ผู้เขียน หัวข้อ: "ขอไทยฟังไทย" ... ติช นัท ฮํนห์  (อ่าน 1714 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
"ขอไทยฟังไทย" ... ติช นัท ฮํนห์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2010, 10:02:02 am »


เสียงระฆังแห่งสติ ดังกังวาน .....
ปกคลุมความเงียบทั่วบริเวณ สำนักงานมูลนิธิหมู่บ้านพลัม บ้านหนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ..เสียงลมเปลี่ยนฤดูกระทบ ชายหลังคาหญ้าแฝกของอาคารปฏิบัติธรรมชั่วคราว ทำให้บรรยากาศการรอพบหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ แปลกใหม่ ยิ่งน่าสนใจ

ความเงียบ ลมหายใจ และเสียงระฆัง...ไม่เคยเกิดขึ้นขณะรอสัมภาษณ์มาก่อน เพราะที่ผ่านมา "ชั่วโมงก่อนข่าว" มักเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากหลายคนหลายปาก

ขณะนั่งตามลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ หลวงปู่ติช เดินเข้ามาเงียบ ๆ พร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา ก่อนเริ่มต้นสนทนา หลวงปู่ชวนเจริญสติ กำหนดลมหายใจ และฟังเสียงระฆังร่วมกันอีกครั้ง และให้ถือเป็นกติกา ก่อนเริ่มต้นตั้งคำถาม

หลวงปู่เริ่มจากการรับฟังคำถามจากทุกคนพร้อมกัน ก่อนจะเริ่มตอบถามทั้งหมดในคราวเดียวกัน
 



คำถามแรก มีอยู่ว่า บทบาทสื่อมวลชนควรเป็นอย่างไรในช่วงสังคมขัดแย้ง ตลอดจนการปรับตัว เพื่อสร้างความสุขสงบให้เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตและการทำงาน

หลวงปู่เจริญสติด้วยการหายใจเข้าและออก ก่อนเริ่มตอบคำถาม ด้วยการบอกเล่าประสบการณ์ในฐานะสื่อสารมวลชน

หลวงปู่เล่าว่า ในช่วงที่เป็นเด็ก เคยทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการในวารสารพุทธศาสนา ได้เขียนบทความจำนวนมากและใช้นามปากกาจำนวนมากเช่นกัน เพราะต้องการมีโอกาสติดตามคนมากมายโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งท่านเคยร่วมสัมผัสบทบาทสื่อมวลชน

และเมื่อ 3 ปีก่อนหลวงปู่ได้ไปภาวนาที่ประเทศอินเดีย ที่นั่นหลวงปู่มีโอกาสเป็นบรรณาธิการเพียง 1 วันเนื่องในโอกาสวันครบรอบระลึกถึง มหาตะมะคานธี ทำหน้าที่ดูแลบทความเกี่ยวกับสันติ และเขียนบทความมากมายเกี่ยวกับการฟื้นฟูปรองดองกันใหม่

ขณะร่วมประชุมกับกองบรรณาธิการ เพื่อกำหนดการเขียนบทความชิ้นต่อไป ในวันนั้นที่อินเดียได้มีเหตุการณ์การก่อการร้ายที่สั่นสะเทือนขวัญกำลังใจ กับชาวอินเดียเป็นอย่างมาก และได้มีนักข่าวรายหนึ่งลุกขึ้นถามว่า เมื่อเรามีโศกนาฏกรรมแบบนี้เกิดขึ้น ในฐานะเป็นนักข่าวเราควรจะมีท่าที่ตอบรับอย่างไร

สิ้นสุดคำถามนั้น หลวงปู่บอกว่าไม่ได้ตอบในทันที แต่นั่งสักพักตามลมหายใจเข้าและลมหายใจออก และขณะนั้นในห้องประชุมก็เงียบสนิท

ก่อนหลวงปู่จะเอ่ยมาในประโยคแรกว่า เมื่อเราได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์ ขอให้เราได้กลับมาดูแลปัญหาของเราให้สงบลงด้วยการใช้พลังแห่งสติ สื่อไทยก็เช่นเดียวกัน ควรกลับมาพิจารณาความทุกข์ในฐานะที่เป็นนักข่าว เพราะความทุกข์ของเราก็เป็น เรื่องที่จะสะท้อนออกไปในโลกเช่นเดียวกัน

"หลังจากเรามาดูความทุกข์ของเราเองแล้ว ก็กลับมาพิจารณาที่ใจเพื่อดูว่าทำไมคนเหล่านั้นจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น ทำไมคนเหล่านั้นถึงได้มีปฏิกิริยาเช่นนั้น ในช่วงสมาธิหลังจากนี้เมื่อเรากลับมาสัมผัสความทุกข์ที่เกิดในตัวเราได้ เราก็จะสามารถสัมผัสความทุกข์กับผู้อื่นได้"





ท่านติช นัท ฮันห์ กำลังสอนให้เจริญสติด้วยการออกกำลังกาย


หลวงปู่ยิ้มก่อนที่จะตอบคำถามต่อไปว่า คนเหล่านั้นคงจะมีความทุกข์อย่างมหาศาล เขาคงมีความโกรธ มีความเกลียดมหาศาล ต้องการลงโทษคนอื่นอย่างยิ่ง ถ้านักข่าวสามารถเข้าใจความทุกข์ เข้าใจธรรมชาติของเขาได้ นักข่าวก็สามารถเขียนข่าวได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน

"นักข่าวมีความสามารถที่จะเขียนข่าวให้ผู้อ่านเข้าใจสถานการณ์ที่เกิด ขึ้นและไม่ทำให้ผู้อ่านถูกดึงไปกับความโกรธ ความเกลียด ความแบ่งแยก ความสิ้นหวังทั้งหลาย เพราะว่าพวกเราทุกคนนั้นมีเมล็ดพันธุ์แห่งความกลัว ความโกรธ ความเกลียด ความท้อแท้สิ้นหวัง ถ้าเราปล่อยให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเติบโต เราจะกลายเป็นเหยื่อแห่งความโกรธ ความเกลียด ความสิ้นหวัง และจะเป็นอันตรายมากหากคนในสังคมส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น"

หลวงปู่ บอกต่อไปว่า ถ้านักข่าวสามารถเข้าใจสถานการณ์แบบนี้ก็จะถ่ายทอดออกมาด้วยความเข้าใจ ด้วยความรัก และจะไม่ปล่อยให้เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นได้รับการรดน้ำและเติบโต
 

ท่านติช นัท ฮันห์ กำลังสอนให้เจริญสติด้วยการออกกำลังกาย 


"ทำให้เราสามารถช่วยคนได้เยอะ นักข่าว ไม่ควรจะเขียนให้เกิดความกลัว ความโกธร ท้อแท้ นักข่าวสามารถเขียนและบอกความเป็นจริงได้และช่วยให้คนอ่านเกิดความเข้าใจ ลดความโกรธ เกลียด ต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น"

เช่นนั้น นักข่าวควรจะมีวิถีชีวิตประจำวันที่บ่มเพาะความสงบ ความสุข ความสันติ ความเมตตา กรุณาอยู่เสมอ เพราะว่าการมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขของคนทั่วไป ขึ้นกับวิธีการมองและการเขียนข่าวของนักข่าวทั้งหลายด้วยเช่นกัน

"เราเป็นนักข่าวในเมืองพุทธศาสนา นักข่าวที่นี่ก็เป็นชาวพุทธ เพราะฉะนั้นเราควรจะมีการจัดกลุ่มสังฆะ(กลุ่มที่ฝึกปฏิบัติภาวนา)เพื่อการ บ่มเพาะความสงบ สันติ ความสุข เข้าใจ ความเมตตากรุณา เมื่อเรารวมกลุ่มกันปฏิบัติ เราจะสามารถดูแลร่างกายของเรา ดูแลอารมณ์และดูความสงบของเราได้ จัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของเราได้ เราจะเกิดพลังงานแห่งความเข้าใจและความกรุณา และจะทำให้เราสามาารถเขียนข่าวได้ดีเป็นอย่างยิ่ง เราจะสามารถช่วยคนได้มากมายในสังคม แล้วเราจะเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งที่ช่วยเหลือผู้คนได้"

หลวงปู่ติช บอกด้วยน้ำเสียงเมตตา ว่า นักข่าวก็สามารถเป็นผู้ปกป้องพื้นโลกจากโลกร้อนนี้ได้ และเราสามารถมีชีวิตแบบเดียวกับสิ่งที่เราเขียนเราพูด

"นักข่าวเองไม่ควรจะเขียนหรือพูดเกี่ยวกับการปกป้องผืนโลกเท่านั้น แต่เราควรจะจัดการชีวิตของเรา ใช้ชีวิตให้เห็นการปกป้องผืนโลกด้วย เพราะเวลาที่เราทำ เช่นเดียวกับการเขียนการพูดออกไปนั้นก็จะช่วยคนได้มากมายเช่นกัน"



ภิกษุณีสีไวโอลินให้เด็กๆ ฟัง


วิถีสู่ความสุข

สำหรับความทุกข์ของคนไทยที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง หลวงปู่บอกว่า ประเทศไทยมีความเป็นพุทธศาสนาที่สมบูรณ์เพียบพร้อมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องไปยืมพุทธศาสนาจากที่อื่น เพียงแต่ไปค้นหาศาสนาของเราเอง แล้วก็จะพบน้ำเพชร ซึ่งสามารถนำมาช่วยและสอนคนอื่น ตลอดจนนำไปแก้ปัญหาและสอดรับความทุกข์ที่เขามีได้

"ในการภาวนาในประเทศไทย หลวงปู่ได้ไปงานภาวนา สองครั้ง มีงานภาวนาของบุคคลทั่วไป และงานภาวนาให้กับองค์กรธุรกิจ และไปปาฐถกธรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาจุฬาลงกรณ์ ที่วังน้อย คำสอนที่หลวงปู่สอนเป็นคำสอนที่เราจะหาได้ใน พระพุทธศาสนาอยู่แล้ว"

หลวงปู่เห็นว่า พุทธศาสนาในทุกประเทศทุกนิกายต้องการการปรับปรุงใหม่เสมอ เพื่อให้สอดคล้อง กับคนรุ่นใหม่เพราะความทุกข์ในพุทธกาล อาจจะไม่เหมือนความทุกข์ในปัจจุบัน ท่านพุทธทาสเองก็พยายามที่จะปรับปรุงศาสนาให้มีความใหม่เสมอ และเป็นสิ่งที่หมู่บ้านพลัมทำเช่นเดียวกัน
 

"เพราะความทุกข์ที่เราเผชิญในขณะนี้คงไม่เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัย พุทธกาล ความทุกข์ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงและปรับตัวไปมากเพราะ ฉะนั้นการพิจารณาคำสอน การฝึกปฏิบัติ ควรปรับให้สอดคล้องกับปัญหาและความทุกข์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้"

ส่วนการตั้งสถานปฏิบัติธรรมหมู่บ้านพลัมแห่งประเทศไทยนั้น หลวงปู่บอกว่า มีนักบวชและฆราวาสจำนวนมากเกิดขึ้นในประเทศไทย และบุคคลเหล่านั้น มีแรงบันดาลใจที่จะก่อให้เกิดหมู่บ้านพลัมในประเทศไทย ซึ่งหลวงปู่ยินดีสนับสนุน เพราะหมู่บ้านพลัมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือการสืบเนื่อง อุดมการณ์ และการดำเนินการต่อจากท่านพุทธทาสที่สวนโมกข์



คำถามสุดท้าย ต่อการช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ในความทุกข์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ก่อนตอบคำถามนี้ หลวงปู่นิ่ง ไม่ได้ตอบโดยทันที ก่อนจะบอกว่า ขอให้พวกเรามาฟังซึ่งกันและกัน

หลวงปู่คิดว่าการฟังอย่างลึกซึ้ง เป็นการฝึกปฏิบัติที่สำคัญมากที่สุดในขณะนี้

"ในฐานะที่เราเป็นนักปฏิบัติธรรมชาวพุทธ เราจะขอฟังความทุกข์ของเราเองก่อน ถ้าเกิดว่าเราสามารถเข้าใจความทุกข์ของตัวเอง เราก็จะมีความทุกข์น้อยลง ความกรุณาจะบังเกิดขึ้นในตัวเรา และอยากจะเข้าใจความทุกข์ของเธอเช่นเดียวกัน เพราะฉันก็รู้ว่าเธอเองก็มีความทุกข์ด้วย และความตั้งใจของฉันไม่ใช่จะลงโทษเธอเพราะฉันก็รู้ว่าเธอก็มีความทุกข์เช่น เดียวกับฉัน"

หลวงปู่ยิ้ม ก่อนจะบอกต่อไปว่า ฉันอยากรับฟังเธอเพราะว่าฉันอยากเข้าใจความทุกข์ที่มีในตัวเธอ ถ้าฉันเข้าใจความทุกข์ของเธอฉันคงไม่มีปฏิกิริยาท่าทีต่อสิ่งที่เธอทำมาก่อน ถ้าฉันได้เข้าใจความทุกข์ของเธอ..

ส่วนการฟังความทุกข์ซึ่งกันและกันหลวงปู่แนะนำให้ ผู้ปกครอง ชั้นสูงของไทยจับมือกับรรดาพระผู้ใหญ่ ผู้นำทางจิตวิญญาณ จัดงานภาวนาเพื่อทำให้เกิดความสันติสุขสลายความทุกข์ โดยนำกลุ่มคนที่มีความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน และปล่อยให้ฝึกปฏิบัติภาวนา ให้เขาได้มีโอกาสรับฟังซึ่งกันและกันมีโอกาสที่จะได้พูดทุกสิ่งทุกอย่างที่ มีอยู่ในหัวใจของเขา

"เราอาจจะจัดภาวนาในสถานที่มีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่มีความน่ารัก ความเมตตาและให้เขาได้กลับมาฝึกปฏิบัตินั่งสมาธิร่วมกับเรา มีสติร่วมกับเรา เพื่อให้สิ่งที่ครุกรุ่นของเขาได้สงบลง"

ในช่วงสัปดาห์แรกของการภาวนา หลวงปู่บอกว่า จะจัดเพียงให้เขาได้มานั่งสมาธิร่วมกัน ทานอาหารอย่างมีสติร่วมกันเพื่อให้มีความสงบลง ให้เขาได้มีโอกาสผ่อนคลายร่างกายและคลี่คลายสิ่งต่างๆ ในความรู้สึก

"ถ้าจะจัดภาวนาเช่นนี้ คณะนักบวชที่หมู่บ้านพลัมก็สามารถเข้ามาช่วยได้ เพราะสัปดาห์แรกที่มาร่วมกันปฏิบัติ เราจะไม่พูดคุยกันเลยในเรื่องทางการเมือง และ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น" หลวงปู่ติชบอก




ภิกษุจากหมู่บ้านพลัมกำลังสอนเด็กๆ เชิญระฆัง

ส่วนสัปดาห์ที่สอง เป็นการให้ทั้งสองกลุ่มได้พูดสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในใจทั้งหมด แต่จะหลีกเลี่ยงการพูดที่เกิดการประณาม หยามเหยียด เพราะจะทำให้รู้สึกแย่ และเสียโอกาสที่จะเกิดการพูดคุยกันได้

ถ้าหากทั้งสองกลุ่มสัญญาและสามารถที่จะพูดจากันแบบไม่ประณาม ไม่ดูถูกกัน เราก็สามารถที่จะออกข่าวไปได้ในทั่วประเทศ

หลวงปู่เชื่อว่า ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้สามารถพูดเช่นนี้เพียง 5-6 วันความทุกข์เขาจะลดลง แต่ทั้งสองกลุ่มต้องยอมรับที่จะให้อีกฝ่ายได้พูดจาเช่นกัน หลังจากที่อีกฝ่ายได้พูดไปแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งก็ตกลงที่จะพูดจากันด้วยภาษาที่อ่อนโยน นิ่มนวล และจะต้องมาร่วมรับฟัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความขัดแย้ง ไม่เพียงจะมีแค่ 2กลุ่มคู่กรณี หากจะมีคนกลุ่มที่สามที่ไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใดเลยด้วยเช่นกัน หลวงปู่บอกว่า ต้องเปิดให้คนกลุ่มนี้ได้มีโอกาสพูดเช่นกัน
 

ภิกษุจากหมู่บ้านพลัมกำลังสอนเด็กๆ เชิญระฆัง 


"กลุ่มนักข่าวที่มีศักยภาพสามารถจัดงานภาวนาเช่นนี้ได้ และเราก็อาจจะขอให้ผู้ปกครองชั้นสูงเข้ามาร่วมในการจัดภาวนา อาจเชิญผู้นำทางจิตวิญญาณเข้ามาร่วมงาน ซึ่งไม่เพียงผู้นำทางพุทธศาสนา แต่อาจจะรวมไปถึงผู้นำทางมุสลิม คริสต์ด้วยเช่นเดียวกัน"

หลวงปู่คิดว่า การทำเช่นนี้จะทำให้โอกาสของประเทศชาติมาร่วมกันได้อีกครั้งหนึ่ง และทำให้เราได้ฟื้นคืนดีกันใหม่ ถ้าทำได้ประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ที่ตกอยู่ในสภาวะเดียวกัน เช่น ประเทศแถบตะวันออกกลาง

"ถือเป็นการกระทำที่นำเอาแนวทางพุทธศาสนามาใช้ได้อย่างดียิ่งเพราะในทางพุทธ ศาสนา เรามักจะอุทิศให้กับแนวทางสร้างสัมพันธ์คืนดีกันใหม่ไม่ใช่หนทางที่เต็มไปด้วยการลงโทษ"

ก่อนเสียงระฆัง บอกถึงการจบคำสนทนา หลวงปู่ ได้บอกอีกครั้งว่า ขอให้เรารับฟังซึ่งกันและกัน หมั่นฝึกปฏิบัติเช่นนั้น เพื่อจะได้มีความสุขในปีใหม่ที่กำลังใกล้มาถึง ๐
 
 

--------------------------------------------------------------------------------


เรียงร้อยบทถาม-ตอบของสื่อมวลชนไทยกับพระอาจารย์ติท นัท ฮันห์ และอาจเป็น "แผนปรองดอง" ฉบับสำคัญที่สังคมไทยกำลังต้องการ

เรื่อง : สิรินาฏ ศิริสุนทร
ภาพ : ธาตรี แสงมีอานุภาพ
กรุงเทพธุรกิจ 4 พฤศจิกายน 2553
 

 :13:

http://www.thaiplumvillage.org/story_from_press_05.html
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: "ขอไทยฟังไทย" ... ติช นัท ฮํนห์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2010, 12:18:21 am »
 :45: อนุโมทนาครับพี่มด^^
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~