'มะเร็งไต'โรคใหม่ภัยคร่าชีวิต!
โรคภัยต่าง ๆ ในปัจจุบันมีความร้ายแรงเพิ่มมากขึ้น และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กระแสการดูแลรักษาสุขภาพแพร่กระจายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันตนเองให้ห่างไกลจากโรค “มะเร็ง” โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมาแล้วมากมาย ซึ่งล่าสุด มีการตรวจพบมากขึ้นในอวัยวะที่ไม่เคยเป็น หรือน้อยนักที่จะเป็น นั่นคือ ไต!
“มะเร็งไต” เป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่และเริ่มพบแพร่หลายในประเทศไทย จากที่แพร่หลายในประเทศยุโรปมาพักใหญ่ โดย ผศ.นพ.วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต หัวหน้าสาขาเคมีบำบัด ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เล่าว่า โรคมะเร็งไตเป็นโรคชนิดใหม่ที่เกิดขึ้น และไม่พบกันได้บ่อย ๆ ล่าสุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 53 พบผู้ป่วยด้วยโรคนี้กว่าห้าหมื่นราย และเสียชีวิตไปกว่าหมื่นสามพันราย!
การทำงานของไต จากหลอดเลือดที่นำเลือดมายังไตเป็นหลอดเลือดที่ออกจากหัวใจ ลำเลียงทั้งสารที่มีประโยชน์และของเสียที่ต้องการกำจัดออก สารต่าง ๆ ที่เลือดลำเลียงมาจะถูกส่งเข้าสู่หน่วยไตโดยผ่านไปตามหลอดเลือดฝอย เพื่อให้หน่วยไตทำหน้าที่กรองสารที่อยู่ในเลือดก่อน ซึ่งพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงและสารจำพวกโปรตีนบางชนิด เช่น ฮีโมโกลบิน ไม่สามารถผ่านเข้าสู่หน่วยไตได้ สำหรับสารบางจำพวก เช่น น้ำตาลกลูโคส กรดอะมิโน และของเสียอื่น ๆ จะผ่านเข้าสู่หน่วยไตได้และจะไหลเข้าไปตามท่อของหน่วยไต
แร่ธาตุและสารบางชนิดที่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ เมื่อผ่านไปตามท่อของหน่วยไตจะถูกผนังของหน่วยไตดูดซึมกลับคืนเข้าสู่หลอด เลือดฝอยใหม่ ส่วนของเสียอื่น ๆ ที่รวมเรียกว่า น้ำปัสสาวะ จะถูกส่งผ่านไปตามหลอดไตและเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะต่อไป จากนั้นจึงถูกขับออกจากร่างกายในรูปของเหลว คือ น้ำปัสสาวะ
โดยปกติน้ำตาลกลูโคสเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจะถูกผนังของหน่วยไตดูด ซึมกลับเข้าสู่หลอดเลือดฝอยหมด ถ้ากรณีมีน้ำตาลกลูโคสในเลือดมากเกินไปหน่วยไตจะไม่ดูดซึมทั้งหมด และจะปล่อยออกมาพร้อมกับปัสสาวะ กรณีที่ตรวจพบว่าในน้ำปัสสาวะมีอนุภาคของน้ำตาลกลูโคสมากผิดปกติ แสดงว่าบุคคลผู้นั้นกำลังมีอาการของโรคเบาหวาน นั่นเอง
ส่วนใหญ่ผู้ที่พบเป็นโรคมะเร็งไตนั้น อัตราส่วนจะอยู่ที่เป็นผู้ชาย 4.7 รายต่อประชากรแสนคน ส่วนผู้หญิงจะเป็นโรคนี้เฉลี่ย 2.5 รายต่อประชากรแสนคน จะเห็นได้ว่าผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงกว่าผู้หญิงประมาณสองต่อหนึ่ง ซึ่งโรคนี้มีความร้ายแรงตามระยะการเกิด ส่วนใหญ่จะเกิดในผู้มีอายุ 50-70 ปี ไม่ค่อยเจอผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 45 ปี
สาเหตุของมะเร็งไตยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน แต่สามารถบอกถึงปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น การสูบบุหรี่ โรคอ้วน ได้รับโลหะหนักเช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยม หรือการได้รับรังสี และอาจจะมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงที่ยีน
อาการที่แสดงว่าจะเป็นโรคมะเร็งไตนั้นคือ ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลัง คลำที่เอวมีก้อนเนื้อ น้ำหนักลด และอ่อนเพลีย ส่วนใหญ่ที่พบว่าเป็นโรคนี้ได้เนื่องจากความบังเอิญเพราะไปอัลตราซาวด์ตรวจ โรคอื่นแล้วไปเจอโรคนี้
มะเร็งไตมีอยู่ด้วยกัน 4 ระยะ ระยะแรกคือ 1.ระยะต้น ก้อนมะเร็งจะใหญ่น้อยกว่า 7 เซนติเมตร มีสิทธิอยู่ได้นาน 5 ปี 90 เปอร์เซ็นต์ ระดับ 2.มีก้อนเนื้อมากกว่า 7 เซนติเมตร มีโอกาสอยู่ได้เกิน 5 ปี 85 เปอร์เซ็นต์ ระดับ 3. ลุกลามไปถึงเส้นเลือดดำ และแพร่กระจายไปในไตหนึ่งไต มีโอกาสอยู่ได้นานเกิน 5 ปี 60 เปอร์เซ็นต์ ระยะที่ 4.มีอาการลุกลามออกไปยังอวัยวะข้างเคียง และเป็นที่ต่อมน้ำเหลืองมากกว่าหนึ่งต่อม มีโอกาสอยู่ได้นาน 5 ปี 10 เปอร์เซ็นต์
การรักษามีด้วยกัน 5 วิธีคือ 1. การผ่าตัด สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คนไข้ต้องมีอาการอยู่ในระหว่างระยะ 1–3 วิธีที่ 2. ใช้การฉายรังสี เป็นการบรรเทาอาการ ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ วิธีที่ 3. ใช้เคมีบำบัด ใช้ยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็ง ซึ่งวิธีการนี้มีบทบาทลดลงจนเป็นวิธีที่ไม่นิยมใช้ วิธีที่ 4. ให้ยาไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย มีโอกาสรักษาให้หายได้ต่ำ และอาจมีผลข้างเคียงมาสู่ผู้ป่วยได้ วิธีที่ 5. รักษาแบบพุ่งเป้า ตอนนี้ได้รับความนิยมเป็นหลัก ยับยั้งการกระจายตัว โดยสามารถยับยั้งไม่ให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง และยับยั้งการส่งเสริมเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
ไตมีสองข้างส่วนใหญ่จะเป็นแค่ข้างเดียว ไม่สามารถลุกลามไปอีกไตได้ การรักษาสามารถตัดไตข้างนึงออกได้โดยไม่มีผลกระทบต่อชีวิตคนไข้ วิธีการดูแลตัวเองที่ดีที่สุด คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญโรคนี้ไม่สามารถเป็นได้ง่าย
โรคมะเร็งไต แม้จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ไม่ต้องตื่นตกใจ เพราะสามารถควบคุมและรักษาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากตรวจพบเร็วย่อมมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้.
..........................
เคล็ดลับสุขภาพดี
ปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยป้องกันโรค
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยมากในเพศหญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนักซึ่งเป็นแหล่งที่มี เชื้อโรคมากจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ โดยเฉพาะวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ หากคุณสาว ๆ ไม่อยากทนทุกข์กับอาการเจ็บปวดทรมานมาฟังคำแนะนำต่อไปนี้กันค่ะ
นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวให้ความรู้ถึงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคนี้จะเกิดจากการกลั้นปัสสาวะมากเกินไปและรับประทานน้ำไม่เพียงพอ การกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ที่สำคัญที่สุด ในผู้ป่วยบางรายอาจพบว่าเป็นบ่อย ๆ เนื่องจากมีความผิดปกติทางกายวิภาคของกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะหรืออาจพบว่าเป็นโรคนิ่วร่วมด้วย
นอกจากนี้สาเหตุอีกประการหนึ่งที่คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบคือ ในสตรีวัยเจริญพันธุ์พบว่ามีอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้บ่อยภายหลัง จากการมีเพศสัมพันธ์ด้วย โดยเฉพาะในช่วงระยะหลังการแต่งงานใหม่ ๆ อาจเกิดการฟกช้ำจากการร่วมเพศแล้วทำให้มีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ เชื้อแบคทีเรียหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย เกิดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะขึ้น เรียกภาวะดังกล่าวว่า อาการปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด ครั้งละไม่มาก รู้สึกถ่ายไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เจ็บมากตอนปลาย ของปัสสาวะ บางรายมีเลือดออกมาด้วย หรืออาจมีอาการปวดที่ท้องน้อยร่วมด้วย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น สีมักจะใส แต่บางคนอาจขุ่นหรือมีเลือดปน ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นหลังกลั้นปัสสาวะนาน ๆ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ดีที่สุด นั่นคือ พยายามดื่มน้ำมาก ๆ อย่ากลั้นปัสสาวะ ควรฝึกการถ่ายปัสสาวะนอกบ้าน หรือระหว่างเดินทางได้ทุกที่ เพราะการกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญ เติบโตทำให้เกิดการอักเสบได้ หลังถ่ายอุจจาระควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลังเพื่อ ป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะ สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศอาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนร่วมเพศควรใส่ครีมหล่อลื่นช่องคลอดก่อนถ้าจำเป็น และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ บางครั้งอาจต้องรับประทานยาถ้ามีการติดเชื้อ และระหว่างที่มีตกขาว ควรทำความสะอาดบ่อยขึ้น อย่าให้หมักหมมและหลีกเลี่ยงอาการท้องผูกนาน ๆ
สาว ๆ ที่ทราบแบบนี้แล้วอย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอนะคะ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีและยังสามารถช่วยหลีกเลี่ยงอาการเจ็บปวดที่อาจเกิด ขึ้นได้หลังมีเพศสัมพันธ์ด้วยค่ะ.
...........................
สรรหามาบอก
- โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล นวมินทร์ ขอเชิญประชาชนผู้สนใจร่วมบริจาคโลหิต ใน วันอังคารที่ 25 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 10.00 –14.00 น. ณ ห้องประชุม 16A โดยโลหิตที่ได้รับบริจาคจะถูกรวบรวมนำไปใช้เป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อ ไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0- 2944-7111 ต่อ 4157
- โรงพยาบาลนครธน เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคโลหิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในกิจกรรม “ให้เลือด…ให้ชีวิต” ตามโครงการ “ปวงประชาชนชาวไทย ทำความดี บริจาคโลหิตถวายพ่อของแผ่นดิน” เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา ใน วันพุธที่ 26 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมทองสิมา ชั้น 4 โรงพยาบาลนครธน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2450-9999, 0-2416-5454 ต่อ 7408-7410
- ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพอนามัยสู่ประชาชน เรื่อง “กรดไหลย้อนซ่อนปัญหา” ใน วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมอรรถสิทธิ์ ชั้น 5 ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สอบถามข้อมูลหรือสมัครเข้ารับฟังการบรรยายได้ที่โทร. 0-2201-1091-3 หรือ 0-2201-2521 (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น)
- ศูนย์การแพทย์คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ขอเชิญทุกท่านที่สนใจร่วมงานสัมมนาสุขภาพเรื่อง “เรื่องของตับกับการแพทย์ทางเลือก” ใน วันเสาร์ที่ 29 มกราคม 2554 เวลา 13.00–16.30 น. ณ ศูนย์การแพทย์บูรณาการแบบครบวงจร คิว เมดิคอล เซ็นเตอร์ ชั้น 22 อาคาร 253 อโศก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งฟรีได้ที่ โทร. 0-2260-6911, 0-2664-3027.
ทีมวาไรตี้
Daily News Online > หน้าวาไรตี้ > 'มะเร็งไต'โรคใหม่ภัยคร่าชีวิต!
.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=116850.