ผู้เขียน หัวข้อ: คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)‏  (อ่าน 10260 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
Re: คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)‏
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 01:20:53 pm »
ทำตัวง่ายๆ(คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)

            พวกฤาษีไม่ได้เรียนรู้สรีรศาสตร์  หรือจิตเวชศาสตร์ไป
มีความสงบกาย  สงบวาจา  สงบจิตใจ  อยุ่ในป่าคนเดียว 
กินผลไม้ประจำวัน  ยังชีวิตไปเท่านั้น  จะตายก็ไม่ต้องไปหาหมอ 
ตายก็ตายไป  อยู่ก็อยู่ไป  จิตใจก็สงบไป  ว่างไปตามธรรมชาติ

                เพราะฉะนั้นจะเอาสิ่งภายนอกมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้ 
ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงใยกับสิ่งภายนอก เรื่องของกายที่ว่าอวัยวะใด
อยู่ที่ไหน  ก็ไม่ต้องไปค้นคว้า  เรื่องตับไตอยู่ที่ไหนไม่ต้องไปสนใจ 
ให้รู้แต่ว่ามันไม่เที่ยง  ปรับปรุงมันไปตามสมควร 
ไม่ถือกายเป็นเรื่องสำคัญ  ถือจิตเป็นเรื่องสำคัญ

                พวกมุนีที่อยู่กันเงียบๆ  จิตใจมีความสงบ 
เอาความเยือกเย็นของจิต  อาบ  รด  ดื่มกินอยุ่ได้ 
โดยที่ไม่ไปคอยวิตกกังวลถึงเรื่องที่จะต้องไปพูดกับใคร 
ไม่ต้องว่ามันจะขาดอาหาร  ไม่ต้องเป็นห่วง 
ห่วงแต่ธาตุจิตที่มันถูกกิเลสเผาอยู่นี่ 
ให้มันอยู่รอดปลอดภัยเท่านั้นเป็นพอ

                ร่างกายมันก็จะต้องแตกดับไปด้วยกันทั้งหมด 
ไม่มีอยู่ค้ำฟ้าไปได้  อย่าไปคิดเอาใจอะไรมันมากนัก  มันจะเป็นกังวล

                พระอริยเจ้าทั้งหลายที่ท่านหมดกิเลสไปแล้ว 
ท่านก็รู้แต่เรื่องข้างใน  ส่วนเรื่องข้างนอกจะมีอะไรวิจิตรบรรจง 
พิสดารปานใด  ท่านก็ไม่เห็นเป็นความคีเด่นอะไร 
เขาเอาอะไรมาให้ก็รับ  แต่ถ้าเขาจะแย่งเอากลับก็ไม่ขัดขืน 
อยู่อย่างเรียบง่าย  ไม่เป็นปัญหากับใคร  ความสุขสงบของท่านๆ 
หมายเอาที่ใจหมดเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

ขอบพระคุณ คุณนริศรา

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
Re: คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)‏
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 06:06:58 pm »
ต้องรู้ดวยปัญญา (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)

                การที่เที่ยวคิด  เที่ยวใฝ่ฝันไปนั่น  ฝันมานี่ 
มันก็ฝันเอาทุกข์มาใส่ตัวเองทั้งนั้น  เลิกฝันกับมันเสียที 
หยุดกันเสียที  มีอะไรขึ้นมา  ก็ปล่อยวางมันไป  ถึงเราไม่ปล่อย 
มันก็ต้องดับไปเอง  แต่ผลที่เกิดกับเรา  มันจะต่างกันมาก 
หนักอกหนักใจมากกว่ากันเยอะเลย

                ถ้าเราเที่ยวนึกคิดไปต่างๆ  นานา 
จิตก็มีการปรุงแต่งไปสารพัด  ล้วนแต่จะเป็นความสกปรก 
เศร้าหมอง  อยู่กับดีๆ  ชั่วๆ  ตัวตนของเรา  ของเขา 
จนจิตนี้ก็จะถูกผูกมัดทำให้หมดอิสระ

                การสลัดคืน  การไม่เอาอะไร  จะทำให้จิตนี้เป็นอิสระขึ้นมา
มันก็เป็นเรื่องตรงไปตรงมาง่ายๆ  อย่างนี้

                จิตที่เป็นอิสระได้  ย่อมไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ 
ไม่ยอมเป็นทาสแก่ความอยากที่ยุแหย่  จิตจะไม่เอาอะไร 
ถ้าไม่เอาปล่อยวางได้แล้ว  ก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่จะมาเป็นสายใย
ที่จะผูกมัดจิตใจให้หมดอิสระได้

                เหล่านี้แหละเป็นความรู้ที่ถูกต้องแล้ว 
ไม่ต้องไปหาความรู้ที่ไหนก็ได้  แต่ที่สำคัญก็คือ 
ความรู้นี้ต้องรู้ด้วยสติปัญญา  ไม่ใช่รู้ด้วยความทรงจำ 
การรู้ด้วยความทรงจำนั้น  มันเป็นขันธสัญญา 
ยังแก้ปัญหาชีวิตไม่ได้  ต้องรู้ด้วยปัญญาจึงจะแก้ไขได้ 
จะมีปัญหาอย่างไร  สุขทุกข์อย่างไร  มันปลงตก 
แล้วก็ปล่อยวางไปได้  มันพิเศษอย่างนั้น 
แต่ถ้ารู้ด้วยเพียงความทรงจำก็จะมีแต่ความยึดมั่นถือมั่นเท่านั้นเอง 
แก้ปัญหาไม่ตก  ไม่ว่าเรื่องอะไร

                รู้ด้วยปัญญา  คือรู้ด้วยการอบรมจิตใจ 
ต้องมีความพยายามอยู่เนืองนิตย์  แล้วทำให้ติดต่อให้มากขึ้น
ในทุกอิริยาบถ  เพ่งดูความไม่เที่ยงให้เห็น 
หรือว่าจะมีการกำหนดละตัณหาหรือรู้จักตัณหาอยุ่ทุกอิริยาบถ 
เมื่อทำมากเข้าก็จะละกิเลสได้  วางเรื่องทั้งปวงไว้อย่างที่มันเป็นได้!


ขอบพระคุณ คุณนริศรา

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
Re: คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)‏
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 06:38:39 pm »
เจริญอายุ  บรรลุธรรม (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)

                เมื่อปฏิบัติก็ต้องมีการพัฒนาเกิดขึ้น  ต้องมีการละวางอะไร
ไปได้ทีละเล็ก  ทีละน้อย  เรียกว่า  ต้องมีการบรรลุธรรม  การบรรลุดธรรมที่ว่านี้ 
ไม่ได้หมายถึงการบรรลุธรรมสูงสุดหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์  แต่หมายถึง 
การเข้าถึงธรรมะไปเป็นขั้นๆ  การเข้าถึงธรรมะแต่ละขั้น  มีการปลงตกออกไปบ่อยๆ 
ถือว่าเป็นการบรรลุไปตามลำดับ

                เราต้องหัดปฏิบัติละเว้นสิ่งต่างๆ  การบริโภคปัจจัย 4 ควรบริโภค 
คือใช้ตามความจำเป็น  และต้องหมั่นพิจารณาว่า  เราบริโภคเพื่อยังอัตภาพ
ของเราให้เจริญธรรมอยู่ได้  ไม่ใช่สุรุ่ยสุร่ายใช้ไปด้วยความมัวเมา 
มันจะเป็นการปฎิบัติกิเลสไม่ใช่การปฏิบัติธรรม

                ยิ่งทำ  ยิ่งปฏิบัติ  ก็ควรจะละเว้น  ปล่อยวางอะไรให้ได้มากขึ้น 
ไม่ใช่ยิ่งปฏิบัติก็ยิ่งกอดรัดอัดแน่นเข้ามาเป็นของข้าทั้งหมด 
วันเวลาผ่านไปจิตใจควรจะงอกงาม  สงบ  ฉลาด  สุขุมไม่ยึดถือตนยิ่งขึ้น 
สมกับที่ว่า  “เจริญอายุ  บรรลุธรรม”

                การให้พรเขาว่า  “จงเจริญอายุ  บรรลุธรรม” 
เราก็ต้องปฏิบัติตัวของเราด้วย  ไม่ใช่ให้พรเขาแต่ปาก 
เราต้องทำตัวเราให้เป็นเนื้อนาบุญของเขาด้วย 
คือเราก็ต้องปฏิบัติตัวเราให้สมกับที่เขานับถือ
ว่าเรากำลังเป็นผู้แสวงหาทางหลุดพ้น  ถ้าทำอย่างนั้นได้ 
ผู้ที่เขามอบปัจจัย 4 แก่เรา  ก็เท่ากับได้ส่งเสริมการปฏิบัติธรรมไปกับเราด้วย 
เขาก็ได้สละละความตระหนี่  ละโลภ  โกรธหลง  ลงในเนื้อนาบุญ 
เพิ่มบุญขึ้นโดยชอบ  สมกับที่ได้รับพร  “เจริญอายุ  บรรลุธรรม”

ขอบพระคุณ คุณนริศรา

 [/size]

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
Re: คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (ดูให้มันรู้)
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 09:24:46 pm »
ดูให้มันรู้ (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
                ถ้ามีความประมาทมัวเมาเพลิดเพลินอยู่  อย่างที่เป็นกันเช่นนี้แล้ว  ชีวิตประจำวันจะได้อะไร  ก็ได้แต่ทุกข์เท่านั้นเอง  ได้แต่ความสกปรกเศร้าหมองของใจ  ก็ทุกข์เท่านั้น  ไฟทั้งนั้น
                เป็นปัญหาเฉพาะหน้า  ที่เราควรรีบพยายามไม่ให้จิตมันใฝ่ต่ำ  ไปทำตัวเป็นทาสรับใช้กิเลส  หรือไม่ยึดถืออะไรให้เป็นทุกข์  ไปปั้นนำให้เป็นตัวขึ้นมา

                ถ้าพยายามกันจริงๆ  ก็ดับทุกข์ในชีวิตประจำวันได้ตลอดจนเวลาจะเจ็บจะตาย  ที่จะเกิดทุกข์โทษอะไรนานัปการขึ้นมา  ก็รู้จักดับได้  ปล่อยได้  วางได้

                แล้วจิตก็จะไม่วุ่น  มันว่างเรื่อย  พอปล่อยอะไรได้  มันก็จะว่างเพิ่มขึ้นได้อีก  ไม่ขันตัวอัดฝังแน่นอยู่ในเกลียวทุกข์เกลียวระทมใดๆ  มีแต่จะผ่อนคลายลงไปเรื่อยๆ  เรียกว่า คลายน๊อตของความทุกข์ลงได้เป็น

                ดูให้มันรู้ความจริงให้ได้ว่า  เรากำลังหลงงุ่มง่ามในความมมืดของกิเลสอยู่  คือมองไม่เห็นความจริง  จึงว่ามืด  กำลังหลงอยู่ต่อหน้า  ทั้งๆ  ที่กำลังลืมตาอยุ่เดี๋ยวนี้

                ตอกย้ำซ้ำซากกับตน  เรียนเอาในใจในตัวเองทั้งหมดเพียรกันเรื่องรู้ทุกข์นี้ตลอดเวลาของชีวิต  หยุดความอยากทั้งหลายทั้งปวง  แล้วห้องหัวใจก็จะเหลือแต่ความว่างในที่สุด

(ท่านใดต้องการหนังสือธรรมะแจกฟรี 7 เล่ม  เขียนโดยพระอาจารย์ยุทธนา เตชปัญโญ ติดต่อได้ที่เบอร์ 086-1637969 089-9154499 ชื่อหนังสือมีดังนี้ 1.วันหนึ่งก็ต้องจากลา 2.ดีชั่วรู้หมดแต่มันอดใจไม่ไหว 3.ช้าอีกนิดสุขอีกนาน 4.ชีวิตเสรีจิตอิสระจึงไร้ทุกข์ 5.หลงตัวตนสับสนหนทาง 6.สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเรา 7.เส้นทางใจ  รีบหน่อยนะคะ ช้าหมดค่ะ )

 

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
เข้าใจว่าเป็น...งง
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 09:26:23 pm »
เข้าใจว่าเป็นสุข(คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)

                ชีวิตหมดไป  วันหนึ่งๆ  ด้วยการกินอิ่ม  หลับนอนเพลิดเพลินไปอยู่กับความหลง  สรรพสัตว์ก็เข้าใจว่าเป็นสุข

                ไม่ได้รู้  ไม่ได้เข้าใจว่าในขณะเวลาเดียวกันนั้น  ทุกข์ก็กำลังเกิดขึ้นกับตัวตน  ทุกข์เพราะ  ความเป็นอนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ที่ใครบังคับไม่ได้  มันจัดการเล่นงานอยู่กับรูปกายของสรรพสัตว์              และก็ในขณะเดียวกัน  ความอยากหนาตัณหาแรงก็เป็นตัวช่วยทิ่มแทง  เล่นงานใจของสรรพสัตว์  เดี๋ยวโลก  เดี๋ยวหลง  เดี๋ยวโกรธ   พยายาท  เดือดร้อนอยู่ไม่มีหยุด  ไม่มีหย่อน

                ผู้ที่พิจารณาตามรู้ได้โดยแยบคายมีน้อย  ผู้ไม่รู้มีมากมาย

                จึงมีแต่ผู้ที่หลงตัวเองว่า  กำลังเป็นสุขนั้นอยุ่ดาษดื่นทั่วทั้งโลก

                ด้วยอุบายตื้นๆ  เช่นนี้  กิเลสก็หลอกครองโลกได้ทั้งหมดทั่วไตรภพ  คือ  ตลอดกามภพ  รูปภพ  และอรูปภพ

                เมื่อเข้าใจเช่นนั้นว่าเป็นสุข  สรรพสัตว์ก็จึงหลงเสาะแสวงหา  จึงได้แต่ภาพลวงตา  ภาพลวงใจ  เวียนว่ายตายเกิด  อยู่มิรุ้สิ้นสุด

                ความไม่รุ้จริง  คือรู้ผิด  เพียงเท่านี้ก็ทำให้ทางเดินในวัฎสงสารยาวไกลไม่รู้สิ้นสุด

                เมื่อรู้จักคิดรู้จักพิจารณา  เพียงรู้ความจริง  ว่างจากตัวตนได้จริง  เพียงเท่านี้  การเดินทางอันยาวไกลในวัฎสงสารก็จะสิ้นสุดลงได้  จบกรรม!