ประชาสัมพันธ์ > ประชาสัมพันธ์ทางธรรม
ชมรมพระวังหน้า เพื่อพระวังหน้าและงานบุญต่างๆ
sithiphong:
.
สำหรับการเรียนรู้ เรื่องราวประวัติของ หลวงปู่เทพโลกอุดร
.
ผมเรียนตามหนังสือ 2 เล่มนี้(เท่านั้น) คือ
- หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
และ
- หนังสือหนังสือ พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย
พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต ป.ธ.6) วัดโสมนัสราชวรวิหาร
.
และ ผมเรียนรู้จาก ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ที่ท่านได้เล่าให้ฟังนอกเหนือจากข้อมูลในหนังสือ
รวมทั้ง ได้รับฟังข้อมูลจาก พระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง
.
.
.
ส่วนเรื่อง พระวังหน้า ที่ผมเรียนรู้จากหนังสือฯ ผมเรียนรู้จากหนังสือ 2 เล่มนี้(เท่านั้น) คือ
- หนังสือวิเคราะห์พระพิมพ์สมเด็จฯและสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
และ
- หนังสือปู่เล่าให้ฟัง
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
และ ผมเรียนรู้จาก ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร และ ฆารวาสอีก 1 ท่าน โดยการเรียนรู้จากพระวังหน้าองค์จริงๆ
การเรียนรู้นั้น เรียนทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
ผมได้เห็นพระวังหน้า ผ่านสายตาผมมา น่าจะไม่ต่ำกว่าเป็นหมื่นองค์
.
หมายเหตุ ผมเคยอธิบายไปหลายรอบแล้วว่า ทำไมผมใช้คำว่า พลังอิทธิคุณ
ลองไปหาอ่านกันดู ครับ
.
ส่วนหนังสืออื่นๆ ที่ผมเคยไปซื้อมาศึกษาในสมัยเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ผมเก็บลงลังไปทั้งหมดแล้ว
ในหนังสือเหล่านั้น เพิ่มเติม และ แต่งเติม เป็นนวนิยาย มีการเพิ่มเรื่องราวของปาฏิหาริย์จนมากเกินไป
.
.
.
ผมมาบอกเพิ่มเติม
.
หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านคือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
ดังนั้น คำสอนของหลวงปู่เทพโลกอุดร ก็คือ นำ พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม พระโคตมพุทธเจ้า ( หรืออีกชื่อ พระสมณโคดมพุทธเจ้า) มาสอนให้กับผู้คนทั่วไป ครับ
.
.
.
.
หลวงปู่เทพโลกอุดร คือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ ปี พ.ศ.235
.
คำบูชา (บทสวด) ของ หลวงปู่เทพโลกอุดร (คือ คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ ปี พ.ศ.235)
โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
.
.
องค์ที่ 1 คือ #พระอุตตระเถระเจ้า หรือ พระอุตระเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ดำ
.
รูปร่างสันทัดผิวกายค่อนข้างดำคล้ำ มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้า บรรลุอภิญญาหก และปฎิสัมภิทาญาณ ใจดีประกอบด้วยเมตตา มีอารมณ์ขัน มีสภาวะจิตที่รวดเร็วมาก มีความเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า
.
พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีพุทธกาล 287
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 ปีพุทธกาล 288
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 510)
หมายเหตุ ปีพุทธกาล 288 ผมนับจากวันที่พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ(นิพพาน) คือ อยู่ในเดือน 1 ครับ
.
.
องค์ที่ 2 คือ #พระโสณะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ตีนโต และเป็นหัวหน้าคณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ
.
รูปกายสูงใหญ่ผิวดำ ทรงคุณสมบัติเหมือนกับ พระอุตรเถระเจ้า เว้นวิชาแพทย์ ใจดี เยือกเย็น ประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผนเหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร และเป็นน้องชายของพระอุตระเถระจ้า
.
พระโสณะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264
มีการเก็บธาตุ ด้านหน้าพระพุทธรูป ที่ พระอุโบสถ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 497)
.
.
องค์ที่ 3 คือ #พระมูนียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เทพโลกอุดร หรืออีกชื่อ #บรมครูมูนียะโลกอุดร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่อิเกสาโร หรืออีกชื่อ #หลวงปู่เดินหน หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ในดง หรืออีกชื่อ #หลวงปู่โพรงโพ (เดิมพิมพ์ว่า #หลวงปู่โพรงโพธิ์ เป็นการพิมพ์ผิด)
.
มีบุคลิกภาพสง่างาม มีความเชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบเจริญอสุภกรรมฐาน 10 (ภาพในนิมิตร มักจะปรากฎเส้นเกสายาวจรดเอว)
.
พระมูนียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 298
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 298
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)
.
.
องค์ที่ 4 คือ #พระฌานียะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อกบวัดเขาสาริกา #วัดเขาสาริกา ลพบุรี (เดิมที่พิมพ์ไว้ #หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นการพิมพ์ผิด)
.
มีรูปกายค่อยข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาว มีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี
.
พระฌาณียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 506 - 507)
.
.
องค์ที่ 5 คือ #พระภูริยะเถระเจ้า หรืออีกชื่อ #หลวงปู่หน้าปาน หรืออีกชื่อ #หลวงพ่อโอภาสี #วัดโอภาสี กรุงเทพ
.
สำเร็จปรอท ล่องหนย่นระยะทางเก่ง
.
พระภูริยะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 295
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 295
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)
.
.
.
.
.
หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ) ในสายที่ 8 จาก 9 สายของคณะพระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ข้อมูลจาก หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร
.
หมายเหตุ ในหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร เขียนคำว่า สุวัณณภูมิ แต่ในที่นี้ ผมขอใช้คำว่า สุวรรณภูมิ แทน เนื่องจากน่าจะเข้าใจกันได้ง่ายกว่า)
.
พระอุปัชฌาย์ของคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ คือ พระมหาโมคคัลลีปุตตติสสเถร ที่ท่านเป็นผู้เลือกคณะโสณะอุตตระ มาเป็นคณะพระธรรมทูตมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
(พระมหาโมคคัลลีปุตตติสสเถร เป็นพระอุปัชฌาย์ของ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า)
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 428)
.
คณะคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ เดินทางมาโดยทางเรือ มาถึงถิ่นสุวรรณภูมิที่เมืองทอง (ไม่ทราบว่า อยู่ในจังหวัดไหน) เมื่อเดือนอ้าย ขึ้น 14 ค่ำ ปีพุทธกาล 235 (ปีไทยฉลู) โดยอยู่ที่วัดปุณณาราม
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 439)
.
พระโสณะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 264
มีการเก็บธาตุ ด้านหน้าพระพุทธรูป ที่ พระอุโบสถ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 497)
.
พระฌาณียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันแรม 15 ค่ำ เดือน 8 ปีพุทธกาล 278
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 506 - 507)
.
พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 ปีพุทธกาล 287
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 1 ปีพุทธกาล 288
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 510)
หมายเหตุ ปีพุทธกาล 288 ผมนับจากวันที่พระอุตตระเถระเจ้า ท่านมรณภาพ(นิพพาน) คือ อยู่ในเดือน 1 ครับ
.
พระภูริยะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 295
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 295
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)
.
พระมูนียะเถระเจ้า ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 298
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีพุทธกาล 298
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 511)
.
พระโสณะเถระเจ้า ได้บวชให้กับ พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี) ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปี 236 โดยมี พระโสณะเถระเจ้า เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุตตระเถระเจ้า เป็นผู้สวดญัตติจตุุถกัมวาจา และ พระฌาณียะเถระเจ้า เป็นผู้สอนอนุสาสน
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 440)
.
พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี) (ธัมมปาโมกขสังฆราช) ท่านมรณภาพ (นิพพาน) วันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 313
เข้าชุมไฟ (การประชุมเพลิง) วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 3 ปีพุทธกาล 314
มีการเก็บธาตุ ที่ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 539)
.
ชื่อ พระญาณจรเถระเจ้า (ดี หรือ ทองดี)
ญาณจรโณ ดี (หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 440)
ญาณจรโณ ทองดี (หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 539)
.
ชื่อ วัดศรีมหาธาตุแดนลว้า
โลกกนลว เมืองสุวัณณภูมิ ผู้โปรสเห้าหม่อมเมีย(ก้านตาเทวี) เป็นผู้ให้สร้างวัดศรีมหาธาตุแดนลว้า เมื่อวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีพุทธกาล 238
(หนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย หน้าที่ 443-444)
.
Sithiphong (Noom Wangna) ผู้เรียบเรียง โดยเรียบเรียงมาจากหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ์ ราชบุรีวัตถุกถา ตำนานเมืองขุนไทย เขียนโดย พระราชกวี (อ่ำ ธมมทตโต) วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร
.
.
.
หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ) ข้อมูลจาก หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
พระอุตรเถระเจ้า
รูปร่างสันทัดผิวกายค่อนข้างดำคล้ำ มีจิตเยี่ยงพระโพธิสัตว์เจ้า บรรลุอภิญญาหก และปฎิสัมภิทาญาณ ใจดีประกอบด้วยเมตตา มีอารมณ์ขัน มีสภาวะจิตที่รวดเร็วมาก มีความเชี่ยวชาญในวิชาแพทย์และเภสัชกรรม เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า
.
พระโสณะเถระเจ้า
รูปกายสูงใหญ่ผิวดำ ทรงคุณสมบัติเหมือนกับ พระอุตรเถระเจ้า เว้นวิชาแพทย์ ใจดี เยือกเย็น ประกอบด้วยเมตตาธรรม ชอบผาดโผนเหินฟ้านภาลัยโขดเขินเนินไศลเป็นที่สัญจร และเป็นน้องชายของพระอุตรเถระจ้า
.
พระมูนียะเถระเจ้า
มีบุคลิกภาพสง่างาม มีความเชี่ยวชาญในวิชาแปรธาตุ เป็นผู้คงแก่เรียน ชอบเจริญอสุภกรรมฐาน 10 (ภาพในนิมิตร มักจะปรากฎเส้นเกสายาวจรดเอว)
.
พระฌาณียะเถระเจ้า
มีรูปกายค่อยข้างสูงใหญ่ ขนตาดกยาว มีอำนาจ แต่ขี้เล่นใจดี
.
พระภูริยะเถระเจ้า
สำเร็จปรอท ล่องหนย่นระยะทางเก่ง
.
(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 23 - 25)
.
คณะคณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ เดินทางมาโดยทางเรือ มาถึงถิ่นสุวรรณภูมิ โดยได้มาพักที่ วัดช้างค่อม (นครศรีธรรมราช) เมื่อวันขึ้น 14 คำ เดือน 1 พุทธศักราช 235
(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 10)
.
พระอุตรเถระเจ้า เป็นพี่ชายของพระโสณะเถระเจ้า
พระโสณะเถระเจ้า เป็นน้องชายของพระอุตรเถระจ้า
(หนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร หน้าที่ 11)
.
Sithiphong (Noom Wangna) ผู้เรียบเรียง โดยเรียบเรียงมาจากหนังสือบรมครูพระเทพโลกอุดร ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ผู้เขียน
.
.
.
.
.
ผม Sithiphong (Noom Wangna) ขอนำเรื่องราวของ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตตระ ที่มาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ จากการที่ พระเจ้าอโศกมหาราช ได้อาราธนามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ)
.
มายืนยันว่า หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่ประกอบด้วยแกนหลัก คือ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า) ได้มรณภาพกันไปทั้งหมดแล้ว และกายที่ท่านมีในปัจจุบันคือ อทิสมานกาย ไม่มีตัวตนที่แท้จริง แต่เนื่องจากการที่คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร มีการฝึกฤทธิ์มามาก ส่งผลให้สามารถทำให้อทิสมานกาย ปรากฎเป็นกายเนื้อได้
.
อีกเรื่องก็คือ ปัจจุบันมีรูป พระภิกษุที่เป็นรูปโครงกระดูก ที่ระบุเป็นรูปของหลวงปู่เดินหน (พระมูนียะเถระเจ้า) โครงกระดูกที่ปรากฎนั้น เป็นสิ่งที่หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า ท่านทำให้ปรากฎขึ้น เพื่อให้คนทั้งหลายที่ได้เห็น จะได้ระลึกถึงเรื่อง อสุภกรรมฐาน ส่วนกายของหลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า ได้มีการประชุมเพลิง(ฌาปนกิจ) ไปเมื่อปีพุทธกาล 298 (ตามข้อมูลด้านบนที่ผมนำมาให้อ่าน) แล้ว
.
ขอกราบในพระคุณของหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ( คณะพระธรรมทูต คณะโสณะอุตตระ ที่ประกอบด้วยแกนหลัก คือ พระโสณะเถระเจ้า , พระอุตตระเถระเจ้า , พระมูนียะเถระเจ้า , พระฌาณียะเถระเจ้า และ พระภูริยะเถระเจ้า) ที่ทำให้ดินแดนสุวรรณภูมิ มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ที่ทำให้ผู้คนได้มีหลักปฎิบัติตามหลักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อความหลุดพ้นในวัฏสงสาร มุ่งสู่แดนพระนิพพาน
.
โลกุตตะโร ปัญจะมหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทา เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ
.
กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
Sithiphong (Noom Wangna)
.
รูปและเนื้อหา สงวนลิขสิทธิ์
แต่อนุญาตให้นำไปลงยังเพจ.อื่นๆ หรือ นำไปลงในสื่อออนไลน์ทุกประเภท
และต้องระบุที่มาของ รูปและเนื้อหา
ดังนี้ ที่มาของรูปและเนื้อหา โดย Sithiphong (Noom Wangna) ชมรมพระวังหน้า
.
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร5พระองค์
.
#หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร
.
#คณะพระธรรมทูตคณะโสณะอุตระ
.
#สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
.
#หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
.
#พระเจ้าอโศกมหาราช
.
#ชมรมพระวังหน้า
.
#พระวังหน้า
.
.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=166285946100096&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
.
sithiphong:
.
สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน
วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566
.
.
มาเล่าสู่กันฟัง นำมาให้อ่านกัน
.
ผมและหมู่คณะ ได้จัดตั้งชมรมขึ้นมา โดยชมรมที่จัดตั้งขึ้นมานั้น
ครั้งแรก ผมตั้งชื่อชมรมคือ ชมรมรักษ์พระวังหน้า
แต่มีปัญหาภายในกันมากพอสมควร
มีกติกาและเงื่อนไขของชมรมรักษ์พระวังหน้า
แต่มีสมาชิกบางท่าน ไม่ได้สนใจในกติกาและเงื่อนไขของขมรมฯ
ผมจึงยุบชมรมรักษ์พระวังหน้า
.
ต่อมาผมมาตั้งชมรมใหม่ นั่นก็คือ ชมรมพระวังหน้า
โดยมีการจัดตั้งชมรมพระวังหน้าขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พุทธศักราช 2553
.
ชมรมพระวังหน้า จะมีผู้ที่ดำเนินการ(ที่เป็นหลัก)
1.ประธานชมรมพระวังหน้า
2.รองประธานชมรมพระวังหน้า
3.เลขานุการชมรมพระวังหน้า
.
และ ชมรมพระวังหน้า ก็ยังคงดำเนินการในงานบุญต่างๆมาจนถึงทุกวันนี้
เพียงแต่จะไม่ได้ออกสื่อมากนัก ครับ
.
.
อีกเรื่องที่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจของ ผมและสมาชิกชมรมพระวังหน้า นั่นก็คือ
.
ผมและคณะ ได้ค้นพบ พระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433
โดยมีการสร้างขึ้นในทวีปยุโรป และ สร้างในประเทศไทย
.
ในช่วงก่อนหน้าที่ผมและคณะได้ค้นพบพระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433
ไม่ปรากฎข้อมูลพระกริ่งปวเรศ (รุ่น 2) ที่สร้างขึ้นในปี 2433 ในที่ไหนเลย
.
ท่านผู้ให้สร้าง คือ กลุ่มลูกศิษย์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (สมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
.
- ในการจัดสร้างขึ้นในทวีปยุโรป มวลสาร(หลัก)ที่นำมาใช้ในการจัดสร้างคือ เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) (ที่เป็นโลหะเงินของทวีปยุโรป)
.
- ในการจัดสร้างขึ้นในประเทศไทย มวลสารที่นำมาใช้ในการจัดสร้างคือ ทองคำ , เงิน , นาค และ โลหะผสม
.
มีการนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง ในวาระสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชไทย พระองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ.2434
.
พระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี 2434) บางองค์หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ ท่านจารที่องค์พระ
และมีบางองค์ที่พระสงฆ์(ที่เป็นพระผู้ช่วยของหลวงปู่ฯ)เป็นผู้จารที่องค์พระ
.
ผมได้นำพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี2434) นำไปให้ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร และ อาจารย์(อีกท่าน)ของผม
ตรวจสอบทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต)
อาจารย์ของผมทั้งสองท่าน ยืนยันว่า พระกริ่งปวเรศที่ผมนำไปให้ท่านทั้งสองดู เป็นพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี2434)
.
ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านเคยบอกกับกลุ่มลูกศิษย์ว่า พระกริ่งปวเรศ(รุ่น ปี 2434)
เป็นพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 พลังอิทธิคุณครบทุกด้าน
.
ส่วนพระกริ่งปวเรศ รุ่นที่ 1 ใช้สำหรับการทำน้ำมนต์เพียงอย่างเดียว
.
.
การค้นพบเนื้อ เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) ของพระกริ่งปวเรศ รุ่น 2 (ปี 2434)
เนื่องจาก สมาชิกชมรมพระวังหน้าท่านหนึ่งที่ได้จากผมไป นำไปใช้ครีมขัดองค์พระ
ปรากฎว่า เนื้อภายในเป็นสีเงิน แต่ต่อมาทิ้งไว้(ขอไม่แจ้งระยะเวลา) ผลปรากฎว่า เนื้อสีเงินกลับเป็นสีทอง
.
ต่อมาเมื่อผมทราบเรื่อง ก็เลยนำไปคุยกับพี่ท่านหนึ่ง พี่ท่านนี้นำแก้วไวน์(เนื้อ เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver)) ที่ซื้อมาจากประเทศอิตาลี
นำมาให้ผมชม และ ผมได้ใช้ครีมขัดแก้วไวน์ ผลปรากฎว่า สีของแก้วจากเดิมเป็นสีเหลืองทอง กลายเป็นสีเงิน
.
ขอเล่าสู่กันฟัง เขียนมาให้อ่านเพียงเท่านี้
.
หมายเหตุ ปัจจุบันนี้ มีข้อมูลที่เกี่ยวกับพระกริ่งปวเรศอย่างมากมาย ให้ระมัดระวังกันให้มากที่สุด
หากไปศึกษาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแล้วนำไปเผยแพร่กันต่อ
เป็นการร่วมกันทำกรรม มุสาวาท และ ต่อตีนโจร อย่างที่ผมเคยบอกไว้ ครับ
.
หมายเหตุ รูปและเนื้อหา สงวนลิขสิทธิ์
.
#สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
#สมเด็จพระสังฆราชไทยพระองค์ที่8แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในปี2434
#พระกริ่งปวเรศรุ่น2
#พระกริ่งปวเรศรุ่นปี2434
#เงินสเตอร์ลิง
#SterlingSilver
.
.
ผมนำบทความเรื่อง เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) มาให้ได้อ่านกัน
.
เงิน...โลหะมีค่าที่ไม่ควรมองผ่าน
.
เงินจัดเป็นโลหะมีค่าที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ แต่มีราคาถูกกว่าทองคำโดยประมาณถึง 70 เท่า คุณสมบัติของเงินคล้ายทองคำ คือมีโครงสร้างผลึกแบบ FCC ทำให้สามารถแปรรูปได้ง่าย และมีสีขาวเงิน หรือเรียกว่า Silver White ซึ่งส่วนนี้ทำให้โลหะเงินมีผิวมันเงา และสามารถนำมาขัดมันได้อย่างดี ซึ่งคุณสมบัตินี้เพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้านศิลปะกรรมต่างๆ มีความเหนียวสูง และความสามารถในการตี้ขึ้นรูปได้ดี เมื่อเทียบกับโลหะชนิดอื่น ยกเว้นทองคำ มีการนำไฟฟ้าดีเยี่ยม จึงเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนได้ดีพอควร แต่เครื่องใช้และเครื่องประดับเงินนั้นก็มีข้อเสียคือ ผิวเงินเมื่อสัมผันกับอากาศเป็นเวลานานจะสามารถเปลี่ยนเป็นสีดำ ได้เนื่องจากทำปฏิกิริยากับกำมะถันในอากาศ (ธาตุซัลเฟอร์ หรือ สารประกอบที่มีซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบ) ทำให้เกิดความหมอง เงินนั้นมักพบเป็นผลพลอยได้จากการถลุงโลหะชนิดอื่นๆ เช่น ทองคำ ตะกั่ว ทองแดง เป็นต้น และเงินที่ใช้ในปัจจุบันก็มีหลากหลายประเภท ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบโลหะชนิดนี้ควรทำความเข้าใจกันไว้สักนิด
.
ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับปัจจุบันโลหะเงินถูกใช้เป็นโลหะหลักในการผสมในเครื่องประดับเงินประเภทต่างๆ หรือถูกใช้เป็นโลหะผสมในการผลิตเครื่องประดับทองคำ สำหรับการบอกความบริสุทธิ์ของเงินนั้นจะไม่ใช่หน่วยกะรัต เหมือนทองคำ แต่จะเรียกโดยใช้ค่าปริมาณ เนื้อเงินที่อยู่ในเครื่องประดับนั้น เช่นมีปริมาณเงินอยู่ 92.50 % เรียกกันในตลาดว่า Sterling Silver
.
เงินสเตอร์ลิง (Sterling Silver) โลหะมีเงินผสมชนิดนี้ยังเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เงินมาตรฐาน (Standard Silver) มีการใช้งานอย่างกว้างขวางมานานกว่า 800 ปี แล้ว ซึ่งกำเนิดของการใช้โลหะชนิดนี้มาจากสมัยโรมัน และเหรียญเงินเพนนี ของอังโกลแซคซอน (Anglo-Saxon) ก็ทำมาจากโลหะผสมนี้ คำว่า “สเตอร์ลิง” มีการใช้กันมาตั้งแต่ยุคศตวรรษ ที่ 12 ในสมัยพระเจ้าเฮนรีที่ 2 ที่นำช่องหลอมและช่องทำเหรียญจากเมือง อีสเสตอร์ลิง ประเทศเยอรมันตะวันออกมาปรับปรุงและทำมาตรฐานของเหรียญของเหรียญเครือจักรภพ
ดังนั้นคำว่า สเตอร์ลิง จึงมีที่มาจากว่าว่า “อีสเตอร์ลิง” นั่นเอง ซึ่งธาตุผสมที่สำคัญที่ใช้ผสมกับเนื้อเงิน คือ ทองแดงผสมในเนื้อเงินสเตอร์ลิงนิยมทำกันมาก และต่อเนื่อง เพราะทองแดงมีคุณสมบัติทำให้โลหะผสมแข็งแรงขึ้น แต่เงินสเตอร์ลิงประเภทนี้จะหมองง่าย ดังนั้นการพัฒนาในปัจจุบันจึงได้มีการนำธาตุอื่นมาใช้ผสมด้วยเพื่อให้ได้คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เช่น นิกเกิล เพื่อผลิตเงินสปริง หรือ ผสมสังกะสี อินเดียม ซิลิคอน เจอร์มาเนียม เพื่อเพิ่มความสามารถในการต้านทางการหมอง
.
เงินเหรียญ (Coin Silver) ในยุคสมัยก่อน ค.ศ.1966 โลหะผสมที่ใช้ทำเงินเหรียญ โดยปกติในประเทศอื่นๆ ยกเว้นสหราชอาณาจักร จะมีส่วนผสมของเนื้อโลหะเงินอยู่ประมาณ 90 % และทองแดง 10% โดยน้ำหนัก หรือเรียกว่า เงิน 900 (Silver 900 fine) อุณหภูมิหลอมเหลวอยุ่ประมาณ 1615 องศาฟาเรนไฮน์ ปัจจุบันโลหะที่ใช้ทำเหรียญทำจากแผ่นโลหะของโลหะนิกเกิลและทองแทนที่จะใช้โลหะเงิน
.
เงินแผ่น (Silver Plate) เงินแผ่นที่ใช้กันทั่วไป ยกเว้นในสหราชอาณาจักร มักจะใช้ดลหะเงินผสมที่มีความบริสุทธิ์ของเนื้อเงินอยู่ในช่วงระหว่าง 800 ถึง 950 (80-95%)
.
เงินบริตทานเนีย (Britannia Silver) โลหะเงินผสมชนิดนี้เป็นโลหะมาตรฐานตามระยยของสหราชอาณาจักร ซึ่งใช้กับแผ่นโลหะเงินและมีการใช้ระบบนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1696 โดยเนื้อโลหะจะมีปริมาณเงินอยู่ที่ 95.83% และเรียกขื่อว่า เงินบริตทานเนีย เนื่องจากเมื่อนำโลหะไปตรวจสอบวิเคราะห์หาปริมาณธาติและทำเครื่องหมายทางการ (Hallmark) ไว้บนโลหะชนิดนี้ด้วยการปั๊มเป็นตรารูปภาพนั่งของผุ้หญิงที่รุ้จักกันดี ชื่อว่า บริตทานเนีย แทนการใช้รูปสิงโตเหมือนกับเงินสเตอร์ลิง การใช้งานโลหะประเภทนี้ถือได้ว่ามีไม่มากนัก เพราะโลหะชนิดนี้จะมีความแข็.ต่ำและไม่ทนทานเท่าเงินสเตอร์ลิง อย่างไรก็ตาม ในวงการเครื่องประดับบางแห่งจะผลิตเครื่องประดับตามส่วนผสมนี้หรือาจจะเติมปริมาณเงินมากกว่า หรือใช้เงินบริสุทธ์อย่างเดียวเพื่อผลิตเป็นเครื่องประดับ เพื่อต้องลดปัญหาต่างๆ ที่มีผลจากอิทธิพลของธาตุทองแดง และต้องการผ่านการตรวจสอบปริมาณเนื้อเงิน
.
เงินเมกซิกัน (Mexican Silver) โลหะเงินชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า เงินเมกซิกัน เนื่องจากเป็ฯโลหะเงินที่ถูกใช้โดยชาวเมกซิกันและชาวอเมริกันอินเดียนเป็นส่วนมาก โดยเนื้อเงินที่อยู่ในโลหะทั่วไปมีสูงกว่า 90%
.
เงินสปริง (Spring Silver) โลหะชนิดนี้เป็นเงินสเตอร์ลิงที่นำมาลดขนาดความหนาลงถึง 10 เท่า จากขนาดความหนาเดิมของโลหะในสภาพอบอ่อน (Last annealed thickness) การลดความหนานี้อาจจะทำได้โดยการขึ้นรูป (Rolling) หรือการลากขึ้นรูป (Drawing) เพื่อทำให้โลหะแข็งขึ้น ดังนั้นจึงใช้ในงานหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งและความเป็ฯสปริงสูงเช่น คลิปหนียเน็คไท หรือเป็นโลหะเงินผสมทองแดงและนิกเกิล โดยปริมาณเนื้องเงินในโลหะทำสปริงนี้จะมีประมาณ 83-85% อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีความพยายามที่จะผลิตโลหะสปริงที่มีปริมาณเนื้องเนสูงเท่าเกรดเงินสเตอร์ลิง แต่ยังคงความเป็นสปริงเหมือนเดิม
.
โลหะเงินนั้นมีการใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางไม่เพียงเฉพาะการทำเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังมีใช้ในอุตสาหกรรมเคมี และเครื่องไฟฟ้าหลายชนิด อีกด้วย
.
ที่มา https://www.git.or.th/g20131120.html
.
.
.***************************************
.
.
#พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#พระเก๊จี๊ดจ๊าด
#เก๊จี๊ดจ๊าด
.
การเรียนรู้ ต้องมี สุ(ฟัง) จิ(คิด) ปุ(ถาม) ลิ(เขียน)
.
พาหุสัจจะ แปลว่า ความเป็นผู้ได้สดับมาก
หนังสือบางฉบับเรียกว่า หัวใจนักปราชญ์
.
สุ ย่อมาจาก สุตะ แปลว่า ฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตะ แปลว่า คิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา แปลว่า ถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต แปลว่า จด
.
#อย่าไปเรียนกับกลุ่มเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
.
#เรียนรู้ของเก๊จี๊ดจ๊าดแทนของแท้ #เก็บสะสมของเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าแทนของแท้
.
#หลงทางหลงป่าเข้าพงลงเหว จาก #กลุ่มกูรูเก๊
.
ระวังให้มากสำหรับ เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า และ เก๊จี๊ดจ๊าด กัน
.
#อย่าไปเข้าป่าเข้าพงลงเหว #ไม่หลงทิศหลงทางลงนรก #อย่าตกเป็นเหยื่อ
.
ในเรื่อง #มุสาวาท และ #ปรามาสผู้มีธรรม จากกลุ่ม #กูรูเก๊
.
#โง่จริงแบบว่าไม่โง่จริงทำไม่ได้
.
รูปสงวนลิขสิทธิ์
.
.
.----------------------------------.
.
.
สองคน ยลตามช่อง คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม คนหนึ่ง ตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
บทกวีของท่านเช็คสเปียร์ "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star.
ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ
.
“สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย”
แปลโดยเจษฏาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ (F. Hilaire)
สุภาษิตนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษ
Two men look out through the same bars; One sees the mud, and one the stars
โดย Frederick Longbridge
.
.
"สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่ง มองเห็นโคลนตม
คนหนึ่ง ตาแหลมคม
มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว"
.
.....ต่อมาเมื่อได้ค้นคว้าเพิ่มเติมก็ได้ทราบว่าต้นแบบเป็นบทกวีของท่านเช็คสเปียร์ ที่ว่า "Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star." ถอดเป็นภาษาไทยโดยท่านภราดา ฟ. ฮีแรห์ แห่งอัสสัมชัญ เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว (ข้อมูลจาก ไทยโพสต์ 25 พ.ย. 2547 โดยคุณสุวรรณ) ความหมายก็คือมุมมองของคนหลายคนในเรื่องเดียว อาจมีความแตกต่างกันได้ ไม่จำเป็นว่าคนหนึ่งต้องมองว่าบวกอีกคนต้องมองว่าลบเสมอไป อาจจะมองทางบวกทั้งคู่ หรือลบทั้งคู่ก็ได้ ถ้าแตกต่างกันในความคิดเห็นก็จัดว่าเป็นสองคนยลตามช่องได้ทั้งสิ้น
.
#สองคนยลตามช่อคนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
#คนหนึ่งตาแหลมคมมองเห็นดาวอยู่พราวแพรว
.
ที่มา https://www.facebook.com/Noom.Wangna11122553/posts/pfbid02BxMHsWdQWKe7rQh3ykQLVXxKwMUNx9fMC7jizDZXHysH8pFktJsRZifqZMfQHiW1l
.
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=169784005750290&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
sithiphong:
.
.
การนำบทความของผู้อื่นที่มีการเขียนที่ต้องผ่านการค้นคว้ามาอย่างถูกต้อง
โดยที่ผู้เขียนไม่ได้อนุญาตให้นำบทความนั้นๆ
ไปลงยังสื่อออนไลน์ประเภทต่างๆ
เมื่อนำบทความไปลงยังสื่อออนไลน์แล้ว
นั่นก็คือ เป็นความผิดสำเร็จตามเจตนาของผู้กระทำแล้ว
.
เรียกผู้ที่มีพฤติกรรมนั้นได้เลยว่า เป็นการลักทรัพย์
.
โทษทางกฎหมาย เรียกว่า เป็นการลักทรัพย์ (ละเมิดลิขสิทธิ์)
โทษทางกฎแห่งกรรม เรียกว่า การลักทรัพย์
.
อีกเรื่อง ความสำนึกในการที่ตนเองได้กระทำผิดไป ยังไม่มีในสันดาน
เมื่อมีคนไปเตือนแล้ว บอกแต่เพียงว่า จะลบโพสต์
ไม่มีการแสดงถึงความสำนึกในการกระทำผิด
ไม่มีการแสดงคำขอโทษ
แต่ถ้ามีความสำนึกในสันดาน สามารถฝากคำขอโทษที่แสดงถึงความจริงใจในการสำนึกในการกระทำผิด
.
ตามโคลงโลกนิติที่ลงให้อ่านด้านล่าง
.
ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน
(ผู้แต่ง - สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร - หนังสือ - โคลงโลกนิติ)
สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
.
แต่ที่แน่นอน ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ฟันธง คอนเฟิร์ม การันตี และ รับรอง ได้ว่า ผู้ที่กระทำกรรมในเรื่องของ การลักทรัพย์ ต้องไปชดใช้กรรม แน่นอน
.
.
.
ขอเพิ่มเติมในส่วนที่เคยเห็นมา ก็คือ โชว์พระเก๊จี๊ดจ๊าดเยอะ แถมเล่านิยายเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้าใหัอ่านอีก
.
กรรมในส่วนนี้ คือ การกระทำในเรื่องของ มุสาวาท
.
ใครทำอะไร ต้องได้เช่นนั้นเสมอ
.
ของจริงต้องพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
.
.
.
.
.
#ลักทรัพย์ #ขโมย
#ละเมิดลิขสิทธิ์
#มุสาวาท
.
.
.
.
.
“ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร…” การสื่อความและเจตนารมณ์ใน “โคลงโลกนิติ”
.
ที่มา ศิลปวัฒนธรรม
โพสโดย ผู้เขียน เด็กชายผักอีเลิด
เผยแพร่ วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2565
.
“ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
มารยาทส่อสันดาน ชาติเชื้อ
โฉดฉลาดเพราะคำขาน ควรทราบ
หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ายแสลงดิน”
.
ถอดความหมายบทประพันธ์นี้ได้ว่า กิริยามารยาทบอกได้ถึงชาติตระกูลและอุปนิสัยของบุคคล เช่นเดียวกับความสั้น-ยาวของก้านบัวย่อมบอกระดับความลึกของหนองบึงนั้น คำพูดสามารถแสดงระดับสติปัญญาของบุคคลได้ เปรียบเหมือนหญ้าที่เหี่ยวแห้งย่อมบอกถึงคุณภาพหรือความอุดมสมบูรณ์ของดินบริเวณนั้น กล่าวโดยสรุปว่า การแสดงออกทางพฤติกรรมและคำพูดสามารถบอกตัวตนของบุคคลนั้นได้
.
บทประพันธ์ดังกล่าวอยู่ใน “โคลงโลกนิติ” (อ่านว่า โคลง-โลก-กะ-นิด) ประพันธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ระหว่าง พ.ศ. 2374-2378 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) สืบเนื่องจากมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพลวิมลมังคลาราม และมีพระราชประสงค์ให้รวบรวมสรรพวิชาความรู้ของไทยมาจารึกบนแผ่นศิลาประดับไว้ในวัดพระเชตุพลฯ
.
รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ซึ่งขณะนั้นดำรงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร รวบรวมและชำระโคลงโลกนิติสำนวนเก่าแล้วนำมาจารึกบนแผ่นศิลา เพื่อเป็นโอวาทสอนใจประชาชน ดังปรากฏในโคลงบทแรกว่า
.
“อัญขยมบรมเรศน์เรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง”
.
โคลงโลกนิติสำนวนของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร เมื่อรวมสำนวนเดิมที่นำมาปรับปรุง และส่วนที่ประพันธ์ขึ้นใหม่ รวมเป็นทั้งสิ้น 593 บท สำหรับสำนวนเดิมนั้น สันนิษฐานว่ามีการแต่งขึ้นก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สืบเนื่องจากเนื้อความในบท 2 ที่ว่า
.
“ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภษิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณ”
.
โคลงโลกนิติใช้ฉันทลักษณ์หรือรูปแบบการประพันธ์แบบ “โคลง” โดยคำว่า “โลกนิติ” หมายถึง “ระเบียบแบบแผนของโลก” เนื้อหาของโคลงโลกนิติมุ่งเน้นการกล่าวถึงสัจธรรมหรือความเป็นจริงของโลก ความไม่เที่ยงของสิ่งทั้งปวง หรือความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์ และสอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตหรือการประพฤติตน เช่น การพูด การคบคน การใฝ่หาความรู้ ฯลฯ
.
ดังโคลงบท “ก้านบัวบอกลึกตื้น ชลธาร…” ที่กล่าวถึงแต่แรกนั้น คือการเสนอความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ว่า อากัปกิริยาที่แสดงออกทั้งหลายเป็นเครื่องสะท้อนชาติกำเนิด การเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน อุปนิสัย และสติปัญญาของแต่ละบุคคล สิ่งเหล่านี้เป็น “นามธรรม” แต่ผู้ประพันธ์หยิบยก “รูปธรรม” จากธรรมชาติ คือ บึงน้ำ – บัว และ ผืนดิน – หญ้า มาเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้อย่างแยบคาย
.
การเปรียบเทียบดังกล่าวนอกจากจะสอนเรื่องการมองโลกหรือมองคนแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเตือนบุคคลให้ระมัดระวังการแสดงออกของตนทั้งคำพูดและการกระทำ อันก่อประโยชน์ในเรื่องการได้รับการยอมรับจากบุคคลอื่นและการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขด้วย
.
อ้างอิง :
.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2557). กวีวัจน์วรรณนา วรรคทองในวรรณคดีไทยพร้อมประวัติและคำอธิบาย. กรุงเทพฯ : ราชบัณฑิตยสถาน
.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 กันยายน 2565
.
.
.
.
.
#ก้านบัวบอกลึกตื้นชลธาร
#มารยาทส่อสันดานชาติเชื้อ
#โฉดฉลาดเพราะคำขานควรทราบ
#หย่อมหญ้าเหี่ยวแห้งเรื้อบอกร้ายแสลงดิน
(ผู้แต่ง - สมเด็จกรมพระยาเดชาดิศร - หนังสือ - โคลงโลกนิติ)
#สำเนียงส่อภาษา #กิริยาส่อสกุล
#สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
.
.
.
.
.
#ไม่เคยนำปืนไปจ่อหัวบังคับใครให้กระทำ
#การกระทำเป็นการกระทำด้วยกายวาจาใจของตนเองทั้งสิ้น
.
.
.
#กระทำถูกกฎระเบียบหน่วยงานราชการและบริษัทแต่ผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดี
#กระทำถูกต้องตามกฎหมายแต่ผิดกฎแห่งกรรมต้องไปใช้กรรมเสมอ
.
.
.
#ต่อให้ไปไหว้พระพุทธรูปทั่วโลก
#ต่อให้ไปไหว้พระอริยสงฆ์ทั่วโลก
#ต่อให้ไปไหว้เทวรูปเทวดาทั่วโลก
#ไม่มีใครช่วยให้หนีกรรมพ้น
.
.
.
#ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
#ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
#ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
.
.
.
#ต่อให้ใหญ่แค่ไหน
#ต่อให้รวยล้นฟ้าเพียงใด
#ไม่เคยมีใครหนีกรรมพ้น
#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังต้องชดใช้กรรม
#บุพกรรมพระพุทธเจ้า
.
.
.
#พระเก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#เก๊สนิทศิษย์ส่ายหน้า
#พระเก๊จี๊ดจ๊าด
#เก๊จี๊ดจ๊าด
#ต่อตีนโจร
.
.
ที่มา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=171859462209411&id=100081560750868&mibextid=Nif5oz
.
sithiphong:
.
สวัสดีในวันเด็ก ของปี พ.ศ.2566
.
เด็กๆคือ อนาคตของชาติ ต้องได้รับการอบรมในเรื่องที่ถูกต้อง
.
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาจาก พ่อ แม่
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมมาจาก ครูบาอาจารย์
ไม่ว่าจะได้รับการอบรมจากผู้ใหญ่รอบข้าง
.
อนาคตประเทศชาติ จะได้มีควาาเจริญรุ่งเรือง
ที่เจริญทั้งวัตถุ และจิตใจ
ที่เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม
.
.
..*****************************..
.
.
ผมขออัญเชิญ คำขวัญ พระราชทานพระบรมราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2566
.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ลงหนังสือวันเด็กแห่งชาติ 2566
.
ที่มา mgronline
.
วันนี้ (1 ม.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท สำหรับลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็กแห่งชาติ ปี 2566 ดังนี้
.
“เด็กทุกคนเติบโตขึ้นได้ ด้วยอาศัยการโอบอุ้มช่วยเหลือ ทั้งจากผู้ใหญ่และสังคม. การรู้และเห็นความดีของผู้ที่ได้โอบอุ้มช่วยเหลือนั้น นับเป็นคุณธรรมสำคัญประการหนึ่ง ชื่อว่าความกตัญญู. เด็ก ๆ จึงควรเรียนรู้ และสร้างสมอบรมคุณธรรมข้อนี้ ให้บริบูรณ์.”
.
พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันที่ 23 ธันวาคม พุทธศักราช 2565
.
.
.*****************************.
.
.
เพลง ค่านิยม 12 ประการ พร้อมเนื้อร้อง
.
.
https://www.youtube.com/watch?v=DrrJ7sKFqJI
.
โพสโดย Dek-Geng
.
3 ธ.ค. 2557
.
บทเพลงค่านิยมหลักคนไทย 12 ประการ
.
คำร้อง โดย พันเอก สมศักดิ์ เตียสุวรรณ
.
ทำนอง/เรียบเรียงเสียงประสาน โดย ร้อยเอก สุระชัย ถวิลไพร
.
ขับร้อง โดย นางสาว กฤติญา สาริกา
.
จัดทำโดย กองดุริยางค์ทหารบก
.
หนึ่งรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
.
สองซื่อสัตย์ เสียสละ อดทนได้
.
สามกตัญญู พ่อแม่ สุดหัวใจ
.
สี่มุ่งใฝ่ เล่าเรียน เพียรวิชา
.
ห้ารักษา วัฒนธรรม ประจำชาติ
.
หกไม่ขาด ศีลธรรม ศาสนา
.
เจ็ดเรียนรู้ อธิปไตย ของประชา
.
แปดรักษา วินัย กฏหมายไทย
.
เก้าปฏิบัติ ตามพระ ราชดำรัส
.
สิบไม่ขาด พอเพียง เลี้ยงชีพได้
.
สิบเอ็ดต้อง เข้มแข็ง ทั้งกายใจ
.
สิบสองไซร้ คิดอะไร ให้ส่วนรวม
.
.-------------------------------------------------.
.
เพลง หน้าที่เด็ก ( เด็กเอ๋ย เด็กดี )
.
https://www.youtube.com/watch?v=BBfg1choSm4
.
โพสโดย Sattahip Today
.
9 ธ.ค. 2561
.
เพลง หน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ย เด็กดี)
.
คำร้อง : ชอุ่ม ปัญจพรรค์
.
ทำนอง : เอื้อ สุนทรสนาน
.
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
หนึ่ง นับถือศาสนา
.
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
.
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์
.
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
.
ห้า ยึดมั่นกตัญญู
.
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
.
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
.
ต้องมานะบากบั่นไม่เกียจไม่คร้าน
.
แปด รู้จักออมประหยัด
.
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
.
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
.
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
.
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
.
รู้บาปบุญคุณโทษสมบัติชาติต้องรักษา
.
เด็กสมัยชาติพัฒนา
.
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
.
สำหรับเพลง "หน้าที่ของเด็ก" หรือเพลง "เด็กเอ๋ยเด็กดี" นี้ ประพันธ์คำร้องโดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักเขียนนวนิยายชื่อดังคนหนึ่งของไทย ซึ่งท่านเป็นพี่สาวของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2534
.
.
sithiphong:
.
.
เพลง วัดป่าภัทรปิยาราม จ.ลพบุรี / by Tong Aim
.
https://www.youtube.com/watch?v=S_iUGXI0jOg
.
ธรรมมะสบายใจ / by Tong Aim
14 ก.ค.2564
.
.
ขอนมัสการ จากอรุโณ โลกุตตระ
/ ประพันธ์โดย พระครูสังฆรักษ์ ณริชธันร์ อรุโณ วัดป่าภัทรปิยาราม จ.ลพบุรี
.
https://www.youtube.com/watch?v=R_zeVfI3oYQ
.
ธรรมมะสบายใจ / by Tong Aim
19 ก.ค.2564
.
.
.
.
.
#พระพุทธยมกปาฎิหาริย์
.
#พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต (พระประธาน พระอุโบสถเจดีย์ จักรรัตนอุโบสถ โลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมาน พระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิต อัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์ วัดป่าภัทรปิยาราม)
.
#พระอุโบสถเจดีย์จักรรัตนอุโบสถโลหะสัมฤทธิ์เจดีย์ บรมพิมานพระพุทธมณีรัตนอัมรินทรถสถิตอัมพรสุวรรณนพรัตนมณีโชติจรัสสุริเยนทร์
.
#พระบรมธาตุเจดีย์ศรีอิทธิมนต์ทิพยสถานอรุโณโลกุตตระ
.
#พระอาจารย์ณริชธันร์ #วัดป่าภัทรปิยาราม
.
#ถ้าสุวรรณคูหามัฆวานวินิจฉัย
.
#พญานาคราชศีลวิสุทธิโลกาธิบดี
.
#ศาลาศรีอิทธิมนต์ (#ศาลาเคียงอุโบสถวัดป่าภัทรปิยาราม)
.
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version