๕.ติกาลัญญู
รู้กาล ๓ นิยตโพธิสัตว์ในชาติที่สุดนั้น รู้พระองค์ใน ๓ กาล คือ เมื่อจะจุติจากสวรรค์ลงสู่พระครรภ์ ก็รู้ว่าจะจุติลงสู่พระครรภ์ ๑ เวลาที่ อยู่ในพระครรภ์ ๑๐ เดือน ก็รู้ว่าอยู่ในพระครรภ์ ๑ เวลาประสูติจากพระ ครรภ์ก็รู้ว่าประสูติจากพระครรภ์ ๑ ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้แต่ไม่ได้ออกสั่งสอนเวไนยสัตว์ ไม่สามารถรื้อถอนสัตว์ออกจากสังสารวัฏได้- deedi) กับพระอัครสาวกทั้ง สอง เป็น ทวิกาลัญญู รู้กาล ๒ คือ เวลาจุติลงสู่ครรภ์ ๑ เวลาที่อยู่ในครรภ์ ๑ อสีติมหาสาวกใหญ่ทั้ง ๘๐ เป็น เอกาลัญญู รู้กาลเดียว คือ เวลาจะถือ ปฏิสนธิเท่านั้น
นอกจากบุคคล ๓ ประเภทนี้ เป็น อกาลัญญู คือ ไม่รู้กาลทั้งหมดฯ
๖. ปสูติกาโล
กาลประสูติ เวลาประสูติ หมายความว่า ในชาติที่สุดนั้น นิยตโพธิสัตว์มีการประสูติดังนี้ คือ เวลาจะประสูติ พระมารดายืน ส่วน พระองค์ท่านที่อยู่ในครรภ์ ก็ยืนขึ้นและทรงเหยียดพระหัตถ์ทั้งสองลงไป ตามลำขา มีอาการเหมือนพระเทศน์ลงจากธรรมาสน์ ไม่รู้สึกลำบาก พระองค์และพระมารดาเลย หมื่นโลกธาตุก็หวั่นไหวใหญ่
๗. มะนุสสะชาติโย
เกิดเป็นมนุษย์ หมายความว่า การที่นิยตโพธิสัตว์ ผู้มีบุญญาภินิหารเต็มที่สามารถเลือกเกิดได้ตามชอบใจในชาติที่สุด แต่ต้องเกิดเป็นมนุษย์นั้น ก็นับเป็นข้อควรอัศจรรย์อย่างหนึ่ง ท่านอ้างเหตุ ไว้ ๓ อย่าง คือ
๑.มนุษยโลก
สมควรเป็นที่ตั้งศาสนพรหมจรรย์ คือ การบรรพชาอุปสมบท ซึ่งทรงคำสั่งสอนไว้
๒. เป็นที่อัศจรรย์ในพุทธานุภาพ
๓. เป็นที่มีโอกาสไว้พระสารีริกธาตุในเวลาพระองค์นิพพาน
********************************************
ส่วนต่อไปนี้นับว่าเป็นส่วนเพิ่มเติมเพราะส่วนข้างบนทั้งหมดเป็นคำสนทนา โดยตรงระหว่างพระศรีอริยเมตไตรยกับพระอรหันต์พระนามพระมาลัยเถระ แต่ส่วนที่จะยกมาตรงนี้เป็นบทสนทนาระหว่างสมเด็จพระอมรินทราธิราช (คิดว่าท่านเป็น ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นะคะ- deedi) กับพระมาลัยเถระ เกี่ยวกับ พระศรีอาริย์ก่อนที่พระมาลัยจะได้มีโอกาสกราบเข้าเฝ้าและทูลถามความ ต่างๆ ดังที่นำมาให้อ่านแล้ว
______________________
ดูกรมหาบพิตร สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยนั้น พระองค์ท่านได้ทรงบำเพ็ญ กุศลธรรมเป็นประการใด จึงประกอบไปด้วยรัศมีเครื่องประดับประดา อาภรณ์วิภูสิตงดงามยิ่งกว่าเทพยดาองค์ไหนๆ ทั้งมีเทพบุตรเทพธิดาเป็น บริวารถึงแสนโกฏิปานนี้ มหาบพิตร
ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ อันกุศลกรรมของพระศรีอริยเมตไตรยหน่อพระ- พุทธางกูร พระองค์ทรงก่อสร้างกุศลสมภารมา ก็ด้วยความปรารถนาจะ ปลดเปลื้องซึ่งหมู่สัตว์อันขัดข้องอยู่ด้วยเครื่องจองจำคือกิเลสมาร ทรงตั้ง พระทัยจะโปรดปรานมนุสสมบัติแก่หมู่สรรพสัตว์ จึงได้อุตส่าห์บำเพ็ญ เนกขัมมบารมีเป็นหลายแสนโกฏิแห่งกัปป์ฯ
หวังจะโปรดประทานพระโสดาปัตติมรรคโสดาปัตติผล แก่บุคคลผู้เห็นทุกข์ จึงอุตส่าห์บำเพ็ญปัญญาบารมีฯ
หวังจะโปรดประทานพระสกทาคามิมรรค แก่นรชนผู้เห็นประจักษ์ในทาง อนิจจัง จึงทรงบำเพ็ญวิริยบารมี
หวังจะโปรดประทานพระอนาคามิผล (ตรงนี้หนังสือเขียนว่าพระสกทาคา- มิผล ดิฉันสงสัยว่าจะพิมพ์ผิดเลยแก้มาตามนี้ ผิดถูกประการใด ขออภัย ด้วยนะคะ- deedi) แก่นรชนผู้เห็นแจ้งโดยทางอนัตตา จึงอุตส่าห์บำเพ็ญ ขันติบารมีฯ
หวังจะโปรดประทานพระอรหัตตมรรคอรหัตตผล แก่บุคคลผู้เห็นแจ้ง ประจักษ์ในพระไตรลักษณะทั้ง ๓ ประการ จึงอุตส่าห์บำเพ็ญสัจจบารมีฯ
หวังจะโปรดประทานพระอัฏฐังคิกมรรค แก่บุคคลผู้งดเว้นจากปาณาติบาต จึงหมั่นบำเพ็ญอธิษฐานบารมีฯ
หวังจะโปรดประทานนิพพานสมบัติ แก่สัตว์ผู้เห็นภัยในวัฏฏสงสาร จึงอุตส่าห์บำเพ็ญเมตตาบารมีและอุเบกขาบารมีฯ
สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรยบรมพุทธางกูรนี้ ได้ทรงสร้างบารมีมาหลาย แสนกัปป์ ก็เพื่อจะโปรดประทานศีล สมาธิ ปัญญา แก่เวไนยสัตว์ให้ล่วงพ้น จากวัฏฏสงสาร บรรลุถึงฟากฝั่งพระนิพพาน เห็นสภาวะปานฉะนี้ ขอพระคุณเจ้าจงรอคอยพระองค์ก่อน เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงเมื่อใด ขอพระคุณเจ้าจงได้ไต่ถามพุทธการกภูมิให้พิสดารกว้างขวาง ตามอัธยาศัยของพระคุณเจ้าเมื่อนั้นเถิดฯ
จาก "พระมาลัยโปรดสัตว์นรก" รจนาโดย พระเทพสิทธิมุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ. ๙) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ
********************************************
จบ
********************************************
หมายเหตุจากผู้จัดทำโฮมเพจ
เรื่องพระศรีอาริย์นั้น เคยนำมาพูดคุยกันหลายครั้งหลาย เป็นความรู้และเป็นความหวัง ว่าในทางข้างหน้าเมื่อหมดพระพุทธศาสนาปัจจุบันแล้ว เรายังมีที่พึ่ง ยังมี พระศาสนารอคอยอยู่อีก มีพระพุทธองค์ที่จะเปิดและชี้ทางไปสู่ความดับทุกข์ อย่างไรก็ตาม เพื่อนทางธรรมท่านหนึ่งเคยเตือนมาและดิฉันเห็นด้วย ว่าเราทุกคนที่ต้องการพ้นทุกข์ ควรเร่งทำความเพียรกันเข้าไว้ เราไม่ทราบจริงๆ ว่าเมื่อไหร่เวลานั้น (คือยุคพระศรีอาริย์) จะมาถึง เราไม่ทราบด้วยซ้ำว่าถ้าเวลานั้นมาถึงจริง เราจะได้มาพบพระศาสนาอีกหรือไม่ เพราะเราอาจกำลังไปเสวยทุกข์หรือเสวยสุข อยู่ข้างล่างอันมืดมิดหรือข้างบนอันสุกสว่าง เอารอบนี้ที่แน่ๆ ดีกว่า เกิดเป็นคนก็แล้ว ได้มาพบพระศาสนา ได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติ ก็แล้ว เชิญชวนมารีบ "สร้างเหตุ" แห่งการออกจากทุกข์ ด้วยการเจริญ ทาน ศีล ภาวนา เจริญสติตามองค์ของมรรคแปด ตั้งแต่วันนี้ กันดีกว่า เป็นข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=25233http://www.watkoh.com/forum/index.php?topic=1240.0