ผู้เขียน หัวข้อ: ดูพยับแดดก็บรรลุธรรม (ภิกษุผู้เจริญวิปัสสนา)  (อ่าน 1552 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เลดี้เบื๊อก

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นไม้เล็กพริ้วไหวดั่งสายลม
  • *
  • กระทู้: 165
  • พลังกัลยาณมิตร 119
    • ดูรายละเอียด
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 236
   
        ๓.  เรื่องภิกษุผู้เจริญวิปัสสนา  [๑๓๙]
   
                                             ข้อความเบื้องต้น
             พระศาสดา   เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน    ทรงปรารภภิกษุผู้เจริญ
   วิปัสสนามีประมาณ๕๐๐รูป  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " ยถา ปุพฺพุฬก
   ปสฺเส "  เป็นต้น.

                          ภิกษุถือเอาพยับแดดเป็นอารมณ์

            ได้ยินว่า    ภิกษุเหล่านั้น    เรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระศาสดา
   แล้ว   เข้าไปสู่ป่า  แม้พยายามอยู่  ก็ไม่ได้บรรลุคุณวิเศษ  จึงคิดว่า  '' พวก
   เราจักเรียนกัมมัฏฐานให้วิเศษ "  กำลังมาสู่สำนักของพระศาสดา     เห็น
   พยับแดดในระหว่างทาง   เจริญกัมมัฏฐานมีพยับแดดเป็นอารมณ์นั่นแหละ
   มาแล้ว.     ฝนตกในขณะแห่งภิกษุเหล่านั้นเข้าไปสู่วิหารนั่นเอง       ภิกษุ
   เหล่านั้นยืนที่หน้ามุขนั้น ๆ    เห็นฟองน้ำทั้งหลายซึ่งตั้งขึ้นแล้ว      แตกไป
   อยู่ด้วยความเร็วแห่งสายน้ำ   ยึดเอาเป็นอารมณ์ว่า  " อัตภาพแม้นี้   เป็น
   เช่นกับฟองน้ำ  เพราะอรรถว่าเกิดขึ้นแล้วแตกไปเหมือนกัน. "  พระศาสดา
   ประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั่นเอง    ทรงแลดูภิกษุเหล่านั้นแล้ว     ทรงแผ่
   พระโอภาส  เหมือนตรัสกับภิกษุเหล่านั้นแล้ว   ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

            ๓.   ยถา  ปุพฺพุฬก  ปสฺเส           ยถา  ปสฺเส  มรีจิก   
               เอว  โลก  อเวกฺขนฺต           มจฺจุราชา  น ปสฺสติ.
                  " พระยามัจจุ    ย่อมไม่เห็นบุคคลผู้พิจารณาเห็น
             อยู่ซึ่งโลก     เหมือนบุคคลพึงเห็นฟองน้ำ     (และ)
             เหมือนบุคคลพึงเห็นพยับแดด. "   
   
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 237
   
                                             แก้อรรถ   

           บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มรีจิก คือพยับแดด  จริงอยู่  พยับแดด
   แม้ปรากฏขึ้นแต่ที่ไกลเทียว  ด้วยสามารถมีสัณฐานดังสัณฐานเรือนเป็นต้น
   เป็นของเข้าถึงความเป็นรูปที่ถือเอามิได้     เป็นของว่างเปล่าแท้     (ย่อม
   ปรากฏ)  แก่คนทั้งหลายผู้เข้าไปใกล้อยู่,    เพราะเหตุนั้น     จึงมีอธิบายว่า
   " พระยามัจจุ      ย่อมไม่เห็นบุคคลผู้พิจารณาเห็นอยู่ซึ่งโลกมีขันธ์เป็นอาทิ
   เหมือนบุคคลพึงเห็นฟองน้ำ    เพราะอรรถว่าเกิดขึ้นแล้วแตกไป    (และ)
   เหมือนบุคคลพึงเห็นพยับแดด       เพราะความเป็นธรรมชาติว่างเปล่าเป็น
   อาทิ  ฉะนั้น. "

         ในเวลาจบเทศนา   ภิกษุเหล่านั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว    ในที่แห่ง
   ตนยืนนั่นเอง  ดังนี้แล.
   
                            เรื่องภิกษุผู้เจริญวิปัสสนา  จบ.
   
http://www.samyaek.com/pratripidok/index.php?topic=792.0
http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=2127.0

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :13: อนุโมทนาครับ ขอบคุณครับพี่สาว
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~