๑๐ ปี+ ประสบการณ์ศิษย์พุทธะ : หมวด ๑ เรื่องเล่าจากพี่
- หลวงปู่สิบทัศน์ (ตอน ๑)โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ณ วันที่ 18 มกราคม 2011 เวลา 8:59 น.
...
…วันนั้น เราได้ฟังธรรมะจากหลวงปู่มากมายหลายบท หลายบรรพ หลายคัมภีร์ จวบจนกระทั่งเย็น จึงได้กราบลาด้วยความปิติยินดีเป็นล้นพ้น ที่ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระอย่างหลวงปู่ ได้เจริญสติปัญญาทางธรรม ได้รู้ ได้เห็นอะไรๆหลายอย่าง ที่เป็นเหมือนค่ายกล กับดัก และกระบวนท่าต่างๆ ที่หลวงปู่ใช้พิชิตมาร หยิบสิบจากหลวงปู่ (หลวงปู่สิบทัศน์) ก็ได้เริ่มสิบหยิบด้วยกันดังนี้…
ฝนจะตก ลูกจะออก ดอกไม้จะบาน ถึงกาลจะตาย ห้ามมิได้ฉันใด ใครจะห้ามมิให้ข้าพเจ้าได้นมัสการหลวงปู่ ก็คงไม่ได้ฉันนั้น ได้พบแล้วถึงพูดได้ เพราะหลวงปู่ลั่นวาจาไว้บ่อยว่า “ใครอยากพบก็ได้พบ ถ้าไม่อยากพบกูหลบเอง” หมายถึงว่า ไม่ต้องมีต้นห้องคอยห้ามปรามหรือจัดคิว
วันมาฆะบูชา ๗ มีนาคม ๒๕๒๖ เพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าข่าวหลวงปู่ ตอนนั้นพวกเราบุญยังน้อย จึงไม่มีโอกาสไปร่วมในพิธีหุงน้ำมันมนต์และประสะโลหิต ล่วงมาอีกประมาณ ๑๐ วัน จนถึงวันที่ ๑๗ มีนาคม จึงได้มีโอกาสเข้ากราบนมัสการหลวงปู่ เห็นไหมตั้งแต่รู้ข่าวจนถึงวันได้ไป ใช้เวลา ๑๐ วันพอดี (หยิบสิบ) เราไปด้วยกันสามคน ชายหนึ่งหญิงสอง ไม่ต้องกล่าวซ้ำเพราะมีอยู่ในอยู่กับปู่ภาค ๑ ของอาจารย์นารีรัตน์ แล้ววันนั้นเราได้ฟังธรรมะจากหลวงปู่มากมายหลายบท หลายบรรพ หลายคัมภีร์ จวบจนกระทั่งเย็นจึงได้กราบลาด้วยความปิติยินดีเป็นล้นพ้น ที่ได้มีโอกาสกราบนมัสการพระอย่างหลวงปู่ ได้เจริญสติปัญญาทางธรรม ได้รู้ ได้เห็นอะไรๆหลายอย่าง ที่เป็นเหมือนค่ายกล กับดัก และกระบวนท่าต่างๆที่หลวงปู่ใช้พิชิตมาร หยิบสิบจากหลวงปู่ (หลวงปู่สิบทัศน์) ก็ได้เริ่มด้วยกันดังนี้ คือ
๑. ทศสูตร ๖. ทศวัตรปฎิบัติ
๒. ทศลักษณ์ ๗. ทศรรมนิเทศ
๓. ทศญาณ ๘. ทศบริจาคะ
๔. ทศภพชาติ ๙. ทศนิเสธ
๕. ทศบัญชา ๑๐. ทศนามะ โดยหยิบสิบเรื่องแรกที่หลวงปู่ยื่นให้เป็นธรรมของพระพุทธเจ้าเรื่องอย่าเชื่ออะไรง่ายนัก จากการที่หลวงปู่ได้ซักถามพวกเราว่า มาทำไม รู้ได้อย่างไร พวกเราตอบว่า มีผู้หวังดีบอกกล่าว ท่านจึงได้ให้ธรรมหยิบแรกแก่พวกเรา เรียกว่า
๑.
ทศสูตร (
เกสปุตติยสูตร หรือกาลามสูตร หรือหลักมหาปาเทส) เป็นสูตรของพระพุทธองค์ที่เน้นบทบาททางปัญญา ก่อนที่จะเชื่อถือ ปฎิบัติ อะไรให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนดังนี้
๑.๑ อย่าเชื่อเพราะ ฟังตามกันมา มา อนุสฺ สเวน
๑.๒ อย่าเชื่อเพราะ นับถือสืบต่อกันมา มา ปรมฺ ปราย
๑.๓ อย่าเชื่อเพราะ ข่าวเล่าลือ มา อิติกราย
๑.๔ อย่าเชื่อเพราะ มีอ้างไว้ในตำรา มา ปิฎก สมฺ ปทา เนน
๑.๕ อย่าเชื่อเพราะ อ้างเหตุผลทางตรรก มา ตกฺก เหตุ
๑.๖ อย่าเชื่อเพราะ การตีความตามนัยยะ (อนุมาน) มา นยเหตุ
๑.๗ อย่าเชื่อเพราะ คิดตรองตามอาการที่ปรากฏ ปริวิตกฺ เกน
๑.๘ อย่าเชื่อเพราะ เข้ากับความเห็นของตน มา ทิฎฐินิชฺ ฌานกฺขนฺติยา
๑.๙ อย่าเชื่อเพราะ ผู้พูดน่าเชื่อ มา ภพฺพรูปตาย
๑.๑๐ อย่าเชื่อเพราะ เห็นว่าผู้พูดเป็นครูของตน มา สมโณ โน ครูติ
หยิบสิบจากธรรมะของหลวงปู่ ผ่านมาแล้วหนึ่ง ก็อยากจะเล่าถึงว่าทำไมถึงได้มาถ้ำไก่หล่น มาแล้วได้อะไร จากกล่าวมาแล้วข้างต้นว่า เพื่อนร่วมงานแว่วข่าวมา จากนั้นสิบวันถึงได้มากราบนมัสการหลวงปู่
โดยมีกระแสข่าวมาว่า มีพระดี นัยว่าเป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร จึงได้พากันมากราบนมัสการและดูว่า เท็จจริงประการใด เมื่อได้พบครั้งแรกด้วยตาสัมผัส ก็นึกแปลกใจนิดๆว่า หลวงปู่ทำไมหนุ่มจัง ช่างเถอะหลวงปู่คงมีหลายร่าง จะปรากฎในร่างใดก็ได้ ข่าพเจ้าคิด ก่อนที่จะทราบว่า พระรูปไหนอย่างไร ก็โดนขบวนการของหลวงปู่เล่นงาน โดยมีศิษย์วัยรุ่นและญาติโยมที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ร่วมมือกัน แต่พวกเราไม่หวั่นไหว
ในที่สุดก็ได้มีโอกาสกราบนมมัสการและได้ฟังธรรมะจากท่าน ทุกขั้นตอนที่ให้ธรรมะตั้งแต่เที่ยง (หลังเพล) จนพลบค่ำ
จะเต็มไปด้วยกุศโลบาย วิธีการให้ทำแยบยล คำพูดคำจาแบบโบราณๆ ที่ครูมักใช้กับศิษย์รักใกล้ชิด
ด้วยลักษณะท่าทางที่ไม่ยอมรับ แต่ก็รับ ปฏิเสธแต่ก็ให้ ขับไล่ไสส่งแต่ก็เอื้ออาทร ไม่สอนแต่บอก เป็นเช่นนี้ตลอด ไม่มีการให้เป็นเรื่องเป็นราว เป็นขั้นตอนแบบผู้ให้ทั่วๆไป หรือแบบอย่าตำรา ให้เหมือนไม่ให้ ถ้าอยากได้
ต้องใช้สติปัญญาเหมือนกับที่หลวงปู่เน้นอยู่เสมอในภายหลังว่า ความยากลำบากทำให้คนฉลาด หลวงปู่ให้เทคนิคกลยุทธมากมายหลายขบวน อยากจะยกตัวอย่างให้ฟังแต่…ไม่ดีกว่า มันง่ายเกินไป อยากรู้อยากเห็น อยากทราบรายละเอียดจริงๆ ก็ต้องขวนขวายเอาเองบ้าง มันถึงจะมีค่าอันควร จะได้ฉลาดยังไง ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เข้าสัมผัสความเยือกเย็น
คงไม่ถึงใจ หลังจากลงถ้ำวันนั้น เราได้อะไรหลายๆอย่าง ได้ด้วยตนเอง (ปัจจัตตัง) แต่มีอยู่อย่างหนึ่งซึ่งน่าฉุกคิด หลวงปู่สั่งปรามพวกเราไม่ให้ชักชวน บอกเล่าหรือชักนำใครมาอีก นัยว่าท่านต้องการวิเวก ต้องการพักผ่อน ต้องการทำภารกิจบางอย่างที่ท่านตั้งใจมาที่นี่ นี่แหล่ะคือบทเชื่อมโยง ปุถุชนคนเดินดินก็รู้อยู่แล้วว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แล้วห้ามทำไม อ๋อ! เข้าใจแล้วล่ะ เพราะโดยปกติหลวงปู่จะห้ามปรามใครมิให้ทำสิ่งที่ไม่ควร หลวงปู่มักจะส่งเสริมเสมอ เช่น ใช้มีดหั่นพืชพันธุ์ ธัญญาหาร หรือพวกเนื้อสัตว์ในการปรุงอาหาร หลวงปู่มักจะกล่าวว่า เอานิ้วแหย่เข้าไปเลยลูก เป็นการเสริมเชิงประชด พวกเราก็ไม่ทำ
จะเกิดความระมัดระวัง ไม่ประมาททันที นี่เอง ที่สั่งห้ามพวกเรา นี่คิดเอาเองนะว่า ถ้าห้ามอย่างนี้ยิ่งต้องพาคนมา ครับวันรุ่งขึ้นพวกที่ไปด้วยกันก็พาเพื่อนฝูงขึ้นไปกราบอีก ก็ถูกหลวงปู่ดุด่าว่ากล่าวตามธรรมเนียมปฏิบัติของท่าน โดยกล่าวหาข้าพเจ้าว่ายุ่งพาใครต่อใครมาอีก “ใครที่ไหน ลูกเมียผม” ข้าพเจ้าตอบหลวงปู่
จากวันนั้นเป็นต้นมา เราก็ต้องผิดศีลข้อมุสาอยู่เรื่อยๆ เพราะเวลาใครถามว่าไปไหนมา ก็ต้องตอบเลี่ยงๆ ไปเรื่อยๆ บางทีก็ต้องมุสาจริงๆ ความจริงใจอยากจะบอกเล่าเก้าสิบ แต่ใจหนึ่งก็ประหวั่นว่าจะถูกดุอีก จะทำให้เราพลาดโอกาสอันดีงามที่ควรมี
ถ้ามีคนพลุกพล่านมากเกินไป จนหลวงปู่ต้องจร หลังจากนั้นไปอีก ๑๐ วัน ราวๆปลายเดือน ๒๗ มีนาคม ที่วัดอ้อน้อย กำแพงแสน (วัดของหลวงปู่ที่นครปฐม) ได้มีการบรรพชาและอุปสมบทพระเณร ๑๐๐ กว่ารูป และได้นำพระเณรมาปฏิบัติธุดงคกิจที่ถ้ำไก่หล่น ถึง ๑๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ถึง ๑๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ถึง ๑๐ เมษายน พวกเราก็ได้มาร่วมช่วยงานทุกอย่างที่พึงมีพึงทำ โดยเฉพาะภรรยาข้าพเจ้ามาพักค้างคืนที่นี่ตลอดงาน ส่วนข้าพเจ้านั้น ขึ้น-ล่อง ระหว่างเพชรบุรีกับถ้ำไก่หล่นทุกวันจนหลวงปู่เปรยว่า ไอ้นี่มันขึ้นล่อง เหมือนอย่างกับบ้านมันอยู่ตีนบันไดถ้ำ
ตอนนี้เองที่ภรรยาของข้าพเจ้าซึ่งชอบทางโหงวเฮ้ง ได้ศึกษาด้วยตนเองและจากปรมาจารย์หลายท่าน ทั้งตำรา ทั้งเทป และยังแอบพักลักจำจากหลวงปู่เสมอๆ ไม่ใช่มดหมออะไร สมัครเล่น ดูเป็นครั้งคราวเพื่อนฝูงที่รู้จักมักจะสอบถาม แบมือให้ดูด้วย รู้สึกเขาก็ไม่ค่อยชอบนัก มันน่ารำคาญ ในที่สุดก็ได้ละวางเสียแล้วหลังจากที่หมอดูโหงวเฮ้งของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้มากราบหลวงปู่ในวันหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าและภรรยาก็อยู่ด้วย หมอดูท่านนี้ได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงปู่ก็เลยมาทาบทามดู ในที่สุดก็ยอมรับว่าหลวงปู่เก่งจริง และยังได้ซักถามเรื่องครอบครัวลูกเต้าเขาด้วย เขาพอใจมาก หลังจากที่เขากลับไปแล้ว หลวงปู่ได้หันมาทางภรรยาข้าพเจ้า และขอร้องให้เลิกเถอะ ซึ่งความจริงท่านก็พูดมาหลายครั้งแล้วว่า ศึกษาเพื่อรู้ไว้ แต่อย่าไปจริงจังนัก ครั้งนี้ท่านอธิบายว่า
การที่เราฝืนลิขิตสวรรค์ แก้ให้คนอื่นได้พ้นจากสิ่งที่เขาไม่ปารถนา สิ่งที่ไม่ดีนั้นจะไปไหน ถ้าดวงเราไม่แข็งแรง ไม่ดีพอเราก็จะต้องเป็นฝ่ายรับเอง ในเรื่องนี้ขอแถมนิดหนึ่ง แต่ต้องใช้วิจารณญาณของตนเองด้วยหลวงปู่สอนหมอฮวงจุ้ยท่านนั้นว่า ถ้าจะถ่ายทอดวิชาให้กับลูก ถ่ายทอดได้ถ้าลูกคนโตเป็นหญิง แต่ถ้าไม่ใช่ลูกคนนั้นจะสูญเสียไป บังเอิญลูกของหมอฮวงจุ้ยก็ได้เสียไปแล้วจริงๆ เขาถามหลวงปู่ว่าแล้วคนที่สองจะถ่ายทอดได้ไหม หลวงปู่บอกว่าได้ เอาละกลับมาได้แล้วไปไกลเลยเถิดไปแล้ว ภรรยาของข้าพเจ้าได้แอบดูลักษณะของหลวงปู่ และกำหนดลักษณะเป็นทศลักษณ์ดังนี้
๒.
ทศลักษณ์ ตามลักษณะของหลวงปู่นั้น ถ้าดูเผินๆ จะเหมือนคนธรรมดาทั่วๆไป ไม่เห็นจะน่าเป็นที่ยำเกรงหรือน่าบูชาเลย มองดูเชยๆ เชื่องช้า ไร้มาด ไร้รูปแบบ ที่แท้ซ่อนรูปหรือที่หลวงปู่รียกว่า งำประกาย
๒.๑ ศรีษะ เป็นรูปกระดองเต่า ตั้งแต่หน้าผากเลยไปถึงกลางกระหม่อม สมองดี
๒.๒ คิ้ว มีลักษณะหักมุมตรงกลาง เหมือนสามเหลี่ยมหน้าจั่ว แสดงถึง ความมุ่งมั่น จริงจัง ทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด
๒.๓ ตา โตเรียวยาว แววตาบ่งบอกถึงความซื่อและจริงใจ
๒.๔ จมูก โด่งตรง ซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา
๒.๕ ปาก กว้างโค้งลง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบเลียนแบบใคร พูดจริงทำจริงทำได้
๒.๖ หู มีหยักขอบบน เป็นหูคนมีศิลป์
๒.๗ โครงสร้างของคาง เป็นสี่เหลี่ยม อดทน อนุรักษ์นิยม
๒.๘ ท่าทางการเดิน ดูระหง งดงาม
๒.๙ ไร้เหงื่อ ไม่ว่าจะร้อนระอุ เพียงใด ทำงานหนักแค่ไหน ไร้เหงื่อ กลิ่นตัว หอม ไร้กลิ่นอื่นๆ หมด แต่มีกลิ่นหอม
๒.๑๐ ลายมือมีชีวิต ตัวอักษรมีลักษณะของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ บางคำคล้ายตัวด้วง บางคำเหมือนใบไม้
๓.
ทศญาณ หลายท่านทราบดีว่าหลวงปู่มีความสามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆ เป็นพิเศษ หรือ สามารถกำหนดรู้อันเกิดจากอำนาจสมาธิ ซึ่งแยกแยะได้ดังนี้
๓.๑
อภิญญาญาณ หลวงปู่มักจะขอตัวไปทำสมาธิ เพื่อให้เกิดอภิญญาญาณอยู่เสมอ หลังเสร็จสิ้นภารกิจหนักๆ หรือเริ่มภารกิจใหม่บางอย่าง ซึ่งผลจากการเกิดอภิญญาญาณนั้น พอจะพูดเป็นสังเขปได้ดังต่อไปนี้
๓.๒
จักขุญาณ หลวงปู่มีตาทิพย์ อยากเห็นสิ่งใดเพียงกำหนดจิตดูก็จะเห็นได้ ไม่ว่านรกสวรรค์ ผีเปรต หรือพวกสัมภเวสี เวลาที่ท่านนั่งรถผ่านไปตามถนนหนทางเรือ แม้แต่โรงพยาบาล
๓.๓
โสตญาณ หลวงปู่มีหูทิพย์ได้ยินได้ฟังเสียงต่างๆ เมื่อกำหนดจิต ตัวอย่างข้าพเจ้าและภรรยาทะเลาะกันที่บ้านเพชรบุรีในตอนเช้า พอสายๆไปถ้ำ หลวงปู่ก็ยังดุด่าว่า ไอ้สองคนนี่กัดกันอยู่เรื่อย แล้วสั่งสอนต่อไป
๓.๔
เจโตปริยญาณ หลวงปู่สามารถล้วงความคิดของผู้อื่นได้และรู้วาระจิต ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่จบ(ไม่จบ) ป.๔ ในสมัยก่อน เมื่อหลวงปู่ไปอบรมพนักงานของบริษัทต่างๆ หลวงปู่รู้เทคนิค วิธีการใหม่ๆ ได้อย่างไรในเมื่อสมัยก่อนนั้นยังไม่มี ไม่เกิดธุรกิจแบบนี้ หลวงปู่ตอบว่า กูก็ดูดเอาความคิดของเขามาได้
๓.๕
อิทธิวิถีญาณ มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้ หลวงปู่มักไม่ค่อยแสดงแต่มีคนบอกเล่าอยู่เสมอ แต่ที่ข้าพเจ้าเห็นกับสายตาข้าพเจ้าเอง ก็คือ หลวงปู่บิน ที่อาจารย์นารีรัตน์เขียนในหนังสืออยู่กับปู่และตอนที่โดดจากหน้าผาลงมาที่หน้าถ้ำไก่หล่น ตอนปราบนักบวชปลอม
๓.๖
มโนยิทธิญาณ เรามักจะเห็นหลวงปู่สร้างความประหลาดใจให้แก่ลูกศิษย์อยู่เสมอ เห็นอยู่หลัดๆที่ถ้ำ แต่มีคนเห็นหลวงปู่ไปบิณฑบาตอยู่ที่เมืองเหนือได้ บางครั้งก็บอกว่าจะไปธิเบต น่าสงสัยไปอย่างไร แสดงว่าหลวงปู่สามารถกำหนดจิต ไปปรากฎตัวที่ต่างๆได้ แม้แต่เรื่องลูกสาวคุณชูหัวหิน เจ็บหนักอยู่โรงพยาบาล เด็กบอกว่าเห็นหลวงปู่มาปรากฏ แล้วบอกให้แกกลับบ้านได้แล้ว ส่วนคนป่วยข้างเตียงแกนั้นยังไม่หายกลับไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง? แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็ยังงงๆอยู่ อยู่บนถ้ำเห็นหลวงปู่นั่งอยู่ เราลงมาข้างล่างเห็นหลวงปู่กำลังทำงานงกๆ เราก็เลยสงสัยแต่คิดว่าหลวงปู่เดินเร็ว ขึ้นถ้ำลงถ้ำเร็ว คงลงมาตะกี้
๓.๗
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ หลวงปู่สามารถล่วงรู้อดีตชาติของตนเองได้ ท่านกล่าวว่า กูยังมีบาปหนา เพราะกูเคยฆ่าคนมาเยอะแยะตอนเป็นทหารเสือของพระเจ้าอยู่หัวในอดีต และแม้แต่เรื่องครุดาไลลามะ ครุคือผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครูของดาไลลามะในธิเบต ในแต่ละสำนักหรือวัดก็จะมีครุผู้ทำหน้าที่นี้ ซึ่งมีไม่มากนักของแต่ละสำนัก ท่านก็เป็นครุองค์หนึ่ง ทราบว่าเมื่อท่านละสังขารแล้วร่างของท่านเป็นทองคำ การที่จะเป็นทองคำได้นั้นก็โดย ครุทุกองค์ที่ละร่างก็จะกลับคืนสู่ธิเบต เจ้าหน้าที่ของแต่ละสำนัก จะดำเนินการตามพิธีปลงศพ ชำระล้างภายในให้สะอาดหมดจด เอาเครื่องในตับไตไส้พุงออกให้หมด แล้วบรรจุสมุนไพรลงไปแทน แล้วห่อหุ้มด้วยทองคำหนักถึง ๑๒๒๐ บาท แล้วเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่เรียกว่า วังโปตาลา
๓.๘
จุตูปปาตญาณ เป็นญาณที่หลวงปู่รู้ว่าจิตของผู้ที่ตายไปแล้วอยู่ที่ไหน แม้แต่เรื่องของหลานของยายเล็กหัวหินเป็นแม่ครัวยังได้สอบถามความเป็นอยู่ของหลาน หรือแม้แต่เรื่องคุณย่าสีนวล
๓.๙
อตีตังสญาณ เป็นญาณที่รู้เรื่องราวของอดีตชาติทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น เรื่องประวัติศาสตร์โบราณ พิธีกรรมในสมัยดึกดำบรรพ์ เรื่องของเกจิอาจารย์ทั้งหลาย แม่แต่พวกเครื่องประดับ เพชร นิล จินดา มีอยู่เรื่องหนึ่งไม่ทราบว่าใครเล่าหรือยัง ไม่เป็นไรอีกรอบก็ได้ เรื่องมีอยู่ว่า หลวงปู่จ้างช่างทองจาก อ.ปราณบุรี มาปิดทองพระประธานในถ้ำ ผู้รับจ้างมาได้รับความรู้ในเรื่องทองในสมัยโบราณจากหลวงปู่ ทำให้งานเสร็จ รวดเร็ว และสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งไม่เคยมีความรู้มาก่อนเลย จึงได้ลดค่าแรงให้หลวงปู่ตอบแทนค่าวิชา
๓.๑๐
อนาคตังสญาณ เป็นญาณที่ล่วงรู้อนาคต เช่นเรื่องพระอาจารย์ยันตระ อาจารย์พุทธโธ อาจารย์นิกร พระดังๆในอดีตท่านก็เคยทำนายเล่นเอาพวกเราขนลุกเกรียวมาแล้ว แม้แต่เมืองไทยเราท่านกล่าวว่าอีก ๕๐ ปี ข้าวจะยากหมากจะแพง ประชาชนจะเดือดร้อนท่านถึงได้สร้างพระและฝังไว้ในที่ต่างๆ แม้แต่ที่เจดีย์มหาโพธิสัตว์ในถ้ำไก่หล่น ขณะนี้ก็คงเหลือไม่ถึง ๕๐ ปี แล้วท่านพูดมาแล้วร่วมๆ ๑๐ ปีได้
เป็นที่น่าสังเกต เรามิอาจจะรู้ได้ว่าหลวงปู่ได้อาสวักขยญาณแล้วหรือไม่ คือญาณที่ทำให้หมดอาสวะ ซึ่งจะเกิดขึ้นกับพระอรหันต์
๔.
ทศภพชาติ ปัจจุบันนี้เราจะหาพระที่เป็นพระแท้นั้นหาได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร มีแต่พระที่ประพฤติปฏิบัติ ออกนอกลู่นอกทางเป็นส่วนใหญ่ อย่างที่เราท่านเห็นๆกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเสกน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก รับสะเดาะเคราะห์ เสริมสิริมงคล ขยันหมั่นในกิจนิมนต์ ใบ้หวยรวยเบอร์ฯ ซึ่งเหล่านี้พบยากในตัวท่าน ตรงกันข้าม ท่านพยายามสร้างพวกเราและทุกๆคน ที่ขึ้นมาบนถ้ำให้สามารถเผชิญกับความทุกข์ทั้งหลาย ด้วยวิธีธรรมชาติ ทั้งสอน ทั้งทำ ทั้งนำ เป็นตัวอย่าง เพื่อให้พ้นทุกข์และประสบสุขในที่สุด จะเห็นได้ว่า ท่านเป็นผู้สืบอายุพระศาสนา ซึ่งจะขอยืนยันคำกล่าวนี้ในข้อ ๔ ทศภพชาติ และข้อ ๕ ทศบัญชา ต่อไป
ทศภพชาตินี้ เราไม่ทราบว่าท่านได้ถือกำเนิดเกิดมาในโลกของจักรวาลนี้กี่ภพกี่ชาติแล้ว แต่ละชาติเป็นอะไรแค่ไหนอย่างไร เราทราบแต่เพียงว่า ภพนี้หรือชาตินี้ เป็นภพที่ ๙ ของท่าน ทำไมเราถึงทราบก็เพราะว่า ท่านได้กล่าวว่า ในภพชาตินี้ท่านถือกำเนิดเกิดมาจากวิญญาณทีได้พักผ่อนมาเป็นเวลายาวนาน นับเป็นเวลาถึงพันปี ถึงได้มาโปรดเวไนยสัตว์ในภพนี้ ซึ่งนับว่าเป็นภพที่ ๙ ของท่าน เท่าที่ทราบน่าจะสิ้นสุดภาระหน้าที่ในการสืบทอดพระพุทธศาสนาในภพชาตินี้แล้ว โดยมีพระผู้มีหน้าที่ตรวจสอบจากธิเบตได้จาริกมาพบท่านเมื่อต้นกำเนิดภพชาตินี้ แล้วได้ให้ท่านเลือกสิ่งที่ท่านจะเลือก โดยใช้การเสี่ยงทายสอบถามความสมัครใจของท่านว่า จะถือกำเนิดในชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายหรือไม่ เพราะถือว่าท่านได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่ เพื่อพระศาสนามายาวนานแล้ว โดยใช้ลูกแก้วกลมและเหลี่ยมให้ท่านเลือกลูกใดลูกหนึ่ง ถ้าเลือกลูกกลมก็แสดงว่าท่านหมดภาระหน้าที่ไม่ต้องมาเกิดเพื่อโปรดเวไนยสัตว์อีกต่อไปเป็นภพชาติสุดท้าย
แต่ถ้าเลือกลูกเหลี่ยมก็แสดงว่ายังสมัครใจที่จะทรมานกาย ซึ่งเป็นที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อโปรดเวไนยสัตว์อีกต่อไป ในภพชาติที่ ๑๐ เป็นภพชาติสุดท้าย ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าคงไม่ต้องเล่าต่อไปอีกแล้วว่า หลวงปู่ท่านเลือกลูกกลมหรือลูกเหลี่ยม… ท่านลองทายซิ…? ถูกแล้วท่านตอบถูกจากสติปัญญาที่ท่านไตร่ตรองและใคร่ครวญ จะเห็นว่าแม้แต่ชื่อเรื่องที่ข้าพเจ้าตั้งว่าหยิบสิบ-สิบหยิบ หรือหลวงปู่สิบทัศน์ก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นสิบ ท่านก็จะถือกำเนิดเกิดใหม่อีกในภพที่ ๑๐ เป็นภพสุดท้าย ส่วนท่านจะถือกำเนิดเกิดมาในร่างใดอย่างไรนั้น คงสุดปัญญาของข้าพเจ้าที่จะรู้และทราบได้ ใครรู้ช่วยบอกเอาบุญทีเถอะ จะได้จารึกไว้เป็นหลักฐานสำหรับคนรุ่นต่อๆไป
ถึงอย่างไรๆ ท่านก็คงต้องเป็นพระโพธิสัตว์ช่วยเหลือโลกมนุษย์ต่อไปสำหรับพวกเราทั้งหลาย หลวงปู่ท่านว่า ถึงเวลานั้นพวกเราจะไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน อย่างไร (เกิดเป็นอะไรก็ไม่รู้) ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญท่านทั้งหลายได้โปรดสร้างกุศลกรรมด้วยความตั้งมั่นในสติและวิญญาณที่ดีพร้อม ถวายแด่หลวงปู่ เพื่อเสริมพลังให้ท่านได้ปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงตามที่ท่านปราถนาทั้งหมดทั้งสิ้น พลานิสงส์นี้อาจทำให้ท่านสามารถติดตามหลวงปู่ไปในภพในชาติหน้าด้วยกันได้ทุกท่านทุกคน ที่มีใจปราถนา เพื่อให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์พร้อมกับหลวงปู่ในภพชาติใหม่ด้วยเทอญ สาธุ… สาธุ… สาธุ๕.
ทศบัญชา ได้กล่าวมาแล้วในทศภพชาติที่ ๔ ที่หลวงปู่ถือกำเนิดเกิดมาและยังได้รับบัญชาให้เลือกลูกเหลี่ยมเพื่อกำเนิดเกิดใหม่ในภพชาติใหม่ที่ ๑๐ ในภพชาตินี้ที่ถือกำเนิดเกิดมา ได้ถือบัญชาจากเบื้องบนติดมาด้วย นัยว่าคำบัญชานั้น ก็คือให้หาดวงอาทิตย์ ๑๐ ดวง หมายถึงให้มาหาผู้มีสติปัญญาบารมี เพื่อสืบทอดพระศาสนาแทนหลวงปู่ ๑๐ คนด้วยกัน ท่านจึงดั้นด้นภิกขาจารมานานแสนนานไกลแสนไกล ทั่วทั้งแคว้นแดนไทยก็ยังหาไม่พบ หากท่านมีตัวแทนท่านก็จะได้ละวางภาระหน้าที่อันพึงกระทำอยู่นี้ได้ โดยมอบหมายการงานให้ดำเนินแทนต่อไป ท่านก็คงไม่ต้องมีภพชาติที่ ๑๐ คงไม่ต้องเลือกลูกเหลี่ยม ดังนั้น ท่านจึงต้องมีภพชาติต่อไป ทำให้ไม่สามารถหาตัวแทนได้ คงจะหาได้ในภพชาติหน้าอย่างแน่นอน (ข้าพเจ้าคิดเอง)
แต่ถึงอย่างไรท่านจะละทิ้งภาระหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายมาไม่ได้ จึงต้องคิดหาช่องทางอื่น โดยจัดสร้างพระขึ้น ๑๐ รุ่น แทนผู้มีสติปัญญา ๑๐ คน ได้สร้างมาแล้วครบ ๑๐ รุ่นๆ สุดท้ายที่สร้างในถ้ำไก่หล่น เมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๖ ซึ่งนับว่าเป็นการสร้างพระในถ้ำเป็นครั้งแรกของโลก พระรุ่นสุดท้ายนี้มีทั้งหมด ๙๑๙ องค์ประกอบด้วย
พระพุทธรูปปางประทานพร ๙ นิ้ว และ ๕ นิ้ว รวม ๑๕๐ องค์
พระสังกัจจายน์ ๙ นิ้ว และ ๕ นิ้ว รวม ๑๕๐ องค์
พระอวโลกิเตศวรเนื้อเหล็กน้ำผึ้ง รวม ๖๑๙ องค์
ซึ่งมีส่วนผสมเป็นพิเศษทั้งทอง นาก เงิน น้ำผึ้ง ปรอท และ โลหิตหลวงปู่ผสมอยู่ด้วย ไว้แทนกาย ใจและวิญญาณศักด์สิทธิ์ของหลวงปู่จะได้สิงสถิตอยู่กับพระเครื่องเหล่านี้ ส่วนวัสดุที่เหลือนำมาสร้างเหรียญพระมหาโพธิสัตว์รูปใบโพธิ์ สำหรับพระที่สร้างทั้ง ๑๐ รุ่นได้แก่
รุ่นแรก ห้าเหลี่ยมพระคันธาราษฎร์
รุ่นสอง สมเด็จฝังพระธาตุ
รุ่นสาม พระสังกัจจายน์ดำ
รุ่นสี่ สมเด็จชุบน้ำมัน
รุ่นห้า พระสังกัจจายน์เนื้อผสมวัดระฆังและวัดปากน้ำรุ่น ๑
รุ่นหก ดาวสุริยะ
รุ่นเจ็ด พระสังกัจจายน์เนื้อเหล็ก
รุ่นแปด สมเด็จปรกโพธิ์
รุ่นเก้า พระสังกัจจายน์รุ่นเสาร์ ๕ (ลงทอง พิมพ์ด้วยมือ)
รุ่นสิบ พระพุทธรูปและพระอวโลกิเตศวร
ในสามรุ่นแรกหลวงปู่สร้างร่วมกับพระสหายอีก ๒ ท่านคือ หลวงปู่สี และหลวงปู่สอน
http://www.facebook.com/note.php?note_id=10150365762175285