ขอบคุณภาพประกอบจากรพ.มนารมย์
แม้ความรู้สึกแสนหวานของความรักจะน้อยลงไปตามธรรมชาติ และกาลเวลา แต่ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้นานหากรักอย่างเข้าใจ สำหรับใครที่อยากจะพัฒนาความรักให้ดี และสดชื่นอยู่เสมอ ๆ
วันนี้ทีมงาน Life & Family มีข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับชีวิตรักจาก ศ.ดร.นายแพทย์วิทยา นาควัชระ จิตแพทย์สถาบันตนเอง และนักบริหารมาฝากกัน เริ่มจาก 1. ถ้าแต่งงานแล้ว ให้ท่องทุกวันว่า จะให้เกียรติภรรยา (หรือสามี) ที่สำคัญมาก คือ ให้ซื่อสัตย์ต่อกัน ห้ามนอกใจกัน แล้วเขาจะทำเช่นเดียวกับเรา คือให้เกียรติเราด้วย
2. เวลาขับรถไปกับแฟน อย่าด่า หรืออารมณ์เสียกับคนขับรถคันอื่น เพราะเขาไม่ได้ยิน แต่แฟนเราได้ยิน แฟนจะรู้ว่าเรากำลังอารมณ์เสีย เขาจะพลอยเครียด และไม่อยากคุยกับเราไปด้วย แม้เราจะบอกว่าไม่ได้โกรธเขา แต่โกรธคนขับรถอีกคัน ก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะหน้าเราบอกว่ากำลังโกรธอยู่ และกำลังมีอารมณ์ไม่ดี คนนั่งข้าง ๆ จะอึดอัดใจ และไม่มีความสุขไปด้วย
3. การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เป็นแฟน หรือเป็นครอบครัว ถือเป็นการเรียนรู้ ซึ่งอาจจะสนุกบ้าง ไม่สนุกบ้าง แต่ก็คุ้มค่าในการเป็นชีวิตมนุษย์
4. การรับผิดชอบต่อครอบครัว ต้องเป็นคนมีอนาคต มีการงานที่สุจริต พร้อมจะช่วยดูแลช่วยเหลือกันและกันได้ เพื่อจะได้ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
5. ถ้ามีปัญหาให้แก้ที่เหตุอย่าแก้จากผล เพราะผลจะทำให้เกิดอารมณ์เสีย แก้อะไรก็ลำบาก คนที่อารมณ์เสียมักจะดื้อ ต่อต้าน และเป็นคนไม่มีเหตุผล
6. อย่าขอสัญญา หรือสาบานจากคนรัก เพราะถ้าเขาทำไม่ได้ เราจะอึดอัดและเกลียดเขา ขาดความโปร่งเย็นของชีวิตครอบครัว ดังนั้นพยายามฝึกการรักเขาหรือเธอจากสภาพจริงที่เป็น และรักตัวเองให้ได้จากสภาพจริงที่เป็นตัวเราด้วย
7. เมื่อรักใคร ต้องรู้จักเว้นวรรคให้ห่างจากเขาบ้าง เช่น พ่อ แม่ ลูก หรือคู่รัก สามี ภรรยา อย่าพยายามเฝ้าติดตาม หรือคอยสืบเสาะมากนัก ทั้งทางด้านสายตา และเครื่องมือสื่อสาร เพื่อให้เขาหรือเธอได้มีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องมาอึดอัดเมื่อนึกถึงเรา
8. ให้สนุกกับความรักและชีวิต อย่าใส่กฎเกณฑ์ หรือเอาจริงเอาจังมากนัก เพราะจะผิดหวัง เมื่อชีวิตไม่สนุก ความรักก็หดหาย (ความสนุกเกิดจากความใจกว้าง ความหวัง และความกล้า)
9. เหนือความรัก คือ ความเมตตา
10. ให้หัดสังเกตลมหายใจของตนเอง และคนรัก ถ้ากำลังโกรธ ลมหายใจจะแรง และดัง ถ้าเรารู้ว่าเขากำลังโกรธ เราต้องรีบทำลมหายใจของเราให้สงบ โดยเราจะทำเสียงลมหายใจ และทีท่าให้สงบลง เขาก็จะสงบตามด้วย ไม่ใช่หายใจแรง และเสียงดังทั้งคู่ ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
11. เมื่อมีความรักแล้ว ต้องกล้าหาญ มองข้ามความกลัว และความผิดหวัง ต้องแสดงออกมาเป็นคำพูด และพฤติกรรมให้เหมาะสม อย่าเก็บเอาไว้ในใจ เพราะคนอื่นเขาไม่รู้ และอย่าแสดงออกมาแบบตรงข้ามกับความรัก เช่น ชอบจับผิด ประชด น้อยใจ งอน โกรธ เป็นต้น แล้วบอกว่านี่แหละความรัก ซึ่งมันไม่ใช่เลย
อย่างไรก็ดี วิธีแสดงความรักง่าย ๆ คือ ยิ้มแย้ม ทักทาย ชมเชย และพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ 12. เราเรียนรู้ความรักจากความสัมพันธ์กันและกัน ไม่ใช่การปลีกวิเวกแบบต่างคนต่างอยู่ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่ดีจะอยู่บนพื้นฐานของความดี ความรู้ และความรัก แต่ถ้าความสัมพันธ์ของมนุษย์อยู่บนเซ็กซ์ สังคมจะเสื่อมได้เร็ว
13. มนุษย์จะมีวุฒิภาวะมากขึ้น เมื่อรู้จักรักคนอื่น สังเกตเห็นได้ง่าย ๆ จากความแตกต่างระหว่างคนมีลูกแล้ว และคนโสด เมื่ออายุมากขึ้นทั้งคู่ ส่วนใหญ่คนที่มีลูก มีครอบครัว จะมีวุฒิภาวะทางจิตใจ และอารมณ์มากกว่า
14. การจะมีความรักต้องรู้จักถ่อมตน รู้จักเกรงใจ ให้เกียรติ และรักษาเกียรติซึ่งกันและกัน
15. อย่าแสวงหาความรักจากคนอื่น แต่จงทำตนให้มีคุณค่า และมีพลังแห่งความรักจากภายในให้เป็นแสงสว่างของความดี ความสุข และความรักเปล่งประกายออกมา คนที่ต้องการพลังความรัก หรือคนที่ใช่คนรักของเราจะเดินเข้ามาหาเอง
16. ถ้าอยู่กับคนรัก อย่าพูดด้วยอารมณ์ อย่าพูดด้วยเหตุผล แต่จงพูดด้วย "ความรัก"
17. ความรักคือความรู้สึกที่เข้าใจ ยอมรับ เห็นใจ ช่วยเหลือ และให้อภัย เมื่อรักใครแล้วต้องรู้จักปล่อยวางบ้าง หรือปิดตาปิดหูเสียข้างหนึ่งบ้าง หรือมองข้ามปัญหาไปบ้าง ปัญหาจะน้อยลง และรักกันได้นาน
18. ถามว่าความรักมีจริงไหม ตอบว่าความรักเป็นความจริงแบบสมมติ (ทางพุทธศาสนาเรียกว่า สมมติสัจจะ) คือเป็นสิ่งที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วเปลี่ยนแปลง และสิ้นสุดได้ ไม่ใช่อยู่ถาวรตลอดกาล และตลอดไป แต่มนุษย์ควรมีความรัก และเชื่อว่าความรักเป็นพลังที่ดีที่จรรโลงชีวิตมนุษย์ในสังคมได้
ดังนั้นวิธีสร้างความรัก ต้องเริ่มจากการรักตัวเองให้เป็น ช่วยตัวเองให้มากขึ้น และรักคนอื่นให้เป็น ช่วยคนอื่นให้มากขึ้นhttp://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000027710