ผู้เขียน หัวข้อ: เฒ่าใจเพชร ปั่นจักรยานหาขยะขายเลี้ยงเมียป่วย  (อ่าน 1643 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7164
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


เฒ่าใจเพชร ลูกหลานไม่เหลียวแล ปั่นจักรยานเก็บขยะขายเลี้ยงเมียที่ป่วย บางวันหาไม่ได้สองผัวเมียกัดฟันซดน้ำข้าวให้พออิ่มท้อง...

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีสองผัวเมียตายายวัย 70 ปี ถูกลูกทิ้งหนีไปทำงาน ขาดคนดูแล ต้องอาศัยเก็บขวดขาย นำเงินมาซื้อข้าวเลี้ยงชีวิตไปวันๆ อีกทั้งมีโรคประจำตัวเจ็บป่วยไม่มีคนดูแล จึงต้องการวิงวอนผ่านสื่อให้ลูกกลับมาดูแล หรือผู้ใจบุญมาช่วยเหลือ

โดยที่บ้านกุรุคุ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม จนกระทั่งพบ คุณตาสมหวัง กลัดเจริญ อายุ 70 ปี พร้อมภรรยา คุณยายทองเสี่ยน คำเนตร อายุ 70 ปี ชาวบ้านกุรุคุ หมู่ 6 ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักเป็นลักษณะกระท่อมยกสูง มุ่งด้วยหญ้าคา มีเพียงห้องนอนกับระเบียงหน้าบ้าน

เมื่อสอบถามทราบว่า ต่อสู้ชีวิตร่วมกันสองคนมานานร่วม 20 ปี แบบไร้ญาติ หลังจากลูกสาวเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดแล้วไม่ติดต่อกลับมาเลย ทิ้งให้ 2 ตายายต่อสู้ชีวิตทำงานรับจ้าง และเก็บขวดขาย พอได้ซื้อข้าวกินประทังชีวิตไปวันๆ แต่ปัจจุบันด้วยวัยแก่ชรามากขึ้น บวกกับ คุณยายทองเสี่ยน คำเนตร ผู้เป็นภรรยา ไม่สามารถที่จะไปทำงานรับจ้างได้ เนื่องจากมีอาการเจ็บป่วยเป็นโรคประสาท ปวดหัว ปวดตามร่างกาย ต้องกินยาของโรงพยาบาลจิตเวชตลอดเวลา สามารถทำได้เพียงหุงหาอาหารไว้รอสามีเท่านั้น

ส่งผลให้ คุณตาสมหวัง กลัดเจริญ ต้องต่อสู้ชีวิตด้วยการปั่นจักรยานออกไปเก็บขวดพลาสติกมาขาย ตั้งแต่เช้าตรู่ของทุกวัน เป็นระยะทางกว่าวันละ 30 กิโลเมตร ทั้งที่สภาพร่างกายแก่ชรา แต่ต้องทน เพราะไม่มีใครดูแล ดีกว่าอดตาย ยอมทำงานเก็บขวดขายแลกเงินเพียงวันละไม่ถึง 100 บาท นำมาซื้อข้าว และอาหารเลี้ยงภรรยาคู่ชีวิต บางวันไม่สบายไปไม่ได้ต้องต้มน้ำข้าวซดกิน

คุณยายทองเสี่ยน คำเนตร อายุ 70 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า เป็นเวลานานร่วม 20 ปี ที่ตนและสามีต้องต่อสู้กับความยากจน หลังจากลูกสาวที่เลี้ยงมาเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด จนกระทั่งไม่ติดต่อกลับมาเลย ทำให้ตนทั้ง 2 คน ต้องต่อสู้ชีวิตทำงานรับจ้างรายวัน พอได้เงินมาซื้อหาอาหารกินไปวันๆ แต่ขณะนี้ต้องลำบากมากขึ้น เนื่องจากตนไม่สามารถออกไปทำงานรับจ้างไม่ไหว เพราะมีโรคประจำตัวป่วยเป็นโรคอาการทางประสาท ปวดหัว ปวดตามตัวตลอดเวลา ต้องทานยาประจำ จึงงดไปทำงาน อาศัยอยู่ในบ้านหุงหาอาหารให้สามีกิน

โดยทุกเช้า คุณตาสมหวัง กลัดเจริญ สามีจะออกไปหาเงิน ด้วยการปั่นจักรยานออกไปเก็บขวดพลาสติกไปขายแลกเงินวันละ 30 - 50 บาท นำมาซื้อข้าว ซื้ออาหารหล่อเลี้ยงชีวิตพอไม่อดตาย เพราะไม่มีรายได้จากที่อื่น ได้เพียงเงินผู้สูงอายุ จาก อบต.คนละ 500 บาท ก็ไม่เพียงพอ เพราะต้องจ่ายทั้งค่ายารักษาโรคประจำตัว และซื้ออาหาร

คุณยายทองเสี่ยน คำเนตร กล่าวอีกว่า สิ่งที่หวังที่สุดอยากฝากไปถึงลูกสาว ที่ไม่ติดต่อกลับมาเลย หากยังมีชีวิตอยู่ อยากบอกให้รู้ว่าพ่อ แม่ไม่ต้องการอะไร ไม่หวังเงินทอง ขอเพียงให้ลูกกลับมาให้เห็นหน้า และดูใจก่อนจะตายไปจากโลกนี้  ทาง

ด้าน นายประพันธ์ แก้วกอง อายุ 42 ปี ส.อบต.กุรุคุ กล่าวว่า ตนรู้สึกสงสารครอบครัวของ คุณตาสมหวัง กลัดเจริญ มาก เพราะเห็นสภาพชีวิตสองตายายต่อสู้หาเงินเลี้ยงชีวิตโดยลำพังมานานเกือบ 20 ปี หลังจากลูกไปทำงานแล้วไม่ติดต่อกลับมา ซึ่งตนก็ได้คอยช่วยเหลือประสานงานกับ อบต.จัดสรรเบี้ยผู้สูงอายุ หรือสิ่งของมาช่วยเหลือตลอด เนื่องจากสองตายายไม่มีรายได้จากทางอื่น นอกจากคุณตาจะปั่นจักรยานไปเก็บขวดพลาสติกมาขาย หาเงินซื้อข้าวกิน เพราะญาติพี่น้องก็ไม่มี ตายจากหมดแล้ว ซึ่งหากหมดแรงก็คงไม่มีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักที่สร้างขึ้นจากกำลังเป็นลักษณะกระท่อมนาพอได้พักพิงก็ทรุดโทรม หน้าฝนอาจจะเกิดปัญหาหลังคารั่วอยู่ไม่ได้ เสื้อผ้ากันหนาวก็ไม่มีใส่ จึงวิงวอนผ่านสื่อไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง หรือผู้ใจบุญ มาช่วยกันบริจาคเงินสิ่งของให้สองตายาย พอได้มีเงินซื้อหาอาหารเลี้ยงชีวิต สามารถติดต่อสอบถามบริจาคสิ่งของให้ความช่วยเหลือได้ที่โทรศัพท์ 085-4628455

http://www.thairath.co.th/content/region/160129
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...