ผู้เขียน หัวข้อ: สู่อสังขตะ(หลวงพ่อชา สุภัทโท)  (อ่าน 3670 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: สู่อสังขตะ(หลวงพ่อชา สุภัทโท)
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 02:21:28 pm »

   ท่านจึงให้รักษาจิต ผู้ใดก็ตามรักษาจิตของตน ผู้นั้นจักพ้นจากบ่วงของมาร
เพราะจิตเรามันเข้าไปยึดมั่นเข้าไปหมาย เข้าไปรู้เข้าไปเห็น เข้าไปสุข เข้าไปทุกข์
เพราะจิตของเราทั้งนั้น เมื่อเรารู้เท่าตามเป็นจริง
ของสมมติสังขารเหล่านี้ แล้วมันจึงเปลื้องทุกข์เหล่านี้ออกตามธรรมชาติธรรมดาของมัน
   
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น มันมิได้ให้ทุกข์เรา
เช่นเดียวกับหนาม หนามที่แหลมๆมันให้ทุกข์เราไหม เปล่า มันเป็นหนามอยู่อย่างนั้น
มิได้ให้ทุกข์ผู้ใด ถ้าเราไปเหยียบมันเข้าก็ทุกข์ทันที
ทำไมจึงเป็นทุกข์ เพราะไปเหยียบมัน "ฉันเป็นหนาม ฉันก็เป็นอยู่ของฉัน ฉันไม่ได้ไปทำใคร"
มันมิได้ให้โทษใครเราไปเหยียบมัน เราจึงเจ็บปวด
จะว่าเป็นเพราะเรา รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ ของที่มันเป็นอยู่ในสกลโลกนี้
มันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น เราไปชวนชกเอา ไปชกมันๆ มันก็กลับชกคืนนั่นเอง
เขาอยู่เฉยๆเขาไม่มีโทษอะไรนี่
เจ้าจองหองกินเหล้าเมาแล้วไปยุ่งกับเขา สังขารเหล่านั้นก็เป็นอยู่ตามสภาพของมัน
ท่านจึงกล่าวว่า เตสํ วูปสโม สุโข ถ้าเรามาสงบสังขารเห็นสมมติสังขาร
ว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน มันเป็นสักกายทิฏฐิแล้วนั่น มันก็สงบ จากว่าตัว ว่าตน ว่าเรา ว่าเขา
   
   ถ้าเข้าใจว่า เราดี เราชั่ว เราเลิศ เราประเสริฐ มันก็เป็นพิษอยู่นี่แหละ ถ้าเข้าใจว่ามันเป็นสมมติ
มันเป็นสังขาร เขาจะว่าดีบ้าง ว่าชั่วบ้างก็ปล่อยให้เขาได้ ถ้ายังเข้าใจว่ากู ว่ามึงอยู่นี่
มันก็แตนสามรังนั่นแหละ
อยู่นี่พูดเฉยๆก็ต่อยคืนเลย เพราะมันห่วงหวงของไม่น่ากิน หวงของต่ำๆ พูดเฉยๆ ก็ยังหวง
พระพุทธเจ้าบอกพวกนี้คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ถ้าเราพิจารณาเห็นสมมติสังขารเหล่านี้ตามเป็นจริงแล้ว
ไม่มีการถือเนื้อถือตัวหรอก เห็นพ่อเขาก็ เหมือนพ่อเรา เห็นแม่เขาก็เหมือนแม่เรา
เห็นลูกเขาหลานเขาก็เหมือนลูกเราหลานเรา
เห็นความสุข ความทุกข์ของหมู่ของเพื่อน ของสัตว์ต่างๆก็เหมือนกันเสมอ
 

   นี่ก็เห็นพระศรีอริยเมตไตยเท่านั้นเอง ไม่ยุ่งยากอะไรมันเสมอกัน แผ่นดินก็ราบเหมือนหน้ากลองชัยเท่านั้น ให้มัวแต่ปรารถนาให้พบพระจ้าเมตตรัยอยู่นั่น อย่าพากันปฏิบัติ มันคงจะได้พบละสิ ท่านไม่เป็นบ้าพอจะเอาคนอย่างนั้นไปด้วย เราก็ได้แต่พากันสงสัย มิได้สงสัยในสักกายทิฏฐิ เขาจะว่าดีว่าชั่วก็ช่างโลกเขาเถอะ ใจเรามันปล่อยว่างมันสงบสังขารก็เลยเป็นสุข วิจิกิจฉาความสงสัยลังเล ว่าเราป็นนั่นเป็นนี่ ว่าดีนั่น ชั่วนี่ ก็มิได้สงสัยในเรา เราดีกว่าเขา เราชั่วกว่าเขา ไม่ตื่นเต้นไปในกลุ่มใด ชุมนุมใด ก็สบาย สีลัพพตปรามาส การปฏิบัติจะลูบคลำก็ไม่มี ผู้นี้น่าชัง ผู้นี้น่ารัก ที่นี่ดี ที่นั่นชั่ว ที่นั่นผิด ที่นี่ถูก อันนั้นเป็นอย่างนั้น เปล่า...ไม่มี มันราบไปหมด มันก็พบหน้าพระเจ้าเมตตรัยถึงศาสนาของพระองค์เท่านั้น ผู้ที่ประณมแต่มือ ปรารถนาเอาแต่ปากมันคงจะได้กระมัง ให้พากันเตรียม ให้พากันหามันเป็นอย่างนี้

   อันนี้แหละเป็นข้อวัตร ข้อปฏิบัติ พวกเราทั้งหลายมาประชุมวันนี้ เทศน์ไปอีกก็จะเป็นอย่างนี้แหละ มิใช่อย่างอื่น เทศน์ไปอีกก็เป็นอย่างนี้อีก เอาละส่งมาถึงตรงนี้ก็พากันพิจารณาไป ส่งถึงหนทางใครจะไปก็ไป ใครจะอยู่ก็อยู่ ใครไม่อยู่ก็ไป ใครจะทำอย่างไรก็ทำ พระพุทธเจ้าก็ส่งแค่ปากตรอกนี่แหละ อกฺขาตะโรตถาคต พระตถาคตเป็นแต่ผู้บอก อาตมาปฏิบัติท่านก็บอกแค่นี้อาตมาก็หาทำเอา ทำมาแล้วเอามาสอนญาติโยมก็มาบอกแค่นี้ แค่ปากตรอกนี้ ใครอยากกลับก็กลับ ใครอยากไปก็ไป ใครอยากอยู่ก็อยู่ เอ้า...เอวังเท่านี้นะ...

   
นำมาจาก http://www.ajahnchah.org/thai/Toward_the_Unconditioned.php
miracle of love
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ