นกฮัมมิ่งเบิร์ด กับ เบนจามิน บัตตัน (ใน The Curious Case of Benjamin Button)
P. Comte de Buffon นักชีววิทยาชาวฝรั่งเศสผู้เคยมีชีวิตอยู่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 ได้เคยเอ่ยถึงนกฮัมมิงเบิร์ด (hummingbird) ว่า
เป็นนกที่ธรรมชาติได้ประทานพรสวรรค์ให้มากเป็นพิเศษ เพราะมันมีลีลาการบินที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลก และมันก็สามารถบินได้ไกลกว่าและนานกว่าสัตว์อื่นที่มีขนาดตัวใหญ่กว่ามันมาก (รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวนกชนิดนี้หาอ่านเพิ่มเติมได้จาก
http://www.ipst.ac.th/thaiVersion/publications/in_sci/huming.htm)
เบนจามิน บัตตัน ถ้าจะเปรียบไป ชีวิตของเขา ไม่ต่างจาก
“นกฮัมมิ่งเบิร์ด” ตัวจ้อยกระจิดริด ที่ปรากฎให้เราเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งในฉากหลังจากที่เบนจามิน รอดตายจากการไปสงครามโลกครั้งที่ 2 และฉากสุดท้ายก่อนหญิงที่เป็นรักแรกและรักสุดท้ายของเขา
“เดซี่” ลากจากโลกนี้ไป
เบนจามิน บัตตัน คือ “เด็กน้อยอันประเสริฐจากสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้” นั่นเป็นประโยคแรก ๆ ที่
“ควินนี่” แม่ผิวสีที่ไม่ได้สืบสายเลือดเดียวกันกับเขา พบเจอเด็กน้อยผิวพรรณเหี่ยวย่นราวคนชราที่ใกล้ลาโลกเต็มที ถูกทิ้งไว้หน้าสถานสงเคราะห์หรือบ้านพักคนชราที่เธอทำงานอยู่ที่นั่น
ลักษณะพิเศษภายนอกกว่าเด็กปกติธรรมดาทั่วไปของเบนจามินที่ว่า อาจดูขี้ริ้วขี้เหร่ อัปลักษณ์ไม่น่าดูชมตามวัยที่ควรจะเป็น แม้แต่พ่อแท้ ๆ ของเขา ซึ่งผู้มีอันจะกินในสังคมอันโก้หรู ก็ไม่อยากรับเลี้ยงเป็นลูก
แต่นั่นกลับกลายเป็นพรอันวิเศษ ที่ทำให้เบนจามิน ได้รางวัลแห่งชีวิต เป็นความเข้าใจในโลก เข้าใจชีวิต ในมุมมองที่ต่างจากคนอื่นทั่วไป รวมถึงการเป็นทั้ง “ผู้ให้” และ “ผู้รับ” ความรักที่บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากเงื่อนไขใด ๆ
เป็น “ผู้รับ” ความรักอันบริสุทธิ์จากควินนี่ หญิงผิวสีต่างสายเลือด ผู้มีจิตใจงดงามและเข้มแข็ง และเขาเต็มใจเรียกเธอ อย่างเต็มปากเต็มว่า
“แม่” เป็น “ผู้ให้” ความรักที่ปราศจากเงื่อนไขให้แด่ “เดซี่” หญิงสาวที่เขาตกหลุมรักตั้งแ่ต่แรกเจอ และตราบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เขาไม่เคยฝืนใจ ยึดยื้อ หรือฉุดรั้งให้เธอรักตอบ ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร “ในวันที่ไม่ใช่”
แล้วความรักของเบนจามินกับเดซี่ ก็เดินทางไปช่วงเวลาของการผลิดอกออกผล และสุกงอมหอมหวาน “ในวันที่ ใช่” ในวันที่ทั้งสองยิมยอมคล้องใจเป็นหนึ่งเดียวกัน
ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงแนวคิดทางตะวันออกในทางพุทธ ที่พุทธทาสภิกขุกล่าวไว้ว่า
“ให้ตาย เสียก่อนตาย” นั่นหมายถึง การละวางกิเลสตัณหาทั้งปวง รวมถึงการละวางตัวตน ในวันที่เรามีชีวิตอยู่ในวันนี้ให้ได้เสียก่อนถึงวันที่เราต้องลาโลกนี้ไปจริง ๆ นั่นเอง
เบนจามิน เสียเปรียบคนอื่นในด้านรูปลักษณ์ภายนอก แต่เขาได้เปรียบในแง่ของการมองโลกอย่างเข้าใจชีวิตกว่าคนทั่วไป เขาได้รู้จักคำว่า “ตาย ก่อนตาย (จริง ๆ)” อาจเพราะนาฬิกาชีวิตเขาหมุนทวนสวนกระแสโลก เขาเกิดมาเป็นคนแก่ใกล้ตาย แล้วมาตายตอนเป็นเด็กทารกแรกเกิด (อาจจริงอย่างที่เคยได้ฟังมาว่า บางทีจุดสิ้นสุดและจุดเริ่มต้นนั้น ก็คือจุดเดียวกันบนเส้นวงกลมนั่นเอง)
รวมไปถึงการที่เขาได้ ได้มองเห็นและรับรู้การจากลา การดับสูญไปจากโลกนี้ของคนชราคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาในบ้าน ตลอดเวลาที่เขาที่ใช้ชีวิตตั้งแต่แรกเกิด จนเติบใหญ่ในบ้านพักหรือสถานสงเคราะห์คนชราหลังนี้ จนตระหนักดีถึงความไม่ยั่งยืน ความเปลี่ยนแปลง ความตายเ็ป็นเรื่องนิรันดร์อันสามัญธรรมดาในชีวิตคนเรา
ข้อได้เปรียบนี้ ทำให้เบนจามิน เป็นคนที่ไม่ฟูมฟายกับชีวิต ในยามความรักไม่เป็นอย่างที่หวัง ยามคนที่เขารักและรักเขาจากโลกนี้ไป เขาละวางความถือโทษโกรธเืคือง ในยามที่รู้ว่า ชายเจ้าของโรงงานผลิตกระุ้ดุมที่เป็นเพื่อนคุยถูกคอและดื่มเหล้ากับเขาเป็นประจำ เป็นทั้งบิดาผู้ให้กำเนิด เป็นคนเดียวกับูผู้ทอดทิ้งเขาไว้ในบ้านพักคนชรานั่นเอง
ดังนั้น เขาจึงแปรเปลี่ยนและใช้เวลาที่เหลือในชีวิต อันเป็นส่วนที่ได้จากความไม่ฟูมฟายในชะตาชีวิต เวลาที่เหลือชีวิต อันเป็นส่วนที่ได้จากไม่ยึดถือยึดมั่น มาเป็นการใช้ชีวิต (ให้เป็น) อย่างเต็มที่
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือนั้น เขาใช้ไปกับการดูแลพ่อที่ป่วยอาการหนัก (ซึ่งเหลือเวลาในชีวิตอีกไม่นานนัก) เขาออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้โลกในแง่มุมที่แตกต่าง หลากหลาย เขาทำงานสารพัดอย่าง และมีความสุขกับมันอย่างไม่เกี่ยงงอนว่ามันจะเป็นงานเล็กงานน้อยต้อยต่ำ หรืองานนั้นทำแล้วคุ้มค่าความเหนื่อยยากที่ลงไปหรือเปล่า
เบนจามิน บัตตัน เป็นนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่ได้รับพรอันประเสิรฐจากพระเจ้า ผู้มีหัวใจอันแข็งแกร่งและงดงาม
จากคนแก่ใกล้ตาย ไร้แล้วซึ่งความหวังในชีวิต กลายกลับเป็นคนที่ไม่เคยสูญสิ้นศรัทธาในตัวเองและผู้อื่น ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าที่ได้เกิดมาจวบจนวินาทีสุดท้ายบั้นปลายของชีวิต
มีคนเคยบอกไว้ว่า มันไม่สำคัญว่า คุณจะร่ำรวย ยากดีมีจน รูปพรรณสัณฐานสวยงามหรือขี้เหร่แค่ไหน ชาติตระกูลสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใด
ที่สำคัญมากกว่า คือ คุณมีทัศนคติ มีมุมมองต่อชีวิต ต่อโลกอย่างไร เพราะมันคือเครื่องบ่งบอกตัวตนของคุณ และส่งผลกระทบต่อการดำเินินชีวิตทั้งตอนนี้และในภายหน้าของคุณนั่นเอง…
ปล.หนังเรื่องนี้อาจได้รับรางวัลเทคนิคพิเศษด้านการตกแต่งใบหน้า ในเวทีประกวดหนังที่ใดสักแห่ง เหตุผลไม่ใช่เพราะทำให้พระเอกและนางเอกแก่ชราผิวพรรณเหี่ยวย่น ตกกระได้อย่างสมจริง
แต่….เป็นเพราะทำให้ แบรด พิทท์ และเคท บลานเช็ท ผิวหน้าเต่งตึงใสเด้ง (กว่าสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันของดาราสองคนนี้ ในวัยล่วงเลยเขตแดนเลข 4 ไปแล้ว) ยังกับวัยหนุ่มสาวแรกรุ่น ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน (ฮา) ไ้ด้อย่างชนิดที่ต้องยกนิ้วให้ ผสมความฉงนว่าทำได้อย่างไร นึกในใจว่าเค้าใช้วิธี
http://blog.sukiflix.com/?p=445The Curious Case Of Benjamin Button Soundtrack - 02 Mr. Gateau