พึงเที่ยวไปผู้เดียว· บุคคลวางอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ไม่เบียดเบียนบรรดาสัตว์เหล่านั้น
แม้ผู้ใดผู้หนึ่งให้ลำบาก ไม่พึงปรารถนาบุตรจะพึงปรารถนาสหายแต่ที่ไหน
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
. ความเยื่อใยย่อมมีแก่บุคคลผู้เกี่ยวข้องกัน ทุกข์นี้ย่อมเกิดขึ้น
ตามความเยื่อใย บุคคลเล็งเห็นโทษอันเกิดแต่ความเยื่อใย
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลอนุเคราะห์มิตรสหาย เป็นผู้มีจิตปฏิพัทธ์แล้ว ชื่อว่า
ย่อมยังประโยชน์ให้เสื่อม บุคคลเห็นภัย คือ การยังประโยชน์ให้เสื่อม
ในการเชยชิดนี้ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลข้องอยู่แล้ว ด้วยความเยื่อใยในบุตรและภริยา
เหมือนไม้ไผ่กอใหญ่เกี่ยวก่ายกันฉะนั้น บุคคลไม่ข้องอยู่ เหมือนหน่อไม้
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· เนื้อในป่าที่บุคคลไม่ผูกไว้แล้ว ย่อมไปหากินตามความปรารถนา
ฉันใด นรชนผู้รู้แจ้ง เพ่งความประพฤติตามความพอใจของตน
พึงเที่ยวไปแต่ผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· การปรึกษาในที่อยู่ ที่ยืน ในการไปในการเที่ยว ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย
บุคคลเพ่งความประพฤติตามความพอใจ ที่พวกบุรุษชั่วไม่เพ่งเล็งแล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· การเล่น การยินดี ย่อมมีในท่ามกลางแห่งสหาย อนึ่ง ความรักที่ยิ่งใหญ่
ย่อมมีในบุตรทั้งหลาย บุคคลเมื่อเกลียดชังความพลัดพราก
จากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลย่อมเป็นอยู่ตามสบาย ในทิศทั้งสี่และไม่เดือดร้อน
ยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ ครอบงำเสียซึ่งอันตราย ไม่หวาดเสียว
พึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· แม้บรรพชิตบางพวกก็สงเคราะห์ได้ยาก อนึ่ง คฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน
สงเคราะห์ได้ยาก บุคคลเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ในบุตรของผู้อื่น
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· นักปราชญ์ละเหตุ อันเป็นเครื่องปรากฏแห่งคฤหัสถ์
ดุจต้นทองหลางมีใบร่วงหล่น ตัดเครื่องผูกแห่งคฤหัสถ์ได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น พึงคบสหาย
ผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุด
และผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว
พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลแลดูกำไลทองทั้งสองอันงามผุดผ่อง ที่บุตรแห่งนายช่างทองให้สำเร็จ
ด้วยดีแล้ว กระทบกันอยู่ในข้อมือ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· การที่เราจะพึงพูดจากับพระกุมารทั้งสอง หรือการข้องอยู่ด้วย
อำนาจแห่งความเยื่อใย พึงมีได้อย่างนี้ บุคคลเล็งเห็นภัยนี้ในอนาคต
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· ก็กามทั้งหลายงามวิจิตร มีรสอร่อยเป็นที่รื่นรมย์ใจ
ย่อมย่ำยีจิตด้วยรูปแปลกๆ บุคคลเห็นโทษในกามคุณทั้งหลายแล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลเห็นภัย คือ จัญไร ฝี อุปัทวะโรค ลูกศร และความน่ากลัวนี้
ในกามคุณทั้งหลายแล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลพึงครอบงำอันตรายเหล่านี้แม้ทั้งปวง คือ หนาว
ร้อน หิว กระหาย ลม แดด เหลือบ และสัตว์เลื่อยคลานแล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลพึงเป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด
เปรียบเหมือนช้างใหญ่ ที่เกิดในตระกูลปทุม มีขันธ์เกิดขึ้นแล้ว
ละโขลงอยู่ในป่าตามอภิรมย์ ฉะนั้น.
· บุคคลพึงใคร่ครวญถ้อยคำของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ว่า
การที่บุคคลผู้ยินดีแล้ว ด้วยการคลุกคลีด้วยคณะ
จะพึงบรรลุวิมุตติอันมีในสมัย นั้นไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· เราล่วงพ้นทิฏฐิอันเป็นข้าศึก ได้แล้วถึงความเป็นผู้เที่ยง
ได้มรรคแล้ว เป็นผู้มีญาณเกิดขึ้นแล้ว อันผู้อื่นไม่พึงแนะนำ
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลผู้ไม่โลภ ไม่หลอกลวง ไม่มีความกระหาย ไม่ลบหลู่
มีโมหะดุจน้ำฝาดอันกำจัดเสียแล้ว
ไม่มีความอยาก ครอบงำโลกทั้งปวงได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· กุลบุตรพึงเว้นสหายผู้ลามก ไม่พึงเสพด้วยตนเอง
ซึ่งสหายผู้ชี้บอกความฉิบหายมิใช่ประโยชน์
ผู้ตั้งอยู่ในกรรมอันไม่เสมอ ผู้ข้องอยู่ ผู้ประมาท
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลพึงคบมิตรผู้เป็นพหูสูตทรงธรรม ผู้ยิ่งด้วยคุณธรรม มีปฏิภาณ
รู้จักประโยชน์ทั้งหลาย กำจัดความสงสัยได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลไม่พอใจการเล่น ความยินดีและกามสุขในโลกแล้ว
ไม่เพ่งเล็งอยู่ เว้นจากฐานะแห่งการประดับ มีปกติกล่าวคำสัตย์
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลละบุตร ภรรยา บิดา มารดา ทรัพย์ ข้าวเปลือก
พวกพ้อง และกาม ซึ่งตั้งอยู่ตามส่วนแล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บัณฑิตทราบว่าความเกี่ยวข้องในเวลาบริโภคเบญจกามคุณนี้
มีสุขน้อย มีความยินดีน้อย มีทุกข์มาก ดุจหัวฝี ดังนี้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลพึงทำลายสังโยชน์ทั้งหลายเสีย เหมือนปลาทำลายข่าย
เหมือนไฟไม่หวนกลับมาสู่ที่ไหม้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลผู้มีจักษุทอดลงแล้ว ไม่คะนองเท้า มีอินทรีย์อันคุ้มครองแล้ว
มีใจอันรักษาแล้ว ผู้อันกิเลสไม่รั่วรดแล้ว และอันไฟคือกิเลสไม่แผดเผาอยู่
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลละเพศแห่งคฤหัสถ์ ดุจต้นทองหลางมีใบร่วงหล่นแล้ว
นุ่งห่มผ้ากาสายะ ออกบวชเป็นบรรพชิต
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· ภิกษุไม่กระทำความยินดีในรสทั้งหลาย ไม่โลเล ไม่เลี้ยงคนอื่น
มีปกติเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอก ผู้มีจิตไม่ผูกพันในตระกูล
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลละธรรมเป็นเครื่องกั้นจิต ๕ อย่าง บรรเทาอุปกิเลสทั้งปวงแล้ว
ผู้อันทิฏฐิไม่อาศัย ตัดโทษคือความเยื่อใยได้แล้ว
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลละสุข ทุกข์ โสมนัสและโทมนัสในกาลก่อนได้ ได้อุเบกขา
และสมถะอันบริสุทธิ์แล้ว พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลปรารภความเพียรเพื่อบรรลุปรมัตถประโยชน์ มีจิตไม่หดหู่
มีความประพฤติไม่เกียจคร้าน มีความบากบั่นมั่นคงถึงพร้อมแล้ว
ด้วยกำลังกาย และกำลังญาณ พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลไม่ละการหลีกเร้นและฌาน มีปกติประพฤติธรรม
อันสมควรเป็นนิตย์ ในธรรมทั้งหลาย
พิจารณาเห็นโทษในภพทั้งหลาย
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลผู้ปรารถนาความสิ้นตัณหา พึงเป็นผู้ไม่ประมาท
ไม่เป็นคนบ้าคนใบ้ มีการสดับ มีสติ มีธรรมอันกำหนดรู้แล้ว
เป็นผู้เที่ยง มีความเพียร
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลไม่สะดุ้งในธรรมมีความไม่เที่ยงเป็นต้น
เหมือนราชสีห์ไม่สะดุ้งในเสียง
ไม่ข้องอยู่ในธรรมมีขันธ์และอายตนะเป็นต้น
เหมือนลมไม่ข้องอยู่ในข่าย
ไม่ติดอยู่ด้วยความยินดีและความโลภ เหมือนดอกปทุมไม่ติดอยู่ด้วยน้ำ
พึงเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด ฉะนั้น.
· บุคคลพึงเสพเสนาสนะอันสงัด
เป็นผู้เที่ยวไปผู้เดียว เช่นกับนอแรด เหมือนราชสีห์
-http://www.wat-esansamakkee.com/newss/959.html