เมื่อเกิดปัญหา ให้ทำ 3 ขั้นตอนง่ายๆ
ถ้าฝึกทำบ่อยๆ จนชำนาญจักดียิ่ง
ขั้นที่ 1 กำหนดสติ ตั้งสติ คือ รู้ตัวว่าจิตใจของเรา
กำลังทุกข์ (หงุดหงิด วิตก ตกใจ กลัว กระวนกระวาย-
รำคาญ ร้อนรุ่ม ประหม่า ฟุ้งซ่านฯลฯ) รู้ตัวว่าตนเอง
อยู่ในสิ่งแวดล้อมสถานการณ์ ปัญหาใด และมีสติ
คือ นึกขึ้นได้ว่า เราต้องตั้งต้นด้วย 2 ส. คือ
สงบ กับ สว่าง
ขั้นที่ 2 ก่อสมาธิ (สงบ) รีบหยุดความทุกข์
อย่าเพิ่งผลีผลามลนลาน อย่าแก้ปัญหาด้วยอารมณ์
จงหยุดกิเลส ทำใจให้สงบด้วยการดูลมหายใจเข้า-ออก
ของตนเอง จากนั้น ตั้งจิตเป็นสมาธิ คือ รวมจิต
ให้เป็นหนึ่งเดียวไม่ห่วงสิ่งใด คอยตัดทิ้งในสิ่งที่คิดทั้งหลาย
มีสติ ให้นึกแต่คำสั้นๆ สองพยางค์ว่า พุธโธ พุธโธ พุธโธ
นาน 3-30 นาที(ตามแต่โอกาสและความชำนาญ)
ขั้นที่ 3 เกิดปัญญา (สว่าง) เป็นผลจากขั้นที่ 2
คือเกิดความสว่าง ว่าง โล่งอก โล่งใจ ทำให้สมองปลอดโปร่ง
คิดอะไรก็คิดได้ง่าย ไม่ติดขัด ผลจากความสว่าง
รวมกับฐานข้อความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ชีวิตที่สั่งสมมา
ในชาตินี้และชาติก่อน จงพบทางออกจากปัญหาได้ด้วยหลักธรรม
ขั้นที่ 1 ศีล ขั้นที่ 2 สมาธิ ขั้นที่ 3 ปัญญา ครบไตรสิกขา
จงให้กำลังใจตนเอง ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น
แต่อย่าหยุดยั้งเว้นวรรค
จงทำดีทุกวัน ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน
ท่านจักถึงเส้นชัยธรรมสักวัน
เหตุ-ยิ่งฝึกยิ่งทำยิ่งเชี่ยวชาญใน 3 ขั้นตอน
ผล- เจอทางออกในพริบตา
เหตุ- การรู้พุทธศาสนา
ผล-เป็นรากฐานสร้างปัญญาจริงๆ
การเปรียบเปรย
ระดับการฝึก
คนฝึกน้อยนิด ระยะเวลา 3 ขั้นตอนกำหนดสติ
ก่อสมาธิ เกิดปัญญา ภายใน 1 ชม.(ช้า)
ระดับผล แก้ปัญหาได้บางส่วน
คนฝึกบ้าง ระยะเวลา 3 ขั้นตอนกำหนดสติ
ก่อสมาธิ เกิดปัญญา ภายใน 10 นาที(ปานกลาง)
แก้ปัญหาได้เกินครึ่ง
คนชำนาญ ระยะเวลา 3 ขั้นตอนกำหนดสติ
ก่อสมาธิ เกิดปัญญา ภายในน 2 นาที(เร็ว)
แก้ปัญหาได้หมดหรือเกือบหมด
* เราแก้ไขบางปัญหาได้ง่ายๆ โดยใช้อุเบกขาและอุปาทาน
แต่ที่ยากคือการฝึกตนเองให้อุเบกขา คือปล่อยวาง,ละอุปาทาน
คือไม่ยึดมั่น แต่จงพยายามเถิด จักเกิดผลดีทั้งชาตินี้และชาติหน้า
* เมื่อเราเกิดปัญหา เปรียบเหมือนเราหลงทางในถ้ำมืด ขอให้เริ่ม
ตั้งต้นที่การมีสติ คือนึกขึ้นได้ว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เร่งทำสมาธิ
สงบจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน แล้วเราจักนึกขึ้นได้ง่ายว่าตัวเราพกไฟแช็ค
และเทียนไขมาด้วย นั่นคือ เรามีปัญญาความรู้อยู่แล้ว ใช้ไฟแช็ค
ประสานกับเทียนไขได้ความสว่าง นั่นคือเราจะพบวิธีแก้ปัญหาได้
* การไม่แสดงอาการร้อนรนกระวนกระวายทายกาย วาจา
เมื่อเกิดปัญหา จัดเป็นศีล เมื่อใจสงบแล้ว ก็ส่งผลให้กายและ
วาจาสงบเป็นสมาธิ คิดหาทางออกได้เร็ว
ขอบพระคุณท่านมณฑน์จิตต์เกษม
FM 95.25 คลื่นไทธรรม
WWW.fm9525radio.org