใจท่านเอง


เมื่อนั้น ดังเช่นที่ท่านระบุไว้ว่าแสงกระจ่างอันว่างเปล่าเป็นประสบการณ์ ธรรมกายที่แท้ ท่านควรจำรูปร่างละเอียดโปร่งแสงที่คล้ายคลึงกับกายไร้ ตัวตนที่เราเป็นเจ้าของเมื่ออยู่ในบาร์โดปกติระหว่างการตายและการเกิด ว่าเป็นประสบการณ์สัมโภคกายแท้จริงเช่นเดียวกัน สัมโภคกายก็เช่นกัน ควรมีประสบการณ์ดั่งการรวมเป็นหนึ่งโดยไม่อาจแบ่งแยกได้ของความ สุขมหาศาลกับปัญญาไม่เป็นสอง ที่ตอนนี้แสดงตัวเป็นกายเสวยสุขแท้ จริง ( สัมโภคกาย ) ของพระพุทธเจ้า จงคิดว่า " นี่เป็นสัมโภคกายที่แท้ จริง นี่คือผู้ที่ฉันเป็นจริง ๆ " ชั่วขณะ ดำรงรูปลักษณ์กระจ่างของพยางค์ เมล็ดและความภูมิใจอันประเสริฐแห่งการเป็นสัมโภคกาย แล้วจึงแปร เปลี่ยนประสบการณ์สภาวะระหว่างกลางธรรมดาเป็นทางสู่กายเสวยสุข แห่งการตรัสรู้


เมื่อท่านพร้อม นำแรงกระตุ้นโพธิจิตสู่จิตใจของท่าน เพื่อทำงานเพื่อ ประโยชน์แก่ผู้อื่น และสร้างความตั้งใจแน่วแน่ให้บังเกิดในรูปที่ผู้อื่น สัมพันธ์ได้ยิ่งขึ้น ด้วยแรงกระตุ้นอันเมตตานี้ พยางค์เมล็ดก็แปลงกาย เป็นกายสีรุ้งโปร่งใสแห่งเทวดาในทันที จงเข้าใจสิ่งนี้ว่าเป็นกายแสง สว่างแท้จริง ( นิรมาณกาย ) แห่งการตื่นอย่างเต็มที่ ที่แทนที่กายหยาบ ของการเกิดใหม่ธรรมดา และมีคุณสมบัติของความสุขและปัญญาใน เวลาเดียวกัน อีกครั้งหนึ่ง การแสดงตนชัดเจนด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้โดย คิดว่า " นี่คือนิรมาณกายแท้จริง นี่คือผู้ที่ฉันเป็นจริง ๆ " วิธีนี้จึงเป็น วิธีใช้การเกิดใหม่ธรรมดาเป็นทางแห่งกายเรืองแสงของพระพุทธเจ้า


เมื่อท่านเห็นตนเองดั่งเทวดา ท่านควรรู้สึกว่าท่านเป็นการส่องแสงที่แท้ จริงของเทวดา อย่าคิดว่าท่านเพียงสมมติ ท่านควรจะคล้อยตาม ดังนั้น เช่นเดียวกับนักแสดงผู้ยังคงบุคลิกของตัวละคร แม้เมื่อละครจบ ท่านอาจ ประหลาดใจที่พบว่าท่านกลายเป็นเทวดาไปจริง ๆ ความภูมิใจอันประ เสริฐของความรู้สึกอันแรงกล้าของผู้เป็นเทวดาจริงนี้สำคัญยิ่ง ด้วยความ รู้สึกนี้ การปลงทางตันตระจะเป็นธรรมชาติและทรงพลานุภาพมาก ผู้คิด ว่าตันตระเกี่ยวข้องเพียงการ สมมติ เพื่อจะเป็นเทวดานั้นผิดหมด
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


ปล่อยวาง

 
ถึงแม้ระหว่างการทำสมาธิ ท่านอาจพยายามเต็มที่ที่จะมีสติอยู่ในสภาวะ เปิดแห่งความไม่เป็นสอง ท่านอาจวอกแวกได้ง่ายด้วยความคิดงมงาย นานา เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น แทนที่จะต่อสู้กับความงมงายเหล่านี้ สิ่งที่มักดี ที่สุดคือเพียงจิตนาการตนเองเข้มข้นดั่งเทวดา ดั่งธารา เป็นต้น และ พัฒนาการตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งถึงความรักและความเมตตามหาศาล จงอยู่ในที่ว่างแห่งการรับรู้อย่างลึกซึ้ง และเพียงปล่อยตัวเป็นธารา


อีกครั้งหากท่านพบว่าตนเองวอกแวกด้วยความคิดของสิ่งนั้นสิ่งนี้ ท่าน กำลังคิดเกี่ยวกับการกินพิซซ่า อย่าใช้พลังมาก แทนที่จะเข้าสู่บทสนทนา ในจิตใจ " ฉันอยากกินพิซซ่าเหลือเกิน แทนที่จะนั่งทำสมาธิอย่างเศร้า หมองอยู่นี่ ฉันควรจะมีความสุข " จงเริ่มกล่าวมนต์แห่งธารา " โอม ธารา ธุทธาเร ธุเร สวาหา " จนกระทั่งท่านสบายขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นี่เป็นความ ชำนาญมากกว่าที่จะปล่อยให้ตัวเองได้รับอิทธิพลจากมนต์ทางโลก " พิซซ่า พิซซ่า พิซซ่า "
 
 
ความคาดหวังมากเกินไปก็เป็นอุปสรรคยิ่งใหญ่อีกสิ่งหนึ่งในการทำ สมาธิให้สำเร็จ ทัศนคติงมงายขัดขวางเราจากความพอใจใประสบการณ์ การทำสมาธิและบังคับเราอย่างต่อเนื่องให้เปรียบเทียบประสบการณ์เหล่า นี้กับอุดมคติในจินตนาการ เราทำให้ตัวเองว้าวุ่นใจด้วยคิดว่า " ตามคำ สอนที่ฉันได้รับ ถึงตอนนี้ฉันควรประสบความสุขมหาศาล แต่สิ่งที่ฉัน รู้สึกเดี๋ยวนี้แทบไม่ใช่ความสุข ฉันต้องล้มเหลวแน่นอน " เราทำตัวเอง ให้เคร่งเครียดคาดหวัง ทำให้ประสบการณ์ที่หวังไม่อาจเกิดขึ้น สิ่งนี้ เข้าใจได้ง่าย ความสุขจะเกิดขึ้นในใจที่กังวลและเคร่งเครียดได้อย่างไร


วิธีปัญหาเดียวคือปล่อยวาง รู้ว่าความคาดหวังคืออุปสรรค และปล่อย วางมันทันทีที่เกิด อีกนัยหนึ่ง เราควรทำให้วิธีการเหล่านี้หลอมรวมลง เล็กน้อย บางทีเราใช้พลังงานมากเกินไปในการปฏิบัติ หรือเราสร้าง วินัยแก่ตัวเองอย่างรุนแรง คิดว่านี่จะนำเราสู่การตระหนักรู้ที่ปรารถนา ได้เร็วขึ้น แต่ความพยายามมากเกินไปมักให้ผลตรงกันข้าม มันขัดขวาง ความก้าวหน้าของเราแทนที่จะเป็นการช่วยเหลือ



คิดถึงคนขับรถมือใหม่ที่ยังไม่เคยเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายหลังพวงมาลัย เพราะว่าเขากังวลในการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง พวกเขายุ่งอยู่เสมอใน การเปลี่ยนเกียร์ ปรับความเร็ว ฯลฯ ผลก็คือการขับที่กระตุก ไม่สบาย แทนที่จะเป็นประสบการณ์ที่น่าพอใจ การขับรถที่มีประสบการณ์ ผ่อน คลายกว่า แม้เขายังคงความรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเรียนรู้ที่จะปล่อย วาง และอนุญาตให้รถขับไปเอง ผลก็คือ การขับของเขาเรียบและไม่ ต้องใช้ความพยายามมาก และบางทีรู้สึกเหมือนรถกำลังบินอย่างมีความ สุขอยู่ในอากาศ มากกว่าจะกระเด้งกระดอนอย่างหนวกหูไปตามถนน หากเราต้องการประสบความสุขเช่นเดียวกันในการทำสมาธิ เราต้อง เรียนรู้ที่จะปล่อยวางความคาดหวังและลดความพยายามในการมีสติใน ตัวเองมากเกินไป






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2011, 09:24:18 am โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




ความภูมิใจอันประเสริฐและรูปลักษณ์กระจ่าง
 
 
การฝึกสภาวะการสร้างความภูมิใจอันประเสริฐของเทวดาสำคัญมาก นิสัยตามธรรมดาของเราคือรู้สึกไม่พอใจและวิพากษ์วิจารณ์ร่างกาย คำพูด และจิตใจของตัวเอง " รูปร่างฉันได้ไม่ดี เสียงฉันไม่เพราะจิต ใจฉันสับสน " เราหมกหมุ่นในนิสัยซ้ำซากไร้จุดหมายแห่งการวิจารณ์ ที่เราเหยียดหยามผู้อื่นและตัวเอง จากมุมมองทางตันตระ สิ่งนี้เป็นความ เสียหายอย่างยิ่ง


ทางที่จะเอาชนะนิสัยนี้คือบ่มเพาะความรู้สึกภูมิใจอันประเสริฐ อันเป็น ความรู้สึกแรงกล้าเมื่อเข้าสู่ประสบการณ์นิรมาณกาย อย่างเช่นที่ท่าน เป็นกายเรืองแสงตรัสรู้อย่างเต็มที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ที่จิตใจท่าน เป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากความงมงายและข้อจำกัดทั้งปวง มิฉะนั้น หากท่านยังคงยึดติดกับความคิดที่ท่านสับสนและโกรธอย่างเป็นพื้นฐาน แล้ว ท่านจะปรากฏเป็นผู้ที่สับสนและความโกรธ ไม่ใช่เทวดาที่เต็มไป ด้วยความโกรธ ไม่ใช่เทวดาที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างแน่นอน ท่าน สามารถหยุดความคิดทำลายล้างเกี่ยวกับตัวเองเช่นนี้ และหลีกเลี่ยงผล เลวร้ายแห่งการพ่ายแพ้ตัวเองที่ตามมา โดยมุ่งไปที่ความเป็นหนึ่งอันเดียว ของสติสัมปชัญญะพื้นฐานของตัวท่านเองกับคุณสมบัติทางปัญญาและ เมตตาของคุรุเทวะ วิธีนี้ทำให้ท่านเปิดตัวเองสู่คลื่นยักษ์แห่งแรงบันดาล ใจ ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตท่านได้อย่างสมบูรณ์ ยิ่งท่านมุ่งอย่างหนักไปที่ ความรู้สึกแห่งความภูมิใจอันประเสริฐมากเท่าใด ท่านยิ่งมีประสบการณ์ เป็นอิสระจากรูปแบบทั้งปวงแห่งข้อจำกัดและความไม่พอใจลึกซึ้งเพียง นั้น



การฝึกอนุตรโยคะตันตระก็เหมือนคริสต์มาสพุดดิ้งที่เข้มข้นชั้นเยี่ยม มี ประโยชน์และอร่อยมาก ควรมีรสชาติพิเศษสามอย่างคือ หนึ่ง รูปลักษณ์ ของตนเองและสรรพสิ่งทั้งปวงควรเป็นรูปลักษณ์ของเทวดา สอง จิตใจ ของเราไม่ควรแยกออกจากปัญญาไม่เป็นสอง และ สาม ทุกประการณ์ ควรมีความสุขและรื่นรมย์มหาศาล
 
 
อย่างเพียงแต่สมมติตนเป็นเทวดา เช่น เหรุกะ เป็นต้น อย่างที่ข้าพเจ้า กล่าวไปแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่เมื่อท่านสร้างมโนภาพตัวเอง เป็นเทวดา กลับเป็นว่า ท่านควรรู้สึกจากส่วนลึกในตัวเองว่าท่านเป็น เหรุกะ ว่าท่านและพระองค์คือสิ่งเดียวกัน ไม่อาจแยกได้ ยิ่งท่านบ่มเพาะ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้มากขึ้นเท่าใด ประสบการณ์การแปรเปลี่ยน ของท่านก็ยิ่งทรงพลานุภาพยิ่งขึ้นเท่านั้น นี่เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ


ท่านควรฝึกที่จะคิดว่ารูปลักษณ์ทั้งปวงเป็นสิ่งลวง ปราศจากความหนัก แน่นดั่งสิ่งที่อยู่ " ข้างนอก " แยกจากใจของท่าน อีกนัยหนึ่ง ท่านควร ยอมรับว่ารูปลักษณ์ทั้งปวงเกิดจากความว่างเปล่าจากคุณสมบัติที่แท้แห่ง ความว่างเปล่า แห่งความไม่สอง ในที่สุด ประสบการณ์รูปลักษณ์ลวง อันว่างเปล่าของท่านควรเป็นของคุณสมบัติแห่งความสุขอย่างยิ่ง นี่เป็น ความสำเร็จในระหว่างขั้นตอนความสมบูรณ์แห่งอนุตรโยคะตันตระ ด้วยการนำความสนใจของท่านสู่ภายในในแบบที่ท่านจะตระหนักอย่าง ถึงพลังความสุขกุณฑาลินี ที่แผ่เข้าสู่ระบบประสาทของท่านทำให้ท่าน สามารถประสานประสบการณ์ทั้วงปวงกับพลังความสุขอันยิ่งใหญ่นี้
 
 
การฝึกฝนทางกายบางอย่างเป็นการช่วยเหลือกระบวนการแปรเปลี่ยน เช่น การฝึกที่มีอยู่ในหัตถโยคะ มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติสภาวะ สมบูรณ์ แต่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝึกฝนที่ออกแบบเพื่อปรับปรุงท่าทาง หรือทำหือทำให้สุขภาพเราดีขึ้น จุดประสงค์สูงสุดของมันคือเพิ่มพลัง ความสุขกุณฑาลินี พลังความสุขนี้แผ่เข้าสู่ระบบประสาททั้งหมดของเรา แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ ผ่านการปฏิบัติอย่างเหมาะสมของหัตถโยคะ ทำให้ เราสามารถเรียนรู้ที่จะสัมผัสพลังความสุขนี้ และเรียนรู้วิธีที่จะติดต่อกับ มัน ทำให้เราสามารถเรียนรู้ที่จะสัมผัสและยิ่งเพิ่มพลังความสุขนี้ และ เรียนรู้วิธีที่จะติดต่อกับมัน ทำให้เราสามารถนำมันไปที่ที่เราต้องการ นี้ไม่ ใช่จุดประสงค์เพื่อให้ได้ความสุขธรรมดา แต่เพื่อที่จะควบคุมร่างกายและ จิตใจในระดับที่ละเอียดอ่อนที่สุด



อย่างไรก็ดี เมื่อทำการฝึกในเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือการรักษาความเอาใจใส่ ว่าตนเองเป็นเทวดา เราต้องเอาภาพจำกัดของตนเองและความคิดสงสาร ตนเองทั้งปวงไปเก็บ เพียงเมื่อนั้น การฝึกฝนเหล่านี้จึงจะมีประสิทธิภาพ จริง ผ่านการปฏิบัติที่เหมาะสมแล้ว จะมีเวลาที่เพียงการสัมผัสส่วนของ ร่างกายจะก่อให้เกิดความสุขมหาศาลขึ้น เมื่อร่างกายเริ่มรู้สึกเบาและอ่อน ขึ้น พลังทางกายที่เคยเป็นแหล่งความเจ็บปวดเริ่มที่จะกระตุ้นความรู้สึก แห่งความเป็นสุขเหลือล้น การแปรเปลี่ยนทางตันตระจึงไม่ได้เป็นเพียง เรื่องของจินตาการ ร่างกายของเราก็แปรเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งด้วย
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




บุคลิกตันตระ
 
 

หลายคนกล่าวว่า " ร่างกายไม่ใช่สิ่งสำคัญจริง สิ่งที่สำคัญจริงคือการทำ สมาธิภายใน " แต่นี่เป็นสิ่งผิด ตามหลักตันตระ เราไม่อาจพูดได้ว่า จิตใจ สำคัญกว่าร่างกาย หรือร่างกายสำคัญกว่าจิตใจ ทั้งสองสำคัญเท่าเทียมกัน ในตันตระปฏิบัติ ร่างกายถูกเข้าใจว่าเป็นดั่งที่ดินแปลงหนึ่งที่ประกอบด้วย สินทรัพย์แร่ธาตุเหลือคณา ร่างกายของเรานี้เองด้วยคุณสมบัติแห่งความ ทุกข์ทั้งปวงของมัน มีสิ่งล้ำค่าแห่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติคือ ทองกุณ- ฑาลินี น้ำมันกุณฑาลินี
 
 
ในขณะใดขณะหนึ่ง เรารู้สึกถึงความสุขทางกายทั้งมวลอย่างมหาศาล บางทีเราเพียงนั่งลงพักผ่อน และรู้สึกถึงความสุขอันแรงกล้าท่วมในทันที ประสบการณ์นี้สามัญ ไม่ใช่การตระหนักรู้สูงส่งเป็นพิเศษ แต่มันบอกใบ้ ถึงพลังความสุขที่เก็บอยู่อย่างมหาศาลในร่างกายของเราแม้แต่ในขณะนี้ จุดประสงค์ของโยคะ การฝึกตน และการทำสมาธิต่าง ๆ ของอนุตระ ตันตระ ก็เพื่อกระตุ้น ควบคุม และนำแหล่งพลังงานความสุขไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ เพื่อการบรรลุสิ่งที่ต้องการอย่างสมบูรณ์คือการตรัสรู้แห่งการ เป็นพระพุทธเจ้า ตราบเท่าที่ท่านยังไม่ขาดสติและยังความสามารถรักษา ความใสใจไว้ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญว่าท่านจะมีความสุขสักเพียงใด หรือ อะไรก็ตาม มันสามารถนำไปสู่เสรีภาพ
 
 
ความสำคัญแห่งตันตระคือ การจัดการกับความสุขอย่างชำนาญ คนมี คุณสมบัติสำหรับตันตระคือ ผู้ที่สามารถรับมือกับความสุขได้ ผู้ที่เมื่อ จัดการกับความสุขแล้วทำให้เกิดสถานการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการ บรรลุซึ่งเสรีภาพ นี่คือบุคลิกตันตระ หากคนที่เพียงรู้วิธีที่จะทำให้เศร้า หมอง เมื่อนั้นตันตระจะไม่สามารถทำงานให้ท่านหรือเธอได้ เช่นเดียว กับอาวุธนิวเคลียร์ที่ปราศจากเชื้อเพลิง บุคคลเช่นนี้จะไม่มีทรัพยากรณ์ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ที่จำเป็นในการแปรเปลี่ยน



อย่างไรก็ดี ทรัพยากรณ์แห่งความสุขมีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์เรา นี่คือเหตุผลสำคัญประการเดียวว่าทำไมร่างของมนุษย์จึงจัดว่ามีคุณค่า มาก สิ่งที่เราต้องการคือวิธีการที่ชำนาญในการทำให้รู้ว่ามีทรัพยากร และนำทรัพยากรนี้ไปใช้ เพื่อจะนำความสุขสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ต่อตัว เอง แต่ต่อผู้อื่นด้วย การกระทำนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยที่จะเกี่ยว พันประสบการณ์ในชีวิตของเรา กับจิตใจที่เศร้าหมอง กับภาพสะท้อน เศร้าหมองที่คุ้นเคย เราควรระลึกว่า เราสร้างปัญหาทั้งหมดของมนุษย์ ขึ้นเอง เราไม่ควรโทษสังคม เราไม่ควรโทษแม่ พ่อ หรือเพื่อนของเรา เราไม่ควรโทษผู้อื่น ปัญหาของเราคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง แต่ไม่เพียง เราเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งปวงของเราเอง เรายังเป็นผู้สร้างเสรีภาพ และ ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุเสรีภาพแห่งความสุข ที่มีอยู่ในร่างกายและ จิตใจเราในขณะนี้
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



บุคลิกตันตระ
 
 

หลายคนกล่าวว่า " ร่างกายไม่ใช่สิ่งสำคัญจริง สิ่งที่สำคัญจริงคือการทำ สมาธิภายใน " แต่นี่เป็นสิ่งผิด ตามหลักตันตระ เราไม่อาจพูดได้ว่า จิตใจ สำคัญกว่าร่างกาย หรือร่างกายสำคัญกว่าจิตใจ ทั้งสองสำคัญเท่าเทียมกัน ในตันตระปฏิบัติ ร่างกายถูกเข้าใจว่าเป็นดั่งที่ดินแปลงหนึ่งที่ประกอบด้วย สินทรัพย์แร่ธาตุเหลือคณา ร่างกายของเรานี้เองด้วยคุณสมบัติแห่งความ ทุกข์ทั้งปวงของมัน มีสิ่งล้ำค่าแห่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติคือ ทองกุณ- ฑาลินี น้ำมันกุณฑาลินี
 
 
ในขณะใดขณะหนึ่ง เรารู้สึกถึงความสุขทางกายทั้งมวลอย่างมหาศาล บางทีเราเพียงนั่งลงพักผ่อน และรู้สึกถึงความสุขอันแรงกล้าท่วมในทันที ประสบการณ์นี้สามัญ ไม่ใช่การตระหนักรู้สูงส่งเป็นพิเศษ แต่มันบอกใบ้ ถึงพลังความสุขที่เก็บอยู่อย่างมหาศาลในร่างกายของเราแม้แต่ในขณะนี้ จุดประสงค์ของโยคะ การฝึกตน และการทำสมาธิต่าง ๆ ของอนุตระ ตันตระ ก็เพื่อกระตุ้น ควบคุม และนำแหล่งพลังงานความสุขไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ เพื่อการบรรลุสิ่งที่ต้องการอย่างสมบูรณ์คือการตรัสรู้แห่งการ เป็นพระพุทธเจ้า ตราบเท่าที่ท่านยังไม่ขาดสติและยังความสามารถรักษา ความใสใจไว้ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญว่าท่านจะมีความสุขสักเพียงใด หรือ อะไรก็ตาม มันสามารถนำไปสู่เสรีภาพ
 
 
ความสำคัญแห่งตันตระคือ การจัดการกับความสุขอย่างชำนาญ คนมี คุณสมบัติสำหรับตันตระคือ ผู้ที่สามารถรับมือกับความสุขได้ ผู้ที่เมื่อ จัดการกับความสุขแล้วทำให้เกิดสถานการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการ บรรลุซึ่งเสรีภาพ นี่คือบุคลิกตันตระ หากคนที่เพียงรู้วิธีที่จะทำให้เศร้า หมอง เมื่อนั้นตันตระจะไม่สามารถทำงานให้ท่านหรือเธอได้ เช่นเดียว กับอาวุธนิวเคลียร์ที่ปราศจากเชื้อเพลิง บุคคลเช่นนี้จะไม่มีทรัพยากรณ์ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ที่จำเป็นในการแปรเปลี่ยน


อย่างไรก็ดี ทรัพยากรณ์แห่งความสุขมีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์เรา นี่คือเหตุผลสำคัญประการเดียวว่าทำไมร่างของมนุษย์จึงจัดว่ามีคุณค่า มาก สิ่งที่เราต้องการคือวิธีการที่ชำนาญในการทำให้รู้ว่ามีทรัพยากร และนำทรัพยากรนี้ไปใช้ เพื่อจะนำความสุขสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ต่อตัว เอง แต่ต่อผู้อื่นด้วย การกระทำนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยที่จะเกี่ยว พันประสบการณ์ในชีวิตของเรา กับจิตใจที่เศร้าหมอง กับภาพสะท้อน เศร้าหมองที่คุ้นเคย เราควรระลึกว่า เราสร้างปัญหาทั้งหมดของมนุษย์ ขึ้นเอง เราไม่ควรโทษสังคม เราไม่ควรโทษแม่ พ่อ หรือเพื่อนของเรา เราไม่ควรโทษผู้อื่น ปัญหาของเราคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง แต่ไม่เพียง เราเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งปวงของเราเอง เรายังเป็นผู้สร้างเสรีภาพ และ ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุเสรีภาพแห่งความสุข ที่มีอยู่ในร่างกายและ จิตใจเราในขณะนี้
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




การผสานปัญญากับความรื่นรมย์
 
 
 
จุดประสงค์ของการสร้างตนเองเป็นเทวดาผ่านการปฏิบัติแห่งกายทั้ง สามของพระพุทธเจ้า คือกระแทกไปที่ความคิดสงสารตนเอง ความ คิดไร้การพัฒนาแห่งอัตตา ความคิดจำกัดเหล่านี้ขัดขวางเราจากประ สบการณ์ระเบิดของตะเกียงพลังแห่งการตรัสรู้อย่างเต็มที่
 
 
ปัญญาแห่งความว่างเปล่าคือความสุขอันเต็มเปี่ยม สิ่งสำคัญคือธาตุ ทั้งสองอันได้แก่ ปัญญาเห็นกระจ่างเข้าไปในคุณสมบัติแท้จริงแห่ง สรรพสิ่ง และความรู้สึกแห่งความสุขอันรื่นรมย์ จะรวมเป็นหนึ่งใน ประสบการณ์เดียว ทางตะวันตก เราสามารถเห็นว่าในขณะที่มีเด็ก ที่เฉลียวฉลาดหลายคน แต่ยังมีประสบการร์ความรื่นรมย์ในชีวิตน้อย นิดหรือไม่มีเอาเลย การมีความเฉลียวฉลาดไม่ได้ทำให้พวกเขามีความ สุข กลับเป็นว่า หลายคนยิ่งยุ่งเหยิงมาก พวกเขาสามารถทำประโยชน์ ได้มากมาย เช่น ออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน แต่เพราะเขาขาด วิธีการที่เหมาะสมในการรวมเชาว์ปัญญาและอารมณ์ พวกเขายังคงแห้ง แล้ง มีสติปัญญาไม่สร้างสรรค์ และไม่พอใจอย่างยิ่ง


ในทางตรงข้าม มีคนอื่นที่มีความสามารถที่ใช้การได้มากกว่าการทำให้ ตัวเองรื่นรมย์ แต่พวกเขาหลายคนไม่มีสติปัญญาที่กระจ่าง ขาดความ สำนึกที่เฉียบแหลม ถึงแม้พวกเขาจะมีความพอใจในชีวิตระดับหนึ่ง ใจ ของเขาก็ยังคงซึมเศร้าและเหนื่อยหน่าย


ตันตระพยายามที่จะบ่มเพาะปัญญามหาศาล นำเชาว์ปัญญาสู่ประสบ การณ์ที่นำไปใช้ได้ โดยผสานเป็นหนึ่งกับการตระหนักรู้อย่างเป็นสุข ด้วยวิธีนี้จึงเป็นไปได้ที่จะผสานชีวิตและบรรลุศักยภาพเพื่อความสุข ได้ ในขณะที่ตัดปัญหาทั้งปวงที่โดยปกติเกี่ยวกับการไล่ตามความสุข สำหรับโลกนี้ ความสุขคือปัญหาสำหรับผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ความเศร้า แห่งกายหยาบ เช่น ความหิวและโรคภัย ไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญแท้จริง เลย แต่วิธีที่จะจัดการกับความสุขโดยไม่กลับกลายเป็นบ้าหรือเลวทราม คือปัญหาใหญ่ที่ไร้คำตอบสำหรับพวกเขา ประสบการณ์การผสานเป็น หนึ่งแห่งตันตระเสนอคำตอบได้



ตามหลักตันตระที่ได้กล่าวไปแล้วหลายครั้งว่า ปัญหาพื้นฐานของมนุษย์ คือ เมื่อเรามีความสุข โดยปกติเราจะโง่เขลาและมืดบอดภายในยิ่งขึ้น นี่ ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ควรมีความสุข เราควรมีความสุข แต่เราต้อง ควบคุมให้ได้ ในขณะที่ประสบความสุข เราต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล แห่งความโง่เขลาและความลวงหลอก ดังนั้นเวลานี้เรากำลังเรียนรู้ที่จะ มีประสบการณ์แห่งความสุขอย่างเหลือเชื่อได้อย่างไร จึงยังคงสภาวะ แห่งความกระจ่างและการควบคุมไว้ได้ เรากำลังเรียนรู้ที่จะมีประสบ การณ์แห่งความสุข สามารถทำให้เกิดปัญญาแหลมคมอันสะอาดสว่าง ได้อย่างไร
 
 
เป็นธรรมดาสำหรับเราที่จะทำตัวเป็นเจ้าของสิ่งที่เกิดกับเรา แม้เมื่อเรา ประสบความสำเร็จ ในการทำสมาธิ และรู้สึกว่าพลังความสุขกุณฑาลินี บังเกิด มีแนวโน้มอย่างยิ่งที่เราจะยึดติดอย่างแน่หนากับมัน นี่คือประสบ การณ์ของฉัน นี่คือของฉัน นิสัยนี้เราต้องเลิกให้ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะ ให้ประสบการณ์ความสุขเกิดขึ้นโดยปราศจากการยึดติดว่าเป็นของฉัน เราสามารถทำสำเร็จได้โดยรวมจิตใจเป็นหนึ่งกับความว่างเปล่า กับความ ไม่เป็นสอง เมื่อนั้นความสุขบังเกิด ก็ประหนึ่งเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ในบรรยากาศที่ว่างภายนอก เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด ดังนั้น ข้าพเจ้าหวังว่าท่าคงไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจสิ่งที่ ข้าพเจ้าพยายาม จะพูด ด้วยเหตุผลบางประการ เราต้องไปให้ไกลกว่านิสัยปกติแห่งการ เป็นเจ้าของ แห่งการสัมพันธ์กับทุกสิ่ง กับความรู้สึกอันจำกัดของตนเอง


บางทีข้าพเจ้าสามารถทำให้กระจ่างขึ้นเพียงเล็กน้อย จินตนาการว่าเบื้อง หน้าของเรามีคนอยู่คนหนึ่ง ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ คนที่ท่านรู้สึกว่าต้องตา ต้องใจมาก เพียงมองไปที่คนผู้นี้ก็กระตุ้นพลังงานในตัวท่าน บางทีท่าน ต้องการที่จะเอื้อมไปคว้าเขาหรือเธอเดี๋ยวนี้ จินตนาการว่าคนผู้นั้นละลาย หายไปในแสงสีรุ้ง สว่างโปร่งใสในทันที ความรู้สึกหนักทั้งมวลแห่งความ ปรารถนาและการเป็นเจ้าของก็จะละลายลงโดยอัตโนมัติ และแทนที่ชาย หรือหญิงผู้นั้น มีบางสิ่งเบาและลอยตัวได้มากกว่าเกิดขึ้น ท่านยังมีความ สัมพันธ์บางอย่างกับสิ่งสวยงามนี้ แต่มันเปลี่ยนไปแล้ว ท่านได้ปล่อยทัศนะ การยึดติด และประสบกับบางสิ่งที่ว่างเปล่า กว้างขวาง เป็นสากลยิ่งกว่า แทน สิ่งนี้คือประสบการณ์ที่ช่างสว่าง เป็นสุข แต่ตระหนักรู้อย่างยิ่งที่ ข้าพเจ้าพูดถึง นี่คือสิ่งที่เราพยายามจะบ่มเพาะ
 
 
 
- จาก บทเริ่มต้นสู่ตันตระ ทรรศนะแห่งความบริบูรณ์ -
- บทที่ ๑๑ โดย ท่านลามะ เยเช่ -
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
 นึกว่า จะหมดวาสนา จะไม่ได้มา ซะแล้ว
 นึกว่า จะขาดช่วง จะหายหัวไปเงียบ ๆ แล้ว
 นึกว่า  นึกว่า นึกว่า ................................สารพัดที่จะนึก ละนะ

ขอบคุณ ญาติมิตร สหาย ทุก ๆ แรงใจ ไฟฝัน เหตุปัจจัย มากมาย ที่รู้ และที่ไม่รู้ สังสัยอยู่ จนวางมันไปบ้างแล้ว นะ

คอมเครื่องเก่าพัง ฮาร์ดิสเจ๊ง ไปพร้อม ข้อมูล ที่สู้ อุส่าห์ รวบรวม เรียงเรียง
เว็บเก่า ก็ หายไป พร้อมกับ พ่อเว็บมาสเตอร์

ข้อมูล หาย ๆๆๆๆๆ ผมจะหาวิธีกู้ข้อมูล อยู่ ฮาร์ดดิสผม ตื่นเต้นจัง และ เผื่อใจไว้แล้ว

ข้อมูล เก่า ๆ ของเว็บ อกาลิโก ดาต้าเบส หาอยู่ ติดต่อ ใครไม่ได้เลย

เว็บหาย คนหาย ขอ ดาต้าเบสไว้ ผมและคนอื่น ๆ จะลุยต่อไป ล่ะ

เออ จะเขียนเกี่ยวกับ วิชากายมายา ตรีกาย ล่ะ

แต่ เฉไฉ บ่น อีกแล้ว เรา  เฮ่อ    ..............





:yoyo108:
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
 Blowing in the Wind สลายไปกับสายลม

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,2316.0.html



:yoyo048:  นั่งโม้มัน ตรงนี้แหละ โม้อมตะ ละท่าน รู้น้อย ฝอยเป็นเข่ง ๆๆๆๆ

:yoyo109: ไม่มี เหล่าฑากินี เทพนิมิตตันระ มาร่ายรำ ร่ายมุทรา  มี แต่ ลิง ลิง ลิง ลิง ลิง เจี๊ยกกก ๆๆๆๆๆ


เดี๋ยว จะมาเขียน ต่อ ล่ะ แต่ ไปทำงานก่อน นะ

พรุ่งนี้เจอกัน โอม ขอให้ไหล ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

โอม สุ จิ ปุ ลิ เขียนง่าย คำคล่อง ต้องใจ สาธุ สาธุ สาธุ

พรุ่งนี้ ไม่รู้ สิ ตามแต่ ฟ้าดิน อากาศ จิตของเรา ๆ นั่นแหละ



 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 22, 2010, 05:20:50 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...