แสงธรรมนำใจ > วัชรยาน
เพ่งนิมิตจิตมุทรา : การตื่นขึ้นอย่างเทวะ การสำแดงตรีกาย รูปกายดุจสายรุ้ง
มดเอ๊กซ:
บุคลิกตันตระ
หลายคนกล่าวว่า " ร่างกายไม่ใช่สิ่งสำคัญจริง สิ่งที่สำคัญจริงคือการทำ สมาธิภายใน " แต่นี่เป็นสิ่งผิด ตามหลักตันตระ เราไม่อาจพูดได้ว่า จิตใจ สำคัญกว่าร่างกาย หรือร่างกายสำคัญกว่าจิตใจ ทั้งสองสำคัญเท่าเทียมกัน ในตันตระปฏิบัติ ร่างกายถูกเข้าใจว่าเป็นดั่งที่ดินแปลงหนึ่งที่ประกอบด้วย สินทรัพย์แร่ธาตุเหลือคณา ร่างกายของเรานี้เองด้วยคุณสมบัติแห่งความ ทุกข์ทั้งปวงของมัน มีสิ่งล้ำค่าแห่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติคือ ทองกุณ- ฑาลินี น้ำมันกุณฑาลินี
ในขณะใดขณะหนึ่ง เรารู้สึกถึงความสุขทางกายทั้งมวลอย่างมหาศาล บางทีเราเพียงนั่งลงพักผ่อน และรู้สึกถึงความสุขอันแรงกล้าท่วมในทันที ประสบการณ์นี้สามัญ ไม่ใช่การตระหนักรู้สูงส่งเป็นพิเศษ แต่มันบอกใบ้ ถึงพลังความสุขที่เก็บอยู่อย่างมหาศาลในร่างกายของเราแม้แต่ในขณะนี้ จุดประสงค์ของโยคะ การฝึกตน และการทำสมาธิต่าง ๆ ของอนุตระ ตันตระ ก็เพื่อกระตุ้น ควบคุม และนำแหล่งพลังงานความสุขไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ เพื่อการบรรลุสิ่งที่ต้องการอย่างสมบูรณ์คือการตรัสรู้แห่งการ เป็นพระพุทธเจ้า ตราบเท่าที่ท่านยังไม่ขาดสติและยังความสามารถรักษา ความใสใจไว้ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญว่าท่านจะมีความสุขสักเพียงใด หรือ อะไรก็ตาม มันสามารถนำไปสู่เสรีภาพ
ความสำคัญแห่งตันตระคือ การจัดการกับความสุขอย่างชำนาญ คนมี คุณสมบัติสำหรับตันตระคือ ผู้ที่สามารถรับมือกับความสุขได้ ผู้ที่เมื่อ จัดการกับความสุขแล้วทำให้เกิดสถานการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการ บรรลุซึ่งเสรีภาพ นี่คือบุคลิกตันตระ หากคนที่เพียงรู้วิธีที่จะทำให้เศร้า หมอง เมื่อนั้นตันตระจะไม่สามารถทำงานให้ท่านหรือเธอได้ เช่นเดียว กับอาวุธนิวเคลียร์ที่ปราศจากเชื้อเพลิง บุคคลเช่นนี้จะไม่มีทรัพยากรณ์ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ที่จำเป็นในการแปรเปลี่ยน
อย่างไรก็ดี ทรัพยากรณ์แห่งความสุขมีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์เรา นี่คือเหตุผลสำคัญประการเดียวว่าทำไมร่างของมนุษย์จึงจัดว่ามีคุณค่า มาก สิ่งที่เราต้องการคือวิธีการที่ชำนาญในการทำให้รู้ว่ามีทรัพยากร และนำทรัพยากรนี้ไปใช้ เพื่อจะนำความสุขสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ต่อตัว เอง แต่ต่อผู้อื่นด้วย การกระทำนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยที่จะเกี่ยว พันประสบการณ์ในชีวิตของเรา กับจิตใจที่เศร้าหมอง กับภาพสะท้อน เศร้าหมองที่คุ้นเคย เราควรระลึกว่า เราสร้างปัญหาทั้งหมดของมนุษย์ ขึ้นเอง เราไม่ควรโทษสังคม เราไม่ควรโทษแม่ พ่อ หรือเพื่อนของเรา เราไม่ควรโทษผู้อื่น ปัญหาของเราคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง แต่ไม่เพียง เราเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งปวงของเราเอง เรายังเป็นผู้สร้างเสรีภาพ และ ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุเสรีภาพแห่งความสุข ที่มีอยู่ในร่างกายและ จิตใจเราในขณะนี้
มดเอ๊กซ:
บุคลิกตันตระ
หลายคนกล่าวว่า " ร่างกายไม่ใช่สิ่งสำคัญจริง สิ่งที่สำคัญจริงคือการทำ สมาธิภายใน " แต่นี่เป็นสิ่งผิด ตามหลักตันตระ เราไม่อาจพูดได้ว่า จิตใจ สำคัญกว่าร่างกาย หรือร่างกายสำคัญกว่าจิตใจ ทั้งสองสำคัญเท่าเทียมกัน ในตันตระปฏิบัติ ร่างกายถูกเข้าใจว่าเป็นดั่งที่ดินแปลงหนึ่งที่ประกอบด้วย สินทรัพย์แร่ธาตุเหลือคณา ร่างกายของเรานี้เองด้วยคุณสมบัติแห่งความ ทุกข์ทั้งปวงของมัน มีสิ่งล้ำค่าแห่งแหล่งทรัพยากรธรรมชาติคือ ทองกุณ- ฑาลินี น้ำมันกุณฑาลินี
ในขณะใดขณะหนึ่ง เรารู้สึกถึงความสุขทางกายทั้งมวลอย่างมหาศาล บางทีเราเพียงนั่งลงพักผ่อน และรู้สึกถึงความสุขอันแรงกล้าท่วมในทันที ประสบการณ์นี้สามัญ ไม่ใช่การตระหนักรู้สูงส่งเป็นพิเศษ แต่มันบอกใบ้ ถึงพลังความสุขที่เก็บอยู่อย่างมหาศาลในร่างกายของเราแม้แต่ในขณะนี้ จุดประสงค์ของโยคะ การฝึกตน และการทำสมาธิต่าง ๆ ของอนุตระ ตันตระ ก็เพื่อกระตุ้น ควบคุม และนำแหล่งพลังงานความสุขไปใช้ให้เกิด ประโยชน์ เพื่อการบรรลุสิ่งที่ต้องการอย่างสมบูรณ์คือการตรัสรู้แห่งการ เป็นพระพุทธเจ้า ตราบเท่าที่ท่านยังไม่ขาดสติและยังความสามารถรักษา ความใสใจไว้ได้ มันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญว่าท่านจะมีความสุขสักเพียงใด หรือ อะไรก็ตาม มันสามารถนำไปสู่เสรีภาพ
ความสำคัญแห่งตันตระคือ การจัดการกับความสุขอย่างชำนาญ คนมี คุณสมบัติสำหรับตันตระคือ ผู้ที่สามารถรับมือกับความสุขได้ ผู้ที่เมื่อ จัดการกับความสุขแล้วทำให้เกิดสถานการณ์อันเป็นประโยชน์ต่อการ บรรลุซึ่งเสรีภาพ นี่คือบุคลิกตันตระ หากคนที่เพียงรู้วิธีที่จะทำให้เศร้า หมอง เมื่อนั้นตันตระจะไม่สามารถทำงานให้ท่านหรือเธอได้ เช่นเดียว กับอาวุธนิวเคลียร์ที่ปราศจากเชื้อเพลิง บุคคลเช่นนี้จะไม่มีทรัพยากรณ์ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ที่จำเป็นในการแปรเปลี่ยน
อย่างไรก็ดี ทรัพยากรณ์แห่งความสุขมีอยู่แล้วในร่างกายของมนุษย์เรา นี่คือเหตุผลสำคัญประการเดียวว่าทำไมร่างของมนุษย์จึงจัดว่ามีคุณค่า มาก สิ่งที่เราต้องการคือวิธีการที่ชำนาญในการทำให้รู้ว่ามีทรัพยากร และนำทรัพยากรนี้ไปใช้ เพื่อจะนำความสุขสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ต่อตัว เอง แต่ต่อผู้อื่นด้วย การกระทำนี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะเลิกนิสัยที่จะเกี่ยว พันประสบการณ์ในชีวิตของเรา กับจิตใจที่เศร้าหมอง กับภาพสะท้อน เศร้าหมองที่คุ้นเคย เราควรระลึกว่า เราสร้างปัญหาทั้งหมดของมนุษย์ ขึ้นเอง เราไม่ควรโทษสังคม เราไม่ควรโทษแม่ พ่อ หรือเพื่อนของเรา เราไม่ควรโทษผู้อื่น ปัญหาของเราคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง แต่ไม่เพียง เราเป็นผู้สร้างปัญหาทั้งปวงของเราเอง เรายังเป็นผู้สร้างเสรีภาพ และ ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุเสรีภาพแห่งความสุข ที่มีอยู่ในร่างกายและ จิตใจเราในขณะนี้
มดเอ๊กซ:
การผสานปัญญากับความรื่นรมย์
จุดประสงค์ของการสร้างตนเองเป็นเทวดาผ่านการปฏิบัติแห่งกายทั้ง สามของพระพุทธเจ้า คือกระแทกไปที่ความคิดสงสารตนเอง ความ คิดไร้การพัฒนาแห่งอัตตา ความคิดจำกัดเหล่านี้ขัดขวางเราจากประ สบการณ์ระเบิดของตะเกียงพลังแห่งการตรัสรู้อย่างเต็มที่
ปัญญาแห่งความว่างเปล่าคือความสุขอันเต็มเปี่ยม สิ่งสำคัญคือธาตุ ทั้งสองอันได้แก่ ปัญญาเห็นกระจ่างเข้าไปในคุณสมบัติแท้จริงแห่ง สรรพสิ่ง และความรู้สึกแห่งความสุขอันรื่นรมย์ จะรวมเป็นหนึ่งใน ประสบการณ์เดียว ทางตะวันตก เราสามารถเห็นว่าในขณะที่มีเด็ก ที่เฉลียวฉลาดหลายคน แต่ยังมีประสบการร์ความรื่นรมย์ในชีวิตน้อย นิดหรือไม่มีเอาเลย การมีความเฉลียวฉลาดไม่ได้ทำให้พวกเขามีความ สุข กลับเป็นว่า หลายคนยิ่งยุ่งเหยิงมาก พวกเขาสามารถทำประโยชน์ ได้มากมาย เช่น ออกแบบเกมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน แต่เพราะเขาขาด วิธีการที่เหมาะสมในการรวมเชาว์ปัญญาและอารมณ์ พวกเขายังคงแห้ง แล้ง มีสติปัญญาไม่สร้างสรรค์ และไม่พอใจอย่างยิ่ง
ในทางตรงข้าม มีคนอื่นที่มีความสามารถที่ใช้การได้มากกว่าการทำให้ ตัวเองรื่นรมย์ แต่พวกเขาหลายคนไม่มีสติปัญญาที่กระจ่าง ขาดความ สำนึกที่เฉียบแหลม ถึงแม้พวกเขาจะมีความพอใจในชีวิตระดับหนึ่ง ใจ ของเขาก็ยังคงซึมเศร้าและเหนื่อยหน่าย
ตันตระพยายามที่จะบ่มเพาะปัญญามหาศาล นำเชาว์ปัญญาสู่ประสบ การณ์ที่นำไปใช้ได้ โดยผสานเป็นหนึ่งกับการตระหนักรู้อย่างเป็นสุข ด้วยวิธีนี้จึงเป็นไปได้ที่จะผสานชีวิตและบรรลุศักยภาพเพื่อความสุข ได้ ในขณะที่ตัดปัญหาทั้งปวงที่โดยปกติเกี่ยวกับการไล่ตามความสุข สำหรับโลกนี้ ความสุขคือปัญหาสำหรับผู้มั่งคั่งทั้งหลาย ความเศร้า แห่งกายหยาบ เช่น ความหิวและโรคภัย ไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญแท้จริง เลย แต่วิธีที่จะจัดการกับความสุขโดยไม่กลับกลายเป็นบ้าหรือเลวทราม คือปัญหาใหญ่ที่ไร้คำตอบสำหรับพวกเขา ประสบการณ์การผสานเป็น หนึ่งแห่งตันตระเสนอคำตอบได้
ตามหลักตันตระที่ได้กล่าวไปแล้วหลายครั้งว่า ปัญหาพื้นฐานของมนุษย์ คือ เมื่อเรามีความสุข โดยปกติเราจะโง่เขลาและมืดบอดภายในยิ่งขึ้น นี่ ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ควรมีความสุข เราควรมีความสุข แต่เราต้อง ควบคุมให้ได้ ในขณะที่ประสบความสุข เราต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล แห่งความโง่เขลาและความลวงหลอก ดังนั้นเวลานี้เรากำลังเรียนรู้ที่จะ มีประสบการณ์แห่งความสุขอย่างเหลือเชื่อได้อย่างไร จึงยังคงสภาวะ แห่งความกระจ่างและการควบคุมไว้ได้ เรากำลังเรียนรู้ที่จะมีประสบ การณ์แห่งความสุข สามารถทำให้เกิดปัญญาแหลมคมอันสะอาดสว่าง ได้อย่างไร
เป็นธรรมดาสำหรับเราที่จะทำตัวเป็นเจ้าของสิ่งที่เกิดกับเรา แม้เมื่อเรา ประสบความสำเร็จ ในการทำสมาธิ และรู้สึกว่าพลังความสุขกุณฑาลินี บังเกิด มีแนวโน้มอย่างยิ่งที่เราจะยึดติดอย่างแน่หนากับมัน นี่คือประสบ การณ์ของฉัน นี่คือของฉัน นิสัยนี้เราต้องเลิกให้ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะ ให้ประสบการณ์ความสุขเกิดขึ้นโดยปราศจากการยึดติดว่าเป็นของฉัน เราสามารถทำสำเร็จได้โดยรวมจิตใจเป็นหนึ่งกับความว่างเปล่า กับความ ไม่เป็นสอง เมื่อนั้นความสุขบังเกิด ก็ประหนึ่งเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ในบรรยากาศที่ว่างภายนอก เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายเป็นคำพูด ดังนั้น ข้าพเจ้าหวังว่าท่าคงไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจสิ่งที่ ข้าพเจ้าพยายาม จะพูด ด้วยเหตุผลบางประการ เราต้องไปให้ไกลกว่านิสัยปกติแห่งการ เป็นเจ้าของ แห่งการสัมพันธ์กับทุกสิ่ง กับความรู้สึกอันจำกัดของตนเอง
บางทีข้าพเจ้าสามารถทำให้กระจ่างขึ้นเพียงเล็กน้อย จินตนาการว่าเบื้อง หน้าของเรามีคนอยู่คนหนึ่ง ผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ คนที่ท่านรู้สึกว่าต้องตา ต้องใจมาก เพียงมองไปที่คนผู้นี้ก็กระตุ้นพลังงานในตัวท่าน บางทีท่าน ต้องการที่จะเอื้อมไปคว้าเขาหรือเธอเดี๋ยวนี้ จินตนาการว่าคนผู้นั้นละลาย หายไปในแสงสีรุ้ง สว่างโปร่งใสในทันที ความรู้สึกหนักทั้งมวลแห่งความ ปรารถนาและการเป็นเจ้าของก็จะละลายลงโดยอัตโนมัติ และแทนที่ชาย หรือหญิงผู้นั้น มีบางสิ่งเบาและลอยตัวได้มากกว่าเกิดขึ้น ท่านยังมีความ สัมพันธ์บางอย่างกับสิ่งสวยงามนี้ แต่มันเปลี่ยนไปแล้ว ท่านได้ปล่อยทัศนะ การยึดติด และประสบกับบางสิ่งที่ว่างเปล่า กว้างขวาง เป็นสากลยิ่งกว่า แทน สิ่งนี้คือประสบการณ์ที่ช่างสว่าง เป็นสุข แต่ตระหนักรู้อย่างยิ่งที่ ข้าพเจ้าพูดถึง นี่คือสิ่งที่เราพยายามจะบ่มเพาะ
- จาก บทเริ่มต้นสู่ตันตระ ทรรศนะแห่งความบริบูรณ์ -
- บทที่ ๑๑ โดย ท่านลามะ เยเช่ -
มดเอ๊กซ:
นึกว่า จะหมดวาสนา จะไม่ได้มา ซะแล้ว
นึกว่า จะขาดช่วง จะหายหัวไปเงียบ ๆ แล้ว
นึกว่า นึกว่า นึกว่า ................................สารพัดที่จะนึก ละนะ
ขอบคุณ ญาติมิตร สหาย ทุก ๆ แรงใจ ไฟฝัน เหตุปัจจัย มากมาย ที่รู้ และที่ไม่รู้ สังสัยอยู่ จนวางมันไปบ้างแล้ว นะ
คอมเครื่องเก่าพัง ฮาร์ดิสเจ๊ง ไปพร้อม ข้อมูล ที่สู้ อุส่าห์ รวบรวม เรียงเรียง
เว็บเก่า ก็ หายไป พร้อมกับ พ่อเว็บมาสเตอร์
ข้อมูล หาย ๆๆๆๆๆ ผมจะหาวิธีกู้ข้อมูล อยู่ ฮาร์ดดิสผม ตื่นเต้นจัง และ เผื่อใจไว้แล้ว
ข้อมูล เก่า ๆ ของเว็บ อกาลิโก ดาต้าเบส หาอยู่ ติดต่อ ใครไม่ได้เลย
เว็บหาย คนหาย ขอ ดาต้าเบสไว้ ผมและคนอื่น ๆ จะลุยต่อไป ล่ะ
เออ จะเขียนเกี่ยวกับ วิชากายมายา ตรีกาย ล่ะ
แต่ เฉไฉ บ่น อีกแล้ว เรา เฮ่อ ..............
:yoyo108:
มดเอ๊กซ:
Blowing in the Wind สลายไปกับสายลม
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,2316.0.html
:yoyo048: นั่งโม้มัน ตรงนี้แหละ โม้อมตะ ละท่าน รู้น้อย ฝอยเป็นเข่ง ๆๆๆๆ
:yoyo109: ไม่มี เหล่าฑากินี เทพนิมิตตันระ มาร่ายรำ ร่ายมุทรา มี แต่ ลิง ลิง ลิง ลิง ลิง เจี๊ยกกก ๆๆๆๆๆ
เดี๋ยว จะมาเขียน ต่อ ล่ะ แต่ ไปทำงานก่อน นะ
พรุ่งนี้เจอกัน โอม ขอให้ไหล ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โอม สุ จิ ปุ ลิ เขียนง่าย คำคล่อง ต้องใจ สาธุ สาธุ สาธุ
พรุ่งนี้ ไม่รู้ สิ ตามแต่ ฟ้าดิน อากาศ จิตของเรา ๆ นั่นแหละ
:25:
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version