ผู้เขียน หัวข้อ: งานอาสากับการบรรเทาสาธารณภัย(ฉบับความในใจ): กรณีอุทกภัยภาคใต้ เม.ย.54  (อ่าน 1424 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คนหนึ่งคน

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นกล้า
  • *
  • กระทู้: 81
  • พลังกัลยาณมิตร 29
    • ดูรายละเอียด
ก็อปปี้มาจากบันทึกของ Nattakarn Tk'you Noree อีกที เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาให้อ่านกัน


หมายเหตุ บันทึกครั้งนี้ จัดทำขึ้นเพื่อบรรยายความรู้สึกระหว่างการเป็นอาสา ส่วนเรื่องสาระ รายละเอียดเกี่ยวกับภารหน้าที่ระหว่างการไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ และการถอดบทเรียนสำหรับนักสังคมสงเคราะห์ จะเก็บไว้เล่า ในบันทึกครั้งต่อไปนะคะ
 
..มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า..
 
ในที่สุด น้ำท่วมที่ภาคใต้คราวนี้ก็เป็นโอกาสที่ได้กลับมาลงพื้นที่ภัยพิบัติ อีกครั้ง
(ไม่นับการได้ไปอยู่ในพื้นที่แผ่นดินไหว อย่างไม่ได้ตั้งใจ เมื่อเดือนที่แล้ว)
 
เช้าวันศุกร์ที่ 8 เม.ย.54 เวลา 08.10 น. ก้าวลงจากเครื่องบิน ณ สนามบินสุราษฎร์ธานี
 
โดยหลักการแล้ว ได้รับมอบหมายให้ต้องประสานกับทางผู้ปกครองโบสถ์ในท้องที่ เพื่อเข้าที่พักและเตรียมงานสำหรับการแจกของในวันพรุ่งนี้ แต่ในเมื่อทุกอย่าง ค่อนข้างจะเรียบร้อยและเข้าที่เข้าทางดีแล้ว (การเตรียมงานให้เสร็จล่วงหน้า มันก็ดีอย่างนี้นี่เอง) ก็ตั้งใจมาตั้งแต่ก่อนเครื่องลง ว่าพอไปถึงสนามบินปั๊บ จะไปเข้าร่วมกับทีมอาสาสักทีมใดทีมหนึ่งในพื้นที่ เพื่อสร้างเครือข่ายเพิ่มเติมและทำตัวให้เป็นประโยชน์
 
..พอเครื่องลง ไม่ต้องรอสัมภาระ เพราะพยายามปรับตัวเองให้คล่องตัวที่สุด เลยทำให้เดินออกมาได้เร็วขึ้น..
 
สายตาไว ตามทันกับความคิด..
เดินออกจากประตูผู้โดยสารขาเข้า ก็เหลือบไปเห็นคนกำลังชูป้าย "อาสาดุสิต" รอรับคนอยู่
 
ปากไว ตามทันกับสิ่งที่อยู่ในใจ..
เดินเข้าไปคุยกับคนถือป้าย (พี่เปาและปอม) ว่า "สวัสดีค่ะ พอดีว่าลงมาทำงาน แต่ว่าวันนี้ว่าง ถ้าสะดวก ขอไปร่วมทีมอาสาด้วยได้ไหม"
 
พี่เปาและปอมนิ่งไปห้าวินาที (คงจะงงว่า นี่ใคร? มาได้ยังไง? จะมาทำอะไร? ฯลฯ) แล้วก็อนุญาตให้ติดสอยห้อยตามไปด้วย เลยกระโดนขึ้นรถกระบะมากับหมอแอมและพยาบาลทหารนิคกี้ (ทั้งสองคนมาตั้งแต่วันแรกๆ และกลับมาอีกครั้งเพื่อจัดระบบการจ่ายยา)
 
จากสนามบิน มุ่งหน้าสู่ กองบิน 7 (Wing 7) ศูนย์อำนวยการกลางของอาสาดุสิต และทีมแพทย์อาสา
..แรกๆ ก็อึ้งอยู่ ว่าเราหล่นมาอยู่กับหน่วยนี้ รู้จักแต่ยาสามัญประจำบ้าน แล้วจะช่วยอะไรเขาได้ ที่สำคัญคือ การอาสารอบนี้จะรอดม้ัยเนี่ย?!! แอบน้อยใจเล็กๆ ไปแว้บหนึ่ง ว่าสิ่งที่ได้ร่ำเรียนเพื่อเป็นนักสังคมสงเคราะห์ มาจะเป็นประโยชน์อะไรกับเขาได้บ้างน้อ
 
และแล้วงานแรกที่ได้ทำ (เนื่องจากว่ามาเช้า และอาสาคนอื่นๆ ยังไม่ได้มาที่ห้องอำนวยการ) คือพิมพ์ฐานข้อมูลทะเบียนรายชื่อแพทย์ที่จะมาเป็นอาสา อย่างน้อยก็ช่วยอันนี้ได้ล่ะน่า (พี่เขาถามว่าพิมพ์ดีดเป็นไหม เราทำเป็นก็เลยมีประโยชน์ขึ้นมาทันที) ต้องขอบคุณพี่สุวิมลที่ช่วยให้เราเริ่มต้นด้วยงานนี้ ซึ่งนอกจากจะให้ Self Esteem ของเรากลับขึ้นมาอยู่ในระดับปกติแล้ว ยังช่วยเป็นการละลายพฤติกรรม (แก้เขิน) ในการเป็นอาสาใหม่ครั้งนี้ด้วย
 
ตอนก่อนมาลงพื้นที่ เราคิดว่าจะได้เห็นคนหมู่มากมาเป็นอาสาช่วยอยู่ในพื้นที่ แต่พอมาดูด้วยตัวเอง เอาเข้าจริงแล้ว มีประมาณ 20 กว่าคน สลับผลัดเปลี่ยน เดินสวนกันไปสวนกันมา ซึ่งเมื่อเทียบกับความต้องการของผู้ประสบภัยและงานที่จะแบ่งกันในแต่ละหน้าที่ ก็ยังคงถือว่าไม่เพียงพอ
 
เสร็จภารกิจแรก ก็ช่วยกันจัดของ จัดยา เพื่อออกหน่วยในพื้นที่ ที่ประชาชนไม่สามารถเดินทางออกมาพบหมอได้
...ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีโอกาสออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับเขา...
 
แรกๆ เวลาคุยกับหมอ.. ถ้าเขาพูดศัพท์มาคำหนึ่งแล้วเราไม่รู้จัก ถามเขากลับไปว่า "อะไรนะคะ" เขาก็จะตอบกลับมาว่า "อ๋อ มันคือ %$#*^@#$*%"  เราก็ "เอ่อ.................(งงกว่าเดิมกับคำอธิบายเป็นภาษาละตินที่ยาวขึ้น)"
 
ก็ต้องปรับตัวกันไปทั้งเราและหมอ.. เราต้องท่องศัพท์ใหม่ๆ บันทึกเข้าไปสู่คลังสมองอันมีที่น้อยนิดสำหรับเรื่องแบบนี้ และหมอก็ปรับเพื่อพูดภาษาที่เข้าใจได้ง่ายขึ้นต่อการหยิบของและการส่งต่อเคส
 
กลับมาช่วงหัวค่ำ อาสาทั้งหลายก็พัก พูดคุยแลกเปลี่ยน อาบน้ำ กินข้าว เฟสบุ๊ค เช็คเมล ทวิตฯ ใช้เวลาส่วนตัว/ตามเก็บงาน กันตามอัธยาศัย ก่อนจะจบด้วยการประชุมถอดบทเรียนประจำวัน และวางแผนงานวันต่อไป
 
สรุปว่าในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ร่วมกัน ก็ได้พบกับคนเก่งๆ จากหลากหลายสาขาวิชาชีพ และที่สำคัญ เป็นคนเก่งที่มีจิตใจอาสาเพื่อผู้อื่น นอกจากชื่อที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น ก็ได้เจอกับพี่หนุ่ย พี่ปรเมศวร์ หมอแป๊ะ หมอปู หมอมีน หมอไช้ หมอสมชาย หมอการ์ตูน หมอกอล์ฟ ทีมพยาบาลกองบิน 7 และทีมพยาบาล รพ.ภูมิพล อ.เก้า (อ.ภาษาจีนจาก ม.แม่ฟ้าหลวง) พี่อ๊อด พี่น็อต ทีมจาก SCG เหล่าพี่ๆ คนในพื้นที่ที่มาช่วยขับรถ และน้องๆ นักศึกษา น้องสไมล์ น้องคนตัดอ้อย (ที่แอบเอาอาหารหมามาหลอกให้เรากินว่าเป็นคุ้กกี้แสนอร่อย แต่เราก็ไม่ได้หลงกลแต่อย่างใด)
 
ก่อนนอนคุยกับ อ.เก้า ว่าดีใจที่เราสองคนได้มาร่วมงานนี้ มันละม้ายคล้ายกับการไปเข้าค่ายตอนที่เป็นนักเรียน ได้เจอเพื่อนใหม่ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่มันได้ทำอะไรเพื่อคนอื่นๆ และก็มีความสุข เป็นความรู้สึกอิ่มเอิบในใจอย่างอธิบายเป็นตัวอักษรไม่ได้เต็มที่ อย่างที่รู้สึก
 
ทุกคนมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ “อาสา” ดังนั้น ความต้องการส่วนตัวและการเรียกร้องเพื่อตนเอง ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกับตัวเอง สถานการณ์ และสภาวะแวดล้อม โดยอาจจะไม่ต้องรอเป็นฝ่ายรับการสื่อสาร หรือการปฐมนิเทศจากผู้อื่นเลยด้วยซ้ำไป
 
การอยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย และทำตัวเองให้เป็นภาระให้น้อยที่สุดต่อเพื่อนๆ อาสาด้วยกัน ทีมผู้นำ และชาวบ้านในพื้นที่ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อใครสักคน ตัดสินใจที่จะลงมาเป็นอาสาในพื้นที่
 
นับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตที่มีความหมายเป็นอย่างมากกับเรา
 
..ขอบคุณพระเจ้า.. สำหรับโอกาสที่ได้ลงมามีส่วนกับการบรรเทาอุทกภัยครั้งนี้
..ขอบคุณแม่.. ที่อนุญาตให้ลูกได้มาลงพื้นที่ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาในหัวใจ
..ขอบคุณทีมอาสาดุสิต และทีมแพทย์/พยาบาลอาสา จากแพทยสภา.. สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น มิตรภาพ และการทำงานเป็นทีม เพื่อช่วยเหลือคนอื่นๆ โดยการเสียสละความเป็นตัวตนและพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง
..ขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ.. สำหรับการเป็นส่วนสำคัญทำให้เราได้เรียนรู้ ให้ได้เปิดกะลา เปิดมุมมอง เปิดโลกส่วนตัวใบน้อยๆ ของเราในการเรียนรู้ที่มากขึ้น ขอบคุณสำหรับน้ำใจในการแบ่งปันของกิน/น้ำดื่ม(แม้ว่าตัวเองกำลังเดือนร้อน) และขอบคุณสำหรับการอนุญาตให้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นข้อมูลและที่ระลึก
 
ณ เวลานี้ เกิดอาการ ไม่อยากกลับออกจากพื้นที่(อีกแล้ว) แทบจะอยากลางานต่อและกลับหลังสงกรานต์ แต่เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบต่องาน และหน้าที่ในความเป็นลูก แล้ว...
 
..ก็ทำได้เพียงแค่ บอกกับตัวเองว่า "พอก่อนนะ สำหรับภารกิจครั้งนี้" และ "พบกันใหม่งานหน้า" ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงโดยเร็วเพียงใด และจะส่งผลกระทบที่รุนแรงขนาดไหน รู้แต่ว่า เราทุกคนจะต้องเตรียมตัว เตรียมใจ ให้พร้อมที่สุด ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองและคนที่เรารัก แต่เพื่อเป็นประโยชน์และเป็นคำตอบให้กับคนอื่นๆ ที่เป็นเพื่อนร่วมโลก ร่วมวาระเดียวกันกับเรา.. อย่างน้อยๆ ที่แน่ๆ แล้ว งานหน้า ก็มีทีมที่เราจะสามารถกระโดดเข้ามาร่วมกันทำงานเพื่อสังคมได้อีกล่ะนะ :)