เวียนมาถึงอีกครั้ง สำหรับบรรยากาศการเฉลิมฉลอง เทศกาลสงกรานต์ ช่วงเวลาที่มีความหมายทั้งการได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันในบรรยากาศของครอบครัว เยี่ยมเยือนญาติมิตรที่เคารพ รวมทั้งสนุกสนานชุ่มฉ่ำกับการเล่นน้ำ
วันขึ้นปีใหม่ไทย ในวันนี้หลายบ้านเตรียมไปทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระพุทธรูป พระเถระ รวมทั้งรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และจากการสรงน้ำพระที่ไม่เพียงมีขึ้นภายในวัดและสถานที่ต่าง ๆ พระพุทธรูปที่เคารพบูชากันของแต่ละบ้านในช่วงเวลานี้ก็มักจะนำมาสรงน้ำทำความสะอาด ซึ่งถือเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ท่ามกลางความชุ่มฉ่ำเย็น “น้ำ” ถือเป็นสิ่งที่มีความหมายเกี่ยวเนื่องกับประเพณีสงกรานต์ ทั้งนี้เพราะ น้ำ จัดเป็นเครื่องชำระสิ่งสกปรกและถือเป็นเครื่องหมายของความอุดมสมบูรณ์ ช่วงสงกรานต์ถือเป็นวันปีใหม่ตรงกับช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นฤดูร้อน คนโบราณจึงใช้น้ำเป็นสื่อสาดรดเพื่อความสนุกสนานและคลายความร้อนไปในตัว
อีกทั้งยังใช้น้ำในกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับวันสงกรานต์ ได้แก่ ใช้สรงน้ำพระพุทธรูปและพระสงฆ์ ใช้ทำความสะอาดบ้านเรือนชำระล้างสิ่งสกปรก ฯลฯ จุลภัสสร พนมวัน ณ อยุธยา นักวิชาการอิสระด้านศิลปวัฒนธรรม ประธานชมรมสยามทัศน์ ให้มุมมองเกี่ยวกับการสรงน้ำพระว่า การสรงน้ำพระเป็นอีกธรรมเนียมปฏิบัติที่มีสืบเนื่องมา ซึ่งพระพุทธรูปเปรียบเสมือนองค์แทนพระพุทธเจ้าที่เคารพบูชา ขณะที่บางวัฒนธรรมอาจมองว่ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่
ในช่วงสงกรานต์เป็นช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว หากมีน้ำมาประพรมก็จะมีความชุ่มเย็น พระพุทธรูปที่กราบไหว้ก็ควรนำมาสรงน้ำให้ท่านได้สะอาดโดยเมื่อเปลี่ยนปีใหม่ ในความหมองเก่าจากฝุ่นละอองก็ควรทำให้ท่านสะอาดสดใสซึ่งเป็นการปฏิบัติบูชาเป็นสิริมงคลการเริ่มต้นปีใหม่นำมาซึ่งความสุขกายสบายใจ
“ธรรมเนียมปฏิบัตินี้เรียกว่ามีคู่กับสังคมไทยมายาวนาน ซึ่งไม่เพียงการสรงน้ำพระที่วัด พระพุทธรูปที่กราบไหว้ที่บ้านก็ไม่ควรละเลยทำความสะอาด โดยการสรงน้ำพระเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต อีกทั้งในประเพณีนี้ยังมีความหมายถึงการแสดงความเคารพต่อพ่อแม่ ผู้ใหญ่ซึ่งก็มีการรดน้ำขอพร น้ำที่นำมาใช้จึงควรเป็นน้ำสะอาด ส่วนการที่มีเครื่องหอมต่าง ๆ ผสมในน้ำน่าจะมีความหมายความเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีเป็นมงคล โดยน้ำที่มีกลิ่นหอมจะช่วยให้เกิดความสดชื่นขึ้นในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว”
นอกจากนี้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังมีการอัญเชิญพระพุทธรูปองค์สำคัญ เช่น พระพุทธสิหิงค์ ให้ประชาชนได้สักการบูชาและสรงน้ำเป็นสิริมงคลการเริ่มต้นปีใหม่ไทย เด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ พิพิธภัณฑ สถานแห่งชาติ พระนคร เล่าถึงการสรงน้ำพระสืบสานประเพณีว่า สงกรานต์หรือปีใหม่ไทยที่กำลังจะเริ่มขึ้นในช่วงนั้นพระอาทิตย์จะยกเข้าราศีเมษซึ่งตรงกับช่วงเดือนเมษายนหน้าร้อนพอดี
ในการเริ่มปีใหม่ก็มักจะเริ่มกันด้วยสิ่งดี ๆ ความเป็นสิริมงคลซึ่งนอกจากการทำบุญตักบาตรก็มักจะสรงน้ำพระพุทธรูป สรงน้ำพระเถระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ฯลฯ อย่างการสรงน้ำพระที่บ้านก็จะอัญเชิญพระพุทธรูปของแต่ละบ้านนำมาสรงน้ำ ในชุมชนอาจร่วมสรงน้ำพระที่วัด ส่วนในความเป็นเมืองก็จะมีการอัญเชิญพระพุทธรูปองค์สำคัญ คู่บ้านคู่เมืองมาสรงน้ำซึ่งก็มีหลายองค์
ในงานสรงน้ำพระของกรุงเทพ มหานครต่อเนื่องมาก็ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ให้ประชาชนได้สักการะสรงน้ำขอพร ส่วนเหตุที่อัญเชิญออกมานอกจากจะเป็นพระพุทธรูปสำคัญแล้วอาจจะเกี่ยวเนื่องกับสถานที่ประกอบพิธีสำคัญ ๆ ในสมัยก่อนซึ่งจะดำเนินการที่ท้องสนามหลวง
"เดิมทีพื้นที่นี้เป็นส่วนหนึ่งของวังหน้าหรือพระราชวังบวรสถานมงคลซึ่งพระพุทธสิหิงค์ท่านเป็นประธานเป็นพระพุทธรูปวังหน้า การดำเนินการใด ณ มณฑลพิธีของวังหน้าก็มักจะมีการสมโภชพระพุทธสิหิงค์เป็นการคารวะ
นอกจากนี้พระพุทธสิงห์ยังมีประวัติความเป็นมายาวนานและที่คนไทยรู้จักพระพุทธสิหิงค์มี 3 องค์ประจำอยู่ในหัวเมืองสำคัญ ๆ คือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งที่ประดิษฐานอยู่ที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ย่านสนามหลวง และด้วยความสำคัญเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ไทยหรือวันสงกรานต์ก็จะอัญเชิญออกมาให้ประชาชนสักการะสรงน้ำเป็นสิริมงคลเช่นเดียวกัน”
พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปที่มีความสำคัญนับแต่ต้นประวัติศาสตร์อยู่คู่กับบ้านเมืองมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ ได้รับการเคารพยกย่องเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อำนวยความอุดมสมบูรณ์ สวัสดิมงคลแก่บ้านเมืองมาแต่โบราณ มีความเป็นสิริมงคลเมื่อได้กราบไหว้บูชา
สำหรับองค์ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ได้รับการยกย่องเป็นพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่มีความงดงาม ซึ่งในมิติความงามทางด้านศิลปกรรมนั้นมีความอ่อนหวานของพระพุทธรูปสุโขทัย มีพุทธลักษณะที่ต่างจากองค์อื่น ๆ ทั่วไป คืออยู่ในปางสมาธิ ซึ่งความหมายของปางนี้ คือความสงบเข้าสู่การตรัสรู้ธรรม
“พระพุทธสิหิงค์ พระปฏิมาแบบสุโขทัย-ล้านนาองค์นี้หล่อขึ้นด้วยสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง นั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนหน้าตัก ครองจีวรห่มเฉียงบางแนบพระวรกาย มีสังฆาฏิพาดอยู่บนพระอังสาซ้าย แบนยาวจรดพระนาภี ส่วนพระอุระกว้าง บั้นพระองค์คอดได้สัดส่วนงดงาม พระพักตร์กลมแย้มพระสรวลเล็กน้อย พระเนตรหลุบลงต่ำซึ่งเมื่อมองแล้วทำให้เกิดความสงบ ฯลฯ”
ขณะที่การสรงน้ำพระถือเป็นสิริมงคลเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมายาวนานในวันสงกรานต์ การสรงน้ำควรตั้งจิตมั่นแน่วแน่แสดงความเคารพซึ่งภัณฑารักษ์ท่านเดิมยังฝากคำแนะนำว่า การสรงน้ำพระควรพึงกระทำด้วยความสำรวมเหมาะสม
สิ่งสำคัญต้องระมัดระวังการใช้น้ำควรเป็นน้ำสะอาด หากถือขวดน้ำอบควรถือให้มั่นและควรมีระเบียบวินัยไม่แก่งแย่งกันเพราะอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้
การสรงน้ำพระไม่ว่าจะเป็นพระ รูปองค์ใดล้วนต่างมีความสำคัญพึงไปสักการบูชา ซึ่งการสรงน้ำพระถือเป็นอานิสงส์และในสงกรานต์วันขึ้นปีใหม่ของไทยที่กำลังจะมาถึงนับเป็นอีกโอกาสดีในการปฏิบัติเพื่อความเป็นสิริมงคล.
++++++++++++
นอกจากพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นองค์ที่อัญเชิญในเทศกาลสงกรานต์แล้ว ยังมีพระพุทธรูปที่ทรงพระนามว่า พระพุทธสิหิงค์ อีก 2 องค์ ประดิษฐานอยู่ที่ หอพระสิหิงค์ จังหวัดนครศรีธรรมราช สร้างในลักษณะปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร มีพระพักตร์กลม วัสดุสัมฤทธิ์ และที่ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ เป็นปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร วัสดุสัมฤทธิ์ ลงรักปิดทอง เป็นศิลปะสมัยเชียงแสนรุ่นแรก
การอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มายังบริเวณท้องสนามหลวงเพื่อให้ประชาชนได้สักการะและสรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งแรกมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2477 โดยทางการเป็นผู้จัดขึ้นให้ประชาชนสรงน้ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจในโอกาสเฉลิมฉลองปีใหม่ไทย.
ทีมวาไรตี้
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=486&contentID=132203