ชัยชนะหนุ่มพิการ ฝ่าชีวิตทรหด รับ 2 ปริญญา
ชัยชนะหนุ่มพิการ ฝ่าชีวิตทรหด รับ 2 ปริญญา (ไทยโพสต์)
บัณฑิต หนุ่มตาบอดคว้าปริญญาตรีนิติศาสตร์ มสธ. เอาชนะอุปสรรคทางร่างกายได้สำเร็จ ตั้งเป้าเป็นนักกฎหมายเพื่อช่วยเหลือเพื่อนผู้พิการได้เรียนหนังสือและ ประกอบอาชีพ ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมคนตาบอด จ.นครสวรรค์ แต่ก็ยังขายลอตเตอรี่เลี้ยงชีพ เผยนับเป็นปริญญาใบที่ 2 ในชีวิต
เผยเรื่องราวชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ความพิการทางสายตาของนายประสูตร แสงสร้อย หนุ่มตาบอด อายุ 30 ปี มีความมุ่งมั่นและอดทนเรียนหนังสือจนประสบความสำเร็จคว้าปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ณ มสธ. จังหวัดนนทบุรี
นายประสูตรเผยว่า พิการทางสายตามาตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ถึงกับตาบอดสนิท ยังคงมองเห็นได้เลือนรางในระยะใกล้ ๆ เท่านั้น ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ตนอ่านหนังสือได้ช้า ต้องใช้เครื่องขยายตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นแล้วนำมาจ่อใกล้ดวงตาจึงจะมองเห็น ในสมัยเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนลาดยาววิทยาคม จังหวัดนครสวรรค์ เวลา ทำข้อสอบต้องยกขึ้นมาประชิดดวงตา ซึ่งพอจะมองเห็นเลือนราง ในข้อสอบมี 100 ข้อ แต่สามารถทำได้ประมาณ 60 ข้อ ส่วนที่เหลืออีก 40 ข้อต้องกามั่วไป เพราะอ่านข้อสอบไม่ทัน เวลาหมดก่อน
บัณฑิตนิติศาสตร์ผู้พิการทางสายตาบอกว่า ไม่คิดว่าตัวเองจะเรียนผ่านชั้นประถมมาได้ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นโรงเรียนไม่มีอุปกรณ์ช่วยมองเห็น ไม่มีหนังสืออักษรเบรลล์ ไม่มีสื่อซีดีให้ฟัง และไม่มีแม้แต่ครูคอยช่วยเหลือ แม้ว่าจะทำข้อสอบไม่ทัน แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดและสอบผ่านวิชาต่าง ๆ มาได้ หลังจากเรียนจบชั้น ป.6 ก็ย้ายมาเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้มีโอกาสเรียนหนังสืออักษรเบรลล์เป็นครั้งแรก ได้ค้นคว้าหาความรู้เรื่องต่าง ๆ จากอักษรเบรลล์ ได้ฟังเสียงจากเทปและสื่อการเรียนการสอนจนเรียนจบ ม.3 ก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนโคราชพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา จบชั้น ม.6
"หลัง จากนั้นผมเลือกสอบเข้าคณะศึกษาศาสตร์เอกประถมวัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) โดยสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2547 ในช่วงระหว่างนั้นผมสมัครเป็นนักศึกษาสาขานิติศาสตร์ มสธ. และเรียนควบคู่กันทั้งสองสถาบันไปพร้อม ๆ กัน เพราะเห็นว่าตัวเองยังพอจะมีเวลา อยากใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อีกทั้ง มสธ.เป็นสถานศึกษาที่มีตารางเรียนและสอบในวันเสาร์-อาทิตย์ เหมาะที่จะแบ่งเวลาเรียนได้อย่างลงตัว" นายประสูตรเล่า
เขาบอกเหตุผลที่เลือกเรียนสาขานิติศาสตร์ว่า อยาก เป็นนักกฎหมาย เพราะปัจจุบันกฎหมายไทยมีช่องว่างทำให้คนตาดีเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ จึงอยากที่จะมีโอกาสไปผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ ทั้ง พ.ร.บ.คนพิการและรัฐธรรมนูญ ซึ่งกว่าจะได้ปริญญาทางกฎหมายไม่ใช่เรื่อง ง่ายสำหรับผู้พิการทางสายตา ต้องอาศัยความขยันและความมานะพยายามมากกว่าคนปกติหลายเท่า วิธีเรียนมีทั้งการใช้เครื่องขยายตัวหนังสือ การบันทึกเสียงตัวเองในส่วนของเนื้อหาสาระที่สำคัญเพื่อฟังทบทวนในภายหลัง และค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้โปรแกรมตาทิพย์ รวมทั้งฟังจากสื่อซีดี ส่วนข้อสอบของ มสธ.มีเครื่องอ่านข้อสอบให้ฟังแล้วตอบใส่เทป ระยะเวลาทำข้อสอบก็เท่ากับคนปกติ
"ที่ ผ่านมาได้รับรู้ปัญหาการเลือกปฏิบัติกับคนพิการ ผมจึงเกิดแรงกระตุ้นเรียนกฎหมาย มสธ. จนคว้าปริญญาตรีได้สำเร็จ นอกจากเป็นใบเบิกทางประกอบอาชีพได้แล้ว ยังจะนำความรู้กฎหมายไปช่วยเพื่อนผู้พิการ ขณะนี้ผมทำงานเป็นนายกสมาคมคนตาบอดจังหวัดนครสวรรค์ พยายามทำให้คนตาบอดได้มีโอกาสเรียนหนังสือและประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ เมื่อ มีเวลาว่างจะไปขายลอตเตอรี่ สิ่งที่ต้องการคือ อยากให้คนพิการกล้าที่จะก้าวออกจากบ้านมาผจญโลกภายนอก แต่ถ้าคิดว่าลำบาก ท้อแท้ ตาบอดแล้วไปไหนไม่ได้ ทุกอย่างก็จบ สิ่งดี ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น จะไม่มีวันที่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นเราต้องต่อสู้" นายประสูตรกล่าวในที่สุด
ขอขอบข้อมูลจาก ไทยโพสต์
.