ประชาสัมพันธ์ > ประชาสัมพันธ์ทางธรรม

ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ

<< < (107/114) > >>

sithiphong:
.
สวัสดียามบ่าย วันอาทิตย์หรรษา
.
ที่มา https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/photos/a.1504006849889912/3081965762094005/
.
.
วันนี้มาชมของที่หาได้ยากมาก
.
หาได้ยากกว่า พระสมเด็จ(วังหน้า)เนื้อทองคำ
หาได้ยากว่า พระกริ่งปวเรศ(ที่ องค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ อธิษฐานจิตในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่) ทุกรุ่น
.
นั่นคือ รูปแกะเป็นรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
.
ที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตไว้ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
.
ครูบาอาจารย์ผมที่ท่านเคยตรวจดูทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
ท่านบอกกับผมมาว่า ให้นำพระสมเด็จทุกองค์ (ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี อธิษฐานจิตไว้ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่) รวมกัน ไว้ด้านข้างด้านหนึ่ง และ นำรูปแกะนี้ ไว้อีกด้านหนึ่ง
รูปแกะรูปนี้ ดีกว่า พระสมเด็จทุกองค์ฯรวมกัน ครับ
.
ผมแจ้งรายละเอียดเพียงเท่านี้
.
รูปสงวนลิขสิทธิ์
.

.
.
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#พระเจ้าอโศกมหาราช
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
#รูปแกะเป็นรูปสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
#รูปแกะสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.

sithiphong:
.
วันนี้ (วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565)  ทางผม , ผู้บัญชาการที่บ้าน , สมาชิกไลน์กลุ่มพระวังหน้า , สมาชิกไลน์กลุ่มพระวังหน้าโลกอุดร และ สมาชิกชมรมพระวังหน้า
.
ได้ร่วมกันทำบุญ ในวาระงานบุญ 2 งาน
.
.
.
งานแรก  ร่วมทำบุญในการจัดสร้างป้ายสแตนเลสประวัติหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า จำนวน 2 ป้าย
ถวายหลวงพ่อแผน วัดบ่อเงินบ่อทอง จ.ฉะเชิงเทรา
.
เพื่อให้ผู้ที่ไปทำบุญ รวมทั้ง พระสงฆ์ และ สามเณร ที่วัด จะได้ทราบถึงประวัติ(ที่ถูกต้อง)โดยย่อขององค์หลวงปู่ฯ
.
ค่าจัดทำป้ายฯ จำนวน 44,800 บาท
.
.
.
งานบุญที่สอง  ร่วมกันทำบุญกับกลุ่ม บ้านแสงแห่งธรรม จ.พิษณุโลก
ร่วมทำบุญทั้งหมด 41,229.02 บาท
.
ตามรายละเอียดดังนี้
.
รายละเอียดงานบุญของบ้านแสงแห่งธรรม
.
ขอเชิญพี่น้องบ้านแสงฯ ที่เกิด เดือน กย. ร่วมเป็นเจ้าภาพงานบุญคนเกิดเดือน กย   ที่บ้านแสงแห่งธรรม. มีกิจกรรม ตักบาตร พระ 100 รูป แจกทานข้าวสารพร้อมชุด 100 ชุด เลี้ยงเพล เณร 200รู ปที่วัดตากฟ้าพระอารามหลวง บวชพระ 2 รูปที่วัดน้ำหนาว เริ่มงาน 17 -​20 ก.ย. นี้
.
17 ก.ย.65 แจกทาน 100 ชุดที่สำนักขุนไผ่
.
18 ก.ย.65 ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งพระสงฆ์ 100 รูปที่บ้านแสงแห่งธรรม
.
19 ก.ย.65 ถวายอาหารเพลพระ,เณร 300 รูปที่วัดตากฟ้า
.
20-21 ก.ย.65 รวมกำลังบุญบวชพระ 2 รูปส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเลย จบกำลังบุญอันยิ่งใหญในครั้งนี้
.
.
.
ขอโมทนาบุญกับทุกท่าน
.
มาโมทนาบุญร่วมกัน บุญเสมอกัน ครับ
.
.
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร  หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง  หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#บ้านแสงแห่งธรรม
#บ้านแสงแห่งธรรมทุ่งนาผางาม
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.

sithiphong:
.
สำหรับรายละเอียดของป้ายสแตนเลสประวัติหลวงปู่อิเกสาโร ที่จะดำเนินการจัดทำขึ้นฯ จำนวน 2 ป้าย
และ นำไปถวาย หลวงพ่อแผน ที่วัดบ่อเงินบ่อทอง ต.หนองแหน อ.มหาสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
.
รายละเอียดในป้าย จะมีลักษณะนี้
เพียงแต่ป้ายแรกที่ดำเนินการจัดทำนั้น รายละเอียดตามรูป
ส่วนอีกป้าย รายละเอียดจะแตกต่างกันตรงบทสวดเท่านั้น ครับ
.
.
.
#หลวงปู่พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
#หลวงปู่พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต
.
#หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพธิ์
.
#หลวงปู่พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
#หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#พระเจ้าอโศกมหาราช
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
หมายเหตุ ท่านสามารถนำรูปไปใช้ได้  โดยห้ามไม่ให้แต่งเติมเรื่องใดๆลงในรูป
รูปที่นำไปใช้ ต้องเป็นรุปเดิมๆเท่านั้น
.

sithiphong:
.
วันนี้ (วันที่ 17 กันยายน 2565)
ผมมาเล่าสู่กันฟัง จากประสบการณ์ตรงที่ผมเคยผ่านการตายมาแล้ว
.
ชีวิตคนเราไม่เคยมีอะไรแน่นอน
อย่ามัวแต่ไปหลงอยู่กับ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ
แต่ต้องทำความดี หมั่นทำบุญตามหลักธรรมะที่ถูกต้อง
นั่น คือ บุญกิริยาวัตถุ10 ที่เป็นวิธีการทำบุญที่ถูกต้อง
.
บุญกิริยาวัตถุ 10 มีดังนี้
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต))
บุญกิริยาวัตถุ 10 (ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, ทางทำความดี — bases of meritorious action)
1. ทานมัย (ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ — meritorious action consisting in generosity; merit acquired by giving)
2. สีลมัย (ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติดี — by observing the precepts or moral behavior)
3. ภาวนามัย (ทำบุญด้วยการเจริญภาวนาคือฝึกอบรมจิตใจ — by mental development)
4. อปจายนมัย (ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม — by humility or reverence)
5. เวยยาวัจจมัย (ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้ — by rendering services)
6. ปัตติทานมัย (ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น — by sharing or giving out merit)
7. ปัตตานุโมทนามัย (ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น — by rejoicing in others’ merit)
8. ธัมมัสสวนมัย (ทำบุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้ — by listening to the Doctrine or right teaching)
9. ธัมมเทสนามัย (ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ — by teaching the Doctrine or showing truth)
10. ทิฏฐุชุกัมม์ (ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง — by straightening one’s views or forming correct views)
ข้อ 4 และข้อ 5 จัดเข้าในสีลมัย; 6 และ 7 ในทานมัย; 8 และ 9 ในภาวนามัย; ข้อ 10 ได้ทั้งทาน ศีล และภาวนา
.
.
.
เพราะเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถที่จะทำบุญได้อีก (ยกเว้นแต่ พระสงฆ์ หรือ ฆารวาส ที่ปฏิบัติธรรมมาจนได้อริยบุคคล อนาคามี ที่จะไปปฏิบัติต่อที่พรหมชั้นสุทธาวาส เพื่อบรรลุอรหันต์ ที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)
.
มาเริ่มกันเลย จากประสบการณ์ตรงของตัวผมเอง ครับ
.
เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2546 วันนั้นเป็นวันหยุดงาน แต่เนื่องจากงานผมเองมีมาก ผมจึงเข้าไปทำงาน ผมถึงที่ทำงานประมาณ 9 โมงเข้า(กว่าๆ) ผมเองก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนบ่าย ผมรู้สึกหิวข้าว แต่เนื่องจากความขี้เกียจเดินไปซื้อข้าว ผมก็เลยเข้าไปที่ มินิมาร์ท ใกล้ๆที่ทำงาน เข้าไปซื้อไส้กรอกมา 2 อัน ตอนนั้น ผมเห็นพนักงานหยิบไส้กรอกออกมาจากตู้เย็น ที่ไส้กรอกมีคราบสีขาว พนักงานก็นำไปล้างทำความสะอาด แล้วนำมาอบให้ความร้อน ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร พอซื้อเสร็จก็กลับมากินในที่ทำงาน พร้อมกับ กินกาแฟร้อน 1 แก้ว
.
ให้หลังไปประมาณ 45 นาที ผมมีความรู้สึกว่า ร้อนมาก มีเหงื่อออก พะอืดพะอมมวนท้องมาก และปวดท้อง ผมเองคิดว่า สงสัยไส้กรอกที่กินน่าจะเสีย ผมก็เลยไปเข้าห้องน้ำ(ไปถ่าย) พอออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เลยล้วงคอ เพื่อเอาไส้กรอกที่กินเข้าไป(ทำให้อ้วก)ออกมา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น มีอาการที่เพิ่มขึ้นก็คือ หมดแรง
.
ตอนนั้น ผมคิดว่า จะไปโรงพยาบาล แต่ เนื่องด้วยไม่มีแรงเลย ผมก็เลยโทร.ไปหาเพื่อนผม (คือ คิม) ให้มาหาผม และ ขอให้รับผมไปโรงพยาบาล พอเพื่อนผมมาถึงที่ทำงาน เพื่อนผมก็ปิดที่ทำงานให้ และ พาผมไปโรงพยาบาล (มาขอบคุณเพื่อนคิม ที่วันนั้นมาช่วยเหลือในการส่งผมเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง)
.
เพื่อนคิม นำผมไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่ทำงาน(มาก) ผมไปถึงโรงพยาบาลกรุงธน น่าจะประมาณ 3 - 4 โมงเย็น พยาบาลก็ได้นำตัวผมเข้าไปอยู่ในห้องพิเศษ และ ได้แจ้งกับทางครอบครัวผม ทางครอบครัวก็ได้มาหาผมที่โรงพยาบาล
.
ในคืนแรกที่นอนในโรงพยาบาล ผมเองก็ไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่ น้องชายผม (น้องตุ้ย) ได้นอนอยู่เป็นเพื่อน น้องตุ้ยได้เล่าให้ฟังว่า ทางพยาบาลได้เข้ามาฉีดยาให้ผมหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ผมเกิดอาการช็อก หัวใจหยุดเต้น ทางน้องชายผมก็ได้รีบแจ้งพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ ทางพยาบาลได้เข้ามาปั๊มหัวใจผม และนำตัวผมเข้าไปในห้อง ICU (ในขณะนั้น ผมไม่รู้สึกตัวแล้ว)
.
ในช่วง 2 วันแรกที่อยู่ในห้อง ICU ผมไม่รู้สึกตัวเลย แต่เหมือนกับผมฝันไปว่า ผมไปเดินรอบ วอร์ดพยาบาล ไปดูพยาบาลนั่งทำงาน แต่พยาบาลก็ไม่ได้เงยหน้ามาหาผม แล้วผมก็เดินวนไปเวียนมา ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี พอเดินได้สักพัก ความรู้สึกนั้นก็หายไป
ในช่วงนั้น มีหลายคนมาเยี่ยมผม รวมทั้ง ภรรยา(ในตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานกัน) และ แม่ยาย ทางแม่ยายผม เล่าให้ผมฟัง(ทีหลัง) ว่า ขาผมเย็นมาถึงหัวเข่าแล้ว และ มีหลายคนที่ไปบนกับศาลพระพรหมที่โรงพยาบาล (แม่ยาย , ภรรยา และ คนในครอบครัว) ขอให้ผมหายจากอาการป่วย มีเพื่อนผมคนหนึ่ง คือ ปุ้ย ปุ้ยได้ไปบนกับ รูปองค์พยามัจจุราช(ที่ผมตั้งไว้ไหว้ในที่ทำงาน) ว่า ถ้าผมหายจากอาการป่วย จะให้ผมไปแก้บนเอง
.
ในวันที่ 3 ของการอยู่ในห้อง ICU ผมฟื้นขึ้นมา ตัวผมเต็มไปด้วยสายที่ต่อจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ , สายน้ำเกลือ และ ผมใส่ท่อช่วยหายใจอีกด้วย ในวันนี้ ผมยังมีอาการสลึมสลืออยู่บ้าง แต่ก็พอที่จะคุยได้บ้าง (จากคำบอกเล่าของภรรยาผม และ คนในครอบครัว)
.
พอเข้าวันที่ 4 ในห้อง ICU ผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ และในวันนี้ ผมได้ถอดเ(ท่อ)ครื่องช่วยหายใจออก(ในช่วงเช้า ถ้าจำไม่ผิด) วันนี้ เริ่มหัดเดิน ผมรู้ว่า คนที่เดินไม่เป็น เป็นอย่างไร เพราะไม่รู้ว่า จะก้าวขาออกไปอย่างไร
ตอนที่หัดเดิน ผมได้ออกไปนอกห้องเป็นครั้งแรก ได้ไปเห็นวอร์ดพยาบาล พอเห็นเท่านั้น ผมรู้เลยว่า ผมเคยมาเดินรอบวอร์ดพยาบาล นี้แล้ว วอร์ดพยาบาล ที่เห็นนั้น เหมือนกับ วอร์ดพยาบาล ที่ผมฝันเห็นเลยครับ
.
ในวันที่ 5 ผมได้ย้ายไปอยู่ในห้องพิเศษ จนกระทั่ง วันที่ 10 ของการอยู่โรงพยาบาล ผมจึงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วมาพักฟื้นต่อที่บ้าน
.
ในช่วงพักฟื้น ทางแม่ยาย(และภรรยา)ผมได้มาหาผม มาเล่าให้ฟังว่า ผมเองได้ตายไปแล้ว แต่เนื่องจากยังมีบุญอยู่ รวมทั้งมีหลายคนที่ไปบนบานกันไว้ ทำให้ผมรอดตายมาได้ ที่สำคัญก็คือ พระภูมิที่ทำงานผม จะเล่นงานผมให้ถึงตาย ผมจึงเล่าให้แม่ยายฟังว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ ที่ทำงานผมได้มีการทำความสะอาดในที่ทำงาน ผมไปเห็นศาลพระภูมิ สกปรก มีใบไม้ร่วงหล่นที่ศาลเยอะ ผมก็เลยให้ลูกน้องไปทำความสะอาด ผมไปขอขมาก่อนที่จะให้ลูกน้องไปทำความสะอาด โดยการนำใบไม้ออก นำตุ๊กตานางรำ ออกมาทำความสะอาด แต่บังเอิญผมไปเห็นในศาลพระภูมิสกปรก ผมจึงยกมือไหว้ขอขมา แล้วให้ลูกน้องอัญเชิญ องค์พระภูมิออกมาจากศาล แต่ไม่มีใครกล้า ผมจึงเป็นคนที่อัญเชิญองค์พระภูมิออกมาจากศาล แล้วให้ลูกน้องทำความสะอาดภายในศาล จนสะอาด หลังจากนั้น ผมจึงอัญเชิญ พระภูมิเข้าไปตั้งภายในศาลใหม่
.
ทางแม่ยายผม จึงได้บอกว่า พระภูมิท่านโกรธมาก ที่ไปจับต้ององค์ท่าน แต่ผมบอกแม่ยายไปว่า ผมมีเจตนาดีที่จะทำความสะอาดภายในศาลให้ แม่ยายผมบอกต่อไปว่า พระภูมิท่านไม่ชอบให้ใครไปแตะต้ององค์ท่าน
.
วันที่ผมไปทำงานวันแรก ผมเข้าไปที่ศาลพระภูมิ (แต่ผมไม่ได้ยกมือไหว้) ผมไปบอกว่า ผมมีเจตนาดีที่จะทำความสะอาดภายในศาลให้ ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย แต่มาทำกับผมแบบนี้ ผมไม่พอใจเช่นกัน หลังจากนี้ไป ต่างคนต่างอยู่ และ ผมไม่ไหว้พระภูมิอีกเลย
.
หลังจากนั้น เวลาที่ผมทำงาน ผมมักจะเห็นเงาดำๆ มายืนในบริเวณใกล้เคียงกับที่ผมทำงานอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่ง ผมได้พระขรรค์ด้ามองค์ท้าวเวสสุวรรณ (เป็นพระขรรค์ของวังหน้า) ผมจึงไปบอกกับพระภูมิอีกครั้งว่า ต่อไปนี้ ต่องคนต่างอยู่ อย่ามารบกวนกัน อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะขังพระภูมิไว้ที่ตรงนี้ ไปตลอดกาล จนกว่าจะมี อริยบุคคล มาแก้ไขให้
.
ต่อมา เวลาที่ผมมาทำงาน ผมก็ไม่เคยเห็นเงาดำๆมายืนบริเวณใกล้เคียงกับที่ผมนั่งทำงานอีกเลย
.
หลังจากที่ผมไปทำงาน ผมก็หาเวลาไปแก้บนตามสถานที่ต่างๆ จนครบถ้วน และ ไม่ติดเรื่องการบน ครับ
เท่าที่จำได้ในตอนนี้ ผมไปแก้บนที่ศาลพระพรหม(ที่โรงพยาบาลกรุงธน) และ ศาลพระพรหม(ที่สี่แยกราชประสงค์)
.
ผมเคยนำเรื่องนี้ ไปคุยกับ ครูบาอาจารย์ของผม ท่านก็บอกผมในลักษณะนี้เช่นกัน ว่า พระภูมิไม่พอใจผมมาก หรือ ผมอาจจะโดนพวกยาสั่งก็ได้
.
ผมขอเพิ่มเติมก็คือ เรื่องอาหารการกิน ต้องมีความระมัดระวังกันให้มากๆด้วยเช่นกัน
.
หลังจากที่ผมไปทำงานแล้ว ผมยังคงต้องไปพบแพทย์อีก (แต่จำไม่ได้แล้วว่า ไปอีกกี่ครั้ง) แต่ในครั้งสุดท้ายที่ไปพบแพทย์ ผมได้ถามว่า สรุปแล้วที่ผมไม่สบายในครั้งนี้ เนื่องจากสาเหตุอะไร ทางแพทย์ผู้รักษาผม ตอบกับผมมาว่า หาสาเหตุที่ผมไม่สบายไม่เจอ เพราะการตรวจหาสาเหตุ ตรวจกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของการตรวจเลือด , ตรวจปัสสาวะ และ อื่นๆ และ ไม่ต้องรู้แล้วว่า ป่วยเป็นอะไร ให้รู้แค่ว่า ที่ป่วยนั้น ทางหมอรักษาให้หายป่วยแล้ว และ ไม่ต้องมาหากันอีก
.
.
.
สุดท้ายที่ขอฝากบอกกัน ก็คือ อย่าประมาทในชีวิต
เรื่องใดที่เป็นเรื่องที่ดี และ เป็นการสร้างบุญกุศลให้กับตนเอง ให้รีบทำกันครับ
ชีวิตคนเราไม่แน่นอน
ไม่มีใครที่กำหนดวันตายได้ (ยกเว้นคนที่ฆ่าตัวตาย)
ไม่มีใครที่รู้วันที่ตายได้ (ยกเว้นอริยบุคคลที่เป็นอรหันต์ หรือ อนาคามี)
.
.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
.
คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒
.
[๑๒] ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชนเหล่าใดประมาทแล้วย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว
.
บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทราบเหตุนั่นโดยความแปลกกันแล้ว ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท ยินดีแล้วในธรรมอันเป็นโคจรของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเหล่านั้น เป็นนักปราชญ์ เพ่งพินิจ มีความเพียรเป็นไปติดต่อมีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องนิพพานอันเกษมจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานอันสะอาด ผู้ใคร่ครวญแล้วจึงทำผู้สำรวมระวัง ผู้เป็นอยู่โดยธรรม และผู้ไม่ประมาท ผู้มีปัญญาพึงทำที่พึ่งที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้ ด้วยความหมั่นความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความฝึกตน
.
ชนทั้งหลายผู้เป็นพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบตามความประมาท
ส่วนนักปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาท เหมือนทรัพย์อันประเสริฐสุด
.
ท่านทั้งหลายอย่าประกอบตามความประมาทอย่าประกอบการชมเชยด้วยสามารถความยินดีในกามเพราะว่าคนผู้ไม่ประมาทแล้ว เพ่งอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์เมื่อใด บัณฑิตย่อมบรรเทาความประมาทด้วยความไม่ประมาทเมื่อนั้นบัณฑิตผู้มีความประมาทอันบรรเทาแล้วนั้น ขึ้นสู่ปัญญาดุจปราสาท ไม่มีความโศก ย่อมพิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้มีความโศก นักปราชญ์ย่อมพิจารณาเห็นคนพาล เหมือนบุคคลอยู่บนภูเขามองเห็นคนผู้อยู่ที่ภาคพื้น
.
ฉะนั้น ผู้มีปัญญาดี เมื่อสัตว์ทั้งหลายประมาทแล้ว ย่อมไม่ประมาทเมื่อสัตว์ทั้งหลายหลับ ย่อมตื่นอยู่โดยมาก ย่อมละบุคคลเห็นปานนั้นไป ประดุจม้ามีกำลังเร็วละม้าไม่มีกำลังไป
.
ฉะนั้นท้าวมัฆวานถึง ความเป็นผู้ประเสริฐ ที่สุดกว่า เทวดาทั้งหลายด้วยความไม่ประมาท บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท ความประมาทบัณฑิตติเตียนทุกเมื่อ ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท เผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป ดังไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไป
.
ฉะนั้นภิกษุผู้ยินดีแล้วในความไม่ประมาทหรือเห็นภัยใน ความประมาทเป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อมรอบ ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ
.
จบอัปปมาทวรรคที่ ๒
.

sithiphong:
.
.
.
มาเล่าต่อ ที่ทำงานเก่า (ที่เกิดเหตุที่ผมไปนอนที่โรงพยาบาลกรุงธน)
.
วันนั้นทำงานตอนมืด พี่ทำงานชั้นล่าง
ที่ทำงานมีชั้นลอย  และ ชั้น 2 กับ ชั้น 3
.
ปรากฎว่า วันนั้น ได้ยินเสียงคนเดิน เป็นเสียงรองเท้าแตะ เดินจากชั้นลอย ลงมาชั้นล่าง
ได้ยินชัดมาก
.
พอเสียงเดินลงมาถึงชั้นล่างแล้ว
.
ผมก็เลยตะโกนไปว่า งั้นก็กลับบ้านแล้ว
ตะโกนเสร็จ ก็เซฟงาน ปิดเครื่อง ปิดแบงค์ กลับบ้านเลย ครับ
.
แต่ก็ไม่ได้กลัวอะไร
.
อีกครั้ง วันรุ่งขึ้นจะทำบุญแบงค์
วันนั้นอยู่ค่ำมาก ถ้าจำไม่ผิด น่าจะประมาณ 1 - 2 ทุ่ม
.
กำลังจะกลับบ้าน มาปิดประตูด้านหลัง  (จะมีประตู 2 ชั้น  ชั้นแรก เป็นประตูที่เป็นเหล็กซี่ๆ  ต้องเลื่อนมาแล้วล็อคกุญแจ  ส่วนประตูอีกชั้น เป็นบานประตูเหล็ก)
.
มีประตูที่ชั้นลอย ที่อยู่ด้านหลัง (สามารถเดินลงมา เพื่อกลับบ้านได้  ลักษณะประตู เป็นเหล็กซี่ที่ต้องเลื่อนลงมาเพื่อล็อคกุญแจ)
.
พอปิดประตูเหล็ก กำลังจะเดินออกไป ปรากฎว่า มีเสียงเขย่าประตู(ที่เป็นเหล็กซี่ๆ) ที่อยู่ชั้นลอย เสียงนั้นชัดมาก
.
ตอนนั้น ตกใจ กลัวว่า จะมีคนแอบอยู่ข้างใน รอเวลาจะงัดแบงค์
.
ก็เลยเปิดประตูเข้าไป  ไปเดินดูตั้งแต่ชั้น 3 , ชั้น 2 , ชั้นลอย , ห้องน้ำทุกห้อง , ชั้นล่าง และในห้องผู้จัดการด้วย
.
ปรากฎว่า ไม่มีอะไรผิดสังเกตุเลย
.
สุดท้ายก็เลยมาล็อคประตูด้านหลัง
.
พอล็อกประตูเสร็จ ก็ตะโกนไปว่า พรุ่งนี้ จะไปบอกกับพี่ ให้จัดเตรียมอาหาร แล้วจะนำมาให้กิน
.
วันรุ่งขึ้น ก็ไปเล่าให้พี่เขาฟัง  ตอนแรกพี่เขาจะไม่ทำ บอกเพ้อเจ้อ
.
ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร  แต่อีกสักพัก  พี่เขาก็นำอาหารมาให้  บอกว่า ให้ผมไปถวายเอง
.
.
.
.

--- อ้างจาก: sithiphong ที่ กันยายน 17, 2022, 09:42:52 pm ---.
วันนี้ (วันที่ 17 กันยายน 2565)
ผมมาเล่าสู่กันฟัง จากประสบการณ์ตรงที่ผมเคยผ่านการตายมาแล้ว
.
ชีวิตคนเราไม่เคยมีอะไรแน่นอน
อย่ามัวแต่ไปหลงอยู่กับ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ
แต่ต้องทำความดี หมั่นทำบุญตามหลักธรรมะที่ถูกต้อง
นั่น คือ บุญกิริยาวัตถุ10 ที่เป็นวิธีการทำบุญที่ถูกต้อง
.
บุญกิริยาวัตถุ 10 มีดังนี้
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม (พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต))
บุญกิริยาวัตถุ 10 (ที่ตั้งแห่งการทำบุญ, ทางทำความดี — bases of meritorious action)
1. ทานมัย (ทำบุญด้วยการให้ปันสิ่งของ — meritorious action consisting in generosity; merit acquired by giving)
2. สีลมัย (ทำบุญด้วยการรักษาศีลหรือประพฤติดี — by observing the precepts or moral behavior)
3. ภาวนามัย (ทำบุญด้วยการเจริญภาวนาคือฝึกอบรมจิตใจ — by mental development)
4. อปจายนมัย (ทำบุญด้วยการประพฤติอ่อนน้อม — by humility or reverence)
5. เวยยาวัจจมัย (ทำบุญด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้ — by rendering services)
6. ปัตติทานมัย (ทำบุญด้วยการเฉลี่ยส่วนแห่งความดีให้แก่ผู้อื่น — by sharing or giving out merit)
7. ปัตตานุโมทนามัย (ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น — by rejoicing in others’ merit)
8. ธัมมัสสวนมัย (ทำบุญด้วยการฟังธรรมศึกษาหาความรู้ — by listening to the Doctrine or right teaching)
9. ธัมมเทสนามัย (ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ — by teaching the Doctrine or showing truth)
10. ทิฏฐุชุกัมม์ (ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง — by straightening one’s views or forming correct views)
ข้อ 4 และข้อ 5 จัดเข้าในสีลมัย; 6 และ 7 ในทานมัย; 8 และ 9 ในภาวนามัย; ข้อ 10 ได้ทั้งทาน ศีล และภาวนา
.
.
.
เพราะเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถที่จะทำบุญได้อีก (ยกเว้นแต่ พระสงฆ์ หรือ ฆารวาส ที่ปฏิบัติธรรมมาจนได้อริยบุคคล อนาคามี ที่จะไปปฏิบัติต่อที่พรหมชั้นสุทธาวาส เพื่อบรรลุอรหันต์ ที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด)
.
มาเริ่มกันเลย จากประสบการณ์ตรงของตัวผมเอง ครับ
.
เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2546 วันนั้นเป็นวันหยุดงาน แต่เนื่องจากงานผมเองมีมาก ผมจึงเข้าไปทำงาน ผมถึงที่ทำงานประมาณ 9 โมงเข้า(กว่าๆ) ผมเองก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนบ่าย ผมรู้สึกหิวข้าว แต่เนื่องจากความขี้เกียจเดินไปซื้อข้าว ผมก็เลยเข้าไปที่ มินิมาร์ท ใกล้ๆที่ทำงาน เข้าไปซื้อไส้กรอกมา 2 อัน ตอนนั้น ผมเห็นพนักงานหยิบไส้กรอกออกมาจากตู้เย็น ที่ไส้กรอกมีคราบสีขาว พนักงานก็นำไปล้างทำความสะอาด แล้วนำมาอบให้ความร้อน ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไร พอซื้อเสร็จก็กลับมากินในที่ทำงาน พร้อมกับ กินกาแฟร้อน 1 แก้ว
.
ให้หลังไปประมาณ 45 นาที ผมมีความรู้สึกว่า ร้อนมาก มีเหงื่อออก พะอืดพะอมมวนท้องมาก และปวดท้อง ผมเองคิดว่า สงสัยไส้กรอกที่กินน่าจะเสีย ผมก็เลยไปเข้าห้องน้ำ(ไปถ่าย) พอออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เลยล้วงคอ เพื่อเอาไส้กรอกที่กินเข้าไป(ทำให้อ้วก)ออกมา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น มีอาการที่เพิ่มขึ้นก็คือ หมดแรง
.
ตอนนั้น ผมคิดว่า จะไปโรงพยาบาล แต่ เนื่องด้วยไม่มีแรงเลย ผมก็เลยโทร.ไปหาเพื่อนผม (คือ คิม) ให้มาหาผม และ ขอให้รับผมไปโรงพยาบาล พอเพื่อนผมมาถึงที่ทำงาน เพื่อนผมก็ปิดที่ทำงานให้ และ พาผมไปโรงพยาบาล (มาขอบคุณเพื่อนคิม ที่วันนั้นมาช่วยเหลือในการส่งผมเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง)
.
เพื่อนคิม นำผมไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่ทำงาน(มาก) ผมไปถึงโรงพยาบาลกรุงธน น่าจะประมาณ 3 - 4 โมงเย็น พยาบาลก็ได้นำตัวผมเข้าไปอยู่ในห้องพิเศษ และ ได้แจ้งกับทางครอบครัวผม ทางครอบครัวก็ได้มาหาผมที่โรงพยาบาล
.
ในคืนแรกที่นอนในโรงพยาบาล ผมเองก็ไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่ น้องชายผม (น้องตุ้ย) ได้นอนอยู่เป็นเพื่อน น้องตุ้ยได้เล่าให้ฟังว่า ทางพยาบาลได้เข้ามาฉีดยาให้ผมหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ผมเกิดอาการช็อก หัวใจหยุดเต้น ทางน้องชายผมก็ได้รีบแจ้งพยาบาลให้เข้ามาดูอาการ ทางพยาบาลได้เข้ามาปั๊มหัวใจผม และนำตัวผมเข้าไปในห้อง ICU (ในขณะนั้น ผมไม่รู้สึกตัวแล้ว)
.
ในช่วง 2 วันแรกที่อยู่ในห้อง ICU ผมไม่รู้สึกตัวเลย แต่เหมือนกับผมฝันไปว่า ผมไปเดินรอบ วอร์ดพยาบาล ไปดูพยาบาลนั่งทำงาน แต่พยาบาลก็ไม่ได้เงยหน้ามาหาผม แล้วผมก็เดินวนไปเวียนมา ไม่รู้ว่าจะไปไหนดี พอเดินได้สักพัก ความรู้สึกนั้นก็หายไป
ในช่วงนั้น มีหลายคนมาเยี่ยมผม รวมทั้ง ภรรยา(ในตอนนั้นยังไม่ได้แต่งงานกัน) และ แม่ยาย ทางแม่ยายผม เล่าให้ผมฟัง(ทีหลัง) ว่า ขาผมเย็นมาถึงหัวเข่าแล้ว และ มีหลายคนที่ไปบนกับศาลพระพรหมที่โรงพยาบาล (แม่ยาย , ภรรยา และ คนในครอบครัว) ขอให้ผมหายจากอาการป่วย มีเพื่อนผมคนหนึ่ง คือ ปุ้ย ปุ้ยได้ไปบนกับ รูปองค์พยามัจจุราช(ที่ผมตั้งไว้ไหว้ในที่ทำงาน) ว่า ถ้าผมหายจากอาการป่วย จะให้ผมไปแก้บนเอง
.
ในวันที่ 3 ของการอยู่ในห้อง ICU ผมฟื้นขึ้นมา ตัวผมเต็มไปด้วยสายที่ต่อจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ , สายน้ำเกลือ และ ผมใส่ท่อช่วยหายใจอีกด้วย ในวันนี้ ผมยังมีอาการสลึมสลืออยู่บ้าง แต่ก็พอที่จะคุยได้บ้าง (จากคำบอกเล่าของภรรยาผม และ คนในครอบครัว)
.
พอเข้าวันที่ 4 ในห้อง ICU ผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ และในวันนี้ ผมได้ถอดเ(ท่อ)ครื่องช่วยหายใจออก(ในช่วงเช้า ถ้าจำไม่ผิด) วันนี้ เริ่มหัดเดิน ผมรู้ว่า คนที่เดินไม่เป็น เป็นอย่างไร เพราะไม่รู้ว่า จะก้าวขาออกไปอย่างไร
ตอนที่หัดเดิน ผมได้ออกไปนอกห้องเป็นครั้งแรก ได้ไปเห็นวอร์ดพยาบาล พอเห็นเท่านั้น ผมรู้เลยว่า ผมเคยมาเดินรอบวอร์ดพยาบาล นี้แล้ว วอร์ดพยาบาล ที่เห็นนั้น เหมือนกับ วอร์ดพยาบาล ที่ผมฝันเห็นเลยครับ
.
ในวันที่ 5 ผมได้ย้ายไปอยู่ในห้องพิเศษ จนกระทั่ง วันที่ 10 ของการอยู่โรงพยาบาล ผมจึงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วมาพักฟื้นต่อที่บ้าน
.
ในช่วงพักฟื้น ทางแม่ยาย(และภรรยา)ผมได้มาหาผม มาเล่าให้ฟังว่า ผมเองได้ตายไปแล้ว แต่เนื่องจากยังมีบุญอยู่ รวมทั้งมีหลายคนที่ไปบนบานกันไว้ ทำให้ผมรอดตายมาได้ ที่สำคัญก็คือ พระภูมิที่ทำงานผม จะเล่นงานผมให้ถึงตาย ผมจึงเล่าให้แม่ยายฟังว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ ที่ทำงานผมได้มีการทำความสะอาดในที่ทำงาน ผมไปเห็นศาลพระภูมิ สกปรก มีใบไม้ร่วงหล่นที่ศาลเยอะ ผมก็เลยให้ลูกน้องไปทำความสะอาด ผมไปขอขมาก่อนที่จะให้ลูกน้องไปทำความสะอาด โดยการนำใบไม้ออก นำตุ๊กตานางรำ ออกมาทำความสะอาด แต่บังเอิญผมไปเห็นในศาลพระภูมิสกปรก ผมจึงยกมือไหว้ขอขมา แล้วให้ลูกน้องอัญเชิญ องค์พระภูมิออกมาจากศาล แต่ไม่มีใครกล้า ผมจึงเป็นคนที่อัญเชิญองค์พระภูมิออกมาจากศาล แล้วให้ลูกน้องทำความสะอาดภายในศาล จนสะอาด หลังจากนั้น ผมจึงอัญเชิญ พระภูมิเข้าไปตั้งภายในศาลใหม่
.
ทางแม่ยายผม จึงได้บอกว่า พระภูมิท่านโกรธมาก ที่ไปจับต้ององค์ท่าน แต่ผมบอกแม่ยายไปว่า ผมมีเจตนาดีที่จะทำความสะอาดภายในศาลให้ แม่ยายผมบอกต่อไปว่า พระภูมิท่านไม่ชอบให้ใครไปแตะต้ององค์ท่าน
.
วันที่ผมไปทำงานวันแรก ผมเข้าไปที่ศาลพระภูมิ (แต่ผมไม่ได้ยกมือไหว้) ผมไปบอกว่า ผมมีเจตนาดีที่จะทำความสะอาดภายในศาลให้ ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย แต่มาทำกับผมแบบนี้ ผมไม่พอใจเช่นกัน หลังจากนี้ไป ต่างคนต่างอยู่ และ ผมไม่ไหว้พระภูมิอีกเลย
.
หลังจากนั้น เวลาที่ผมทำงาน ผมมักจะเห็นเงาดำๆ มายืนในบริเวณใกล้เคียงกับที่ผมทำงานอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่ง ผมได้พระขรรค์ด้ามองค์ท้าวเวสสุวรรณ (เป็นพระขรรค์ของวังหน้า) ผมจึงไปบอกกับพระภูมิอีกครั้งว่า ต่อไปนี้ ต่องคนต่างอยู่ อย่ามารบกวนกัน อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะขังพระภูมิไว้ที่ตรงนี้ ไปตลอดกาล จนกว่าจะมี อริยบุคคล มาแก้ไขให้
.
ต่อมา เวลาที่ผมมาทำงาน ผมก็ไม่เคยเห็นเงาดำๆมายืนบริเวณใกล้เคียงกับที่ผมนั่งทำงานอีกเลย
.
หลังจากที่ผมไปทำงาน ผมก็หาเวลาไปแก้บนตามสถานที่ต่างๆ จนครบถ้วน และ ไม่ติดเรื่องการบน ครับ
เท่าที่จำได้ในตอนนี้ ผมไปแก้บนที่ศาลพระพรหม(ที่โรงพยาบาลกรุงธน) และ ศาลพระพรหม(ที่สี่แยกราชประสงค์)
.
ผมเคยนำเรื่องนี้ ไปคุยกับ ครูบาอาจารย์ของผม ท่านก็บอกผมในลักษณะนี้เช่นกัน ว่า พระภูมิไม่พอใจผมมาก หรือ ผมอาจจะโดนพวกยาสั่งก็ได้
.
ผมขอเพิ่มเติมก็คือ เรื่องอาหารการกิน ต้องมีความระมัดระวังกันให้มากๆด้วยเช่นกัน
.
หลังจากที่ผมไปทำงานแล้ว ผมยังคงต้องไปพบแพทย์อีก (แต่จำไม่ได้แล้วว่า ไปอีกกี่ครั้ง) แต่ในครั้งสุดท้ายที่ไปพบแพทย์ ผมได้ถามว่า สรุปแล้วที่ผมไม่สบายในครั้งนี้ เนื่องจากสาเหตุอะไร ทางแพทย์ผู้รักษาผม ตอบกับผมมาว่า หาสาเหตุที่ผมไม่สบายไม่เจอ เพราะการตรวจหาสาเหตุ ตรวจกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของการตรวจเลือด , ตรวจปัสสาวะ และ อื่นๆ และ ไม่ต้องรู้แล้วว่า ป่วยเป็นอะไร ให้รู้แค่ว่า ที่ป่วยนั้น ทางหมอรักษาให้หายป่วยแล้ว และ ไม่ต้องมาหากันอีก
.
.
.
สุดท้ายที่ขอฝากบอกกัน ก็คือ อย่าประมาทในชีวิต
เรื่องใดที่เป็นเรื่องที่ดี และ เป็นการสร้างบุญกุศลให้กับตนเอง ให้รีบทำกันครับ
ชีวิตคนเราไม่แน่นอน
ไม่มีใครที่กำหนดวันตายได้ (ยกเว้นคนที่ฆ่าตัวตาย)
ไม่มีใครที่รู้วันที่ตายได้ (ยกเว้นอริยบุคคลที่เป็นอรหันต์ หรือ อนาคามี)
.
.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
.
คาถาธรรมบท อัปปมาทวรรคที่ ๒
.
[๑๒] ความไม่ประมาท เป็นทางเครื่องถึงอมตนิพพาน ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย ชนผู้ไม่ประมาทย่อมไม่ตาย ชนเหล่าใดประมาทแล้วย่อมเป็นเหมือนคนตายแล้ว
.
บัณฑิตทั้งหลายตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ทราบเหตุนั่นโดยความแปลกกันแล้ว ย่อมบันเทิงในความไม่ประมาท ยินดีแล้วในธรรมอันเป็นโคจรของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านเหล่านั้น เป็นนักปราชญ์ เพ่งพินิจ มีความเพียรเป็นไปติดต่อมีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ย่อมถูกต้องนิพพานอันเกษมจากโยคะ หาธรรมอื่นยิ่งกว่ามิได้ ยศย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานอันสะอาด ผู้ใคร่ครวญแล้วจึงทำผู้สำรวมระวัง ผู้เป็นอยู่โดยธรรม และผู้ไม่ประมาท ผู้มีปัญญาพึงทำที่พึ่งที่ห้วงน้ำท่วมทับไม่ได้ ด้วยความหมั่นความไม่ประมาท ความสำรวมระวัง และความฝึกตน
.
ชนทั้งหลายผู้เป็นพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบตามความประมาท
ส่วนนักปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาท เหมือนทรัพย์อันประเสริฐสุด
.
ท่านทั้งหลายอย่าประกอบตามความประมาทอย่าประกอบการชมเชยด้วยสามารถความยินดีในกามเพราะว่าคนผู้ไม่ประมาทแล้ว เพ่งอยู่ ย่อมถึงสุขอันไพบูลย์เมื่อใด บัณฑิตย่อมบรรเทาความประมาทด้วยความไม่ประมาทเมื่อนั้นบัณฑิตผู้มีความประมาทอันบรรเทาแล้วนั้น ขึ้นสู่ปัญญาดุจปราสาท ไม่มีความโศก ย่อมพิจารณาเห็นหมู่สัตว์ผู้มีความโศก นักปราชญ์ย่อมพิจารณาเห็นคนพาล เหมือนบุคคลอยู่บนภูเขามองเห็นคนผู้อยู่ที่ภาคพื้น
.
ฉะนั้น ผู้มีปัญญาดี เมื่อสัตว์ทั้งหลายประมาทแล้ว ย่อมไม่ประมาทเมื่อสัตว์ทั้งหลายหลับ ย่อมตื่นอยู่โดยมาก ย่อมละบุคคลเห็นปานนั้นไป ประดุจม้ามีกำลังเร็วละม้าไม่มีกำลังไป
.
ฉะนั้นท้าวมัฆวานถึง ความเป็นผู้ประเสริฐ ที่สุดกว่า เทวดาทั้งหลายด้วยความไม่ประมาท บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญความไม่ประมาท ความประมาทบัณฑิตติเตียนทุกเมื่อ ภิกษุยินดีแล้วในความไม่ประมาท หรือเห็นภัยในความประมาท เผาสังโยชน์น้อยใหญ่ไป ดังไฟไหม้เชื้อน้อยใหญ่ไป
.
ฉะนั้นภิกษุผู้ยินดีแล้วในความไม่ประมาทหรือเห็นภัยใน ความประมาทเป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะเสื่อมรอบ ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ
.
จบอัปปมาทวรรคที่ ๒
.

--- End quote ---

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version