“ความรัก” เป็นความรู้สึกด้านบวกของมนุษย์ ที่สามารถสร้างสรรค์แรงบันดาลใจ สร้างเรื่องราวดีๆให้เกิดขึ้นได้มากมาย ขอเพียงอย่ายึดติดกับรูปแบบความรักในมิติด้านเดียว ก็ไม่ยากที่เราจะรู้ถึงความงดงามแห่งรักที่หลากหลาย
“Once” ภาพยนตร์เมื่อปี 2006 จากประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวความรัก ผ่านบทเพลงอันไพเราะราวกับเป็นมิวสิควิดีโอขนาดยาว นับเป็นภาพยนตร์ที่มีมุมมองเกี่ยวกับความรักน่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะ หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีภาพยนตร์สัญชาติไอริชมาฉายในโรง หรือวางขายในเมืองไทย... Once หรือชื่อในภาษาไทยว่า
“ครั้งเดียว” จึงต้องมีอะไรดีๆอยู่พอตัว
บทภาพยนตร์เรียบง่าย เล่าให้ผู้ชมรู้จักกับผู้ชายชาวไอริชคนหนึ่ง (ไม่ปรากฏชื่อในภาพยนตร์) ซึ่งทำงานเป็นช่างซ่อมเครื่องดูดฝุ่นในร้านของพ่อตัวเอง โดยชีวิตกลางคืนของเขานั้น คือ ออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกริมถนนในกรุงดับลิน ซึ่งบางบทเพลงที่เขาขับร้องนั้น คือ เพลงที่แต่งขึ้นมาเอง และนำมาจากเรื่องราวความรัก-ความหลังที่น่าขมขื่น
แต่แล้วในคืนหนึ่ง มีหญิงสาวแปลกหน้า เดินผ่านมา “หยุด” และ “ฟัง” บทเพลงซึ่งแฝงความเศร้าสร้อยริมถนน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจบางอย่างในชีวิตของคนสองคน
หญิงสาวแปลกหน้าที่ว่านี้ (ไม่ปรากฏชื่อเช่นกัน) เป็นสาวสัญชาติเช็ค ที่มาทำงานรับจ้างเป็นแม่บ้าน พร้อมกับการเดินเร่ขายดอกไม้ ในกรุงดับลิน หรือจะว่าไปแล้ว เธอคือแรงงานราคาถูกจากยุโรปตะวันออก ที่เข้ามาหาเลี้ยงชีพในไอร์แลนด์
แม้ชายหนุ่มกับหญิงสาว มีความแตกต่างระหว่างเชื้อชาติ แต่ในความเหมือนที่สามารถนำมาเชื่อมถึงกัน คือ ทั้งคู่ต่างมีหัวใจรักดนตรี ทั้งยังมีฝีมือด้านดนตรีที่โดดเด่นอีกด้วย เพราะแม้หญิงสาวเป็นเพียงแม่บ้านรับจ้าง แต่เธอก็มีพรสวรรค์ และได้รับการฝึกฝนทักษะการเล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็ก โดยทุกวันเธออาศัยเวลาว่างหลังเลิกงาน ไปขอเล่นเปียโนในร้านขายเครื่องดนตรีเสมอๆ
ความเหมือนอีกด้าน คือ อดีตที่น่าผิดหวังจากความรัก... ชายหนุ่มทิ้งความฝันอยากเป็นนักดนตรีในลอนดอน เนื่องจากโดนคนรักเก่าทิ้ง ส่วนหญิงสาวแต่งงานมีสามีและมีลูกสาวน่ารัก แต่ความฝันพังทลาย เมื่อจำต้องแยกทางกันเดิน ด้วยทัศนคติในการใช้ชีวิต ไม่ตรงกัน
อดีตที่ขมขื่นกับบทเพลงที่สื่อถึงอารมณ์ จึงกลายเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้คนต่างสัญชาติมารู้จักและเกิดเป็นความรักในอีกรูปแบบหนึ่ง
ความรักในรูปแบบที่ว่านี้ หมายถึง ความรักที่เป็นผู้ให้ และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ เพราะแม้ ว่าชายหนุ่มกับหญิงสาว จะมีความรู้สึกที่ดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลังได้รู้จักคุ้นเคยกันเพิ่มขึ้น แต่ทิศทางความรักก็ดำเนินไปในลักษณะเป็นกำลังใจในการกระตุ้นตามความฝัน และเยียวยาความเจ็บปวดในอดีตซึ่งกันและกัน มากกว่าจะมุ่งหวังเพียงเพื่อเป็นคู่รักในรูปแบบการใช้ชีวิตคู่ หญิงสาวช่วยมา “เติมเต็ม” หรือ “เติมฝัน” ที่ชายหนุ่ม ทิ้งมันไปหลังผิดหวังกับความรักครั้งก่อน โดยทั้งคู่ร่วม กันสร้างสรรค์ผลงานใหม่ เริ่มไปหาทุนรอน หาวงดนตรีแบ็คอัพ หาสถานที่ฝึกซ้อม และมาทำเพลงอีกครั้งเพื่อเป็นเพลงตัวอย่าง (Demo) ส่งให้กับค่ายเพลงในลอนดอน
ส่วนชายหนุ่มนักดนตรีก็มีส่วนช่วยในการเยียวยาแผลในความรู้สึกเรื่องชีวิตคู่ให้กับหญิงสาว ผ่านกิจกรรม ที่ทำให้เธอได้เล่นเปียโน ได้ขับร้องบทเพลง ถ่ายทอดอารมณ์ และระบายความรู้สึกภายในจิตใจ
จุดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรียบง่ายจากแดนไอริชเรื่องนี้ เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากบทเพลงประกอบภาพยนตร์ ที่คอยขับเคลื่อนบอกเล่าเรื่องราว และความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวละคร
โดยเฉพาะเพลง “Falling Slowly” ซึ่งเป็นเพลงที่สามารถคว้ารางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์มาได้นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งกินใจให้ข้อคิดที่ดี
จากท่อนหนึ่งของเพลงที่ว่า “Take this sinking boat and point it home. We‘ve still got time.” ซึ่งหากจะแปลให้สละสลวยสอดคล้องไปกับเรื่องราวของภาพยนตร์ คงได้ความว่า
เราทั้งสองยังพอมีเวลาที่จะนำพาเรือซึ่งกำลังจะจมลง ล่องกลับไปให้ถึงจุดหมาย นัยของเนื้อหาส่วนนี้ ไม่ต่างจากแกนหลักของเนื้อเรื่องที่
ชายหนุ่ม-หญิงสาว ผู้ต่างเคยจมดิ่งลงไปกับความทุกข์ แต่ก็ยังมีโอกาสในการพลิกชีวิตที่เคยล้มเหลว ท้อแท้ หมดหวัง ช่วยกันฟื้นคืนกำลังใจ พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจขึ้นมาอีกครั้ง และนำไปสู่เป้าหมายให้สำเร็จ ความหมายลึกซึ้งข้างต้น เมื่อบวกเข้ากับ “ตอนจบ” จึงสามารถทำให้ภาพยนตร์ฟอร์มเล็กจากไอร์แลนด์เรื่องนี้ มีบทสรุปว่าด้วย “ความรัก” ที่ยิ่งใหญ่
โดยในตอนจบนั้น หลังจาก ชายหนุ่ม-หญิงสาว ทำเพลง Demo เสร็จแล้ว แม้ว่าทั้งคู่จะรักกันมากเพียงใด แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเดินร่วมทางกันในฐานะคนรัก หากแต่เลือกดำเนินชีวิตดังที่ควรจะเป็น เหมือนกับประโยค “Take this sinking boat and point it home” ..... นำเรือที่กำลังจะจมลง ไปสู่จุดหมายปลายทาง
ชายหนุ่มตัดสินใจทำตามความฝันอีกครั้ง เขาเดินทาง มุ่งสู่ลอนดอนเพื่อนำ Demo ไปเสนอค่ายเพลง และยังพก พาความหวังเล็กๆที่ว่า อาจจะดึงความรักที่เคยสูญเสีย กลับคืนมาได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ได้ทำสิ่งที่เป็น “ความรัก” ในรูปแบบไม่หวังผลตอบแทน ด้วยการซื้อเปียโนให้กับหญิงสาวชาวเช็คที่เขารัก
ส่วนหญิงสาวใช้ชีวิตตามวิถีของตัวเองต่อไป พร้อมกับข่าวดีที่ว่า สามีของเธอกำลังจะเดินทางมาเยี่ยม และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ความสัมพันธ์ในชีวิตคู่อีกครั้ง ว่าจะดำเนินไปด้วยกันอย่างไร
Once จึงนับเป็นภาพยนตร์ที่สอดแทรกมุมมองของความรักที่เสียสละ พร้อมทั้งสอนให้เรารู้ว่า หากเดินก้าวข้ามผ่านมายาคติแห่งรักที่ว่า ต้องใช้ชีวิตคู่ร่วมกันเท่านั้น หรือข้ามพ้นความรักในรูปแบบ “รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส”ไปให้ได้ เราก็จะพบกับความรักในอีกแง่มุม ที่มีความงดงามไม่แพ้กันเลย (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 123 กุมภาพันธ์ 2554 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)
Once - main trailerOnce - Trailer