ผมไม่รู้ว่านั่งอยู่ในท่านั้นนานเท่าใด ในขณะเช่นนั้นหมาป่าไคโยติที่เรืองรองและเนินเขาที่ผมยืนอยู่ละลายหายไป ผมไม่มีความนึกคิด ไม่มีความรู้สึก ทุกสิ่งทุกอย่างถูกกวาดออกไปและผมล่องลอยไปอย่างมีอิสระ
ทันใดนั้นผมรู้สึกว่าสิ่งหนึ่งกระทบเข้ากับร่างของผม และสิ่งหนึ่งที่โอบล้อมเข้ามาจุดให้มันเรื่อเรืองขึ้น ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าดวงอาทิตย์ฉายแสงลงมายังร่างของผม ผมมองเห็นเทือกเขาทางทิศตะวันตกอย่างลางเลือนดวงอาทิตย์อยู่จรดขอบฟ้า ผมมองตรงเข้าไป และ ผมมองเห็น "เส้นใยของโลก" ผมรู้สึกได้จริงๆ ถึงเส้นสีขาวเรื่อเรืองพิเศษที่สุดยอดประสานโยงใยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ในขณะหนึ่งนั้นผมคิดว่าผมรู้สึกถึงแสงแดดหักเหผ่านขนตาของผมเข้ามา ผมกระพริบตาแล้วมองออกไป เส้นใยเหล่านั้นยังมีอยู่เหมือนเดิมและทาบทับลงไป หรือพุ่งออกมาจากทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่โดยรอบ ผมหันไปโดยรอบเพื่อตรวจดูโลกชนิดใหม่อันแสนจะมหัศจรรย์ เส้นใยเหล่านั้นมองเห็นได้และคงที่แม้ว่าผมหันไปยังทิศตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์
ผมอยู่บนยอดเนินแห่งนั้นในสภาวะที่ดื่มด่ำ เพราะสิ่งที่ปรากฏนั้นดูจะปราศจากกาล แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งบางทีคงนานเท่ากับช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ฉายลำแสงสุดท้ายก่อนที่จะลับขอบฟ้าลงไปเท่านั้นกระมัง
แต่สำหรับผมมันดูจะเป็นเวลาอันไม่สิ้นสุด ผมรู้สึกในบางสิ่งที่อบอุ่นและปลอบประโลมเอิบอาบออกมาจากโลกและร่างกายของผม ผมรู้ว่าผมพบกับความลับแล้ว มันง่ายนิดเดียว ผมประสบกับกระแสของความรู้สึกมากมายที่ไม่รู้จักถาโถมเข้ามา ไม่เคยมีคราวใดในชีวิตของผมที่ได้พบกับความปลาบปลื้มอันมหัศจรรย์ พบกับความสงบสันติ พบกับความเข้าใจอันเป็นทั้งหมดเช่นนี้ และแม้จะรู้สึกเช่นนั้นผมก็ไม่สามารถบรรยายความลึกลับที่พบนี้ให้เป็นคำพูดได้เลย ไม่สามารถแม้จะนำมาคิด แต่ร่างกายของผมรู้จักมันดี
ต่อมาผมคงหลับไป หรือไม่ก็เป็นลมหมดสติไป เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนั้น ผมนอนอยู่บนก้อนหิน ผมยืนขึ้น โลกก็ยังเป็นโลกที่ผมเคยเห็น เวลาใกล้จะมืดแล้วและผมเดินกลับมายังรถเหมือนกับว่าเป็นเครื่องจักร
เมื่อผมกลับมาถึงในเช้าของวันต่อมา ดอนฮวนอยู่ในบ้านคนเดียว ผมถามถึงดอนเกนาโร ดอนฮวนบอกว่าแกไปทำธุระบางอย่างแถวนั้นเอง ผมเล่าถึงประสบการณ์พิเศษที่เกิดขึ้นกับผมให้ดอนฮวนฟังในทันที
"คุณ หยุดโลก ได้เท่านั้นเอง" แกให้ข้อสังเกตเมื่อผมเล่า เราเงียบกันไปชั่วครู่
ต่อมาดอนฮวนบอกว่าผมน่าจะขอบคุณดอนเกนาโรที่ได้ช่วยเหลือผม ดอนฮวนดูจะพออกพอใจผมเป็นพิเศษ แกตบหลังของผมครั้งแล้วครั้งเล่าและหัวเราะคัก ๆ ออกมา
"แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหมาป่าไคโยติจะพูดได้" ผมพูด
"มันไม่ได้พูด" ดอนฮวนบอก
"ถ้าอย่างนั้นมันทำอะไรล่ะ"
"ร่างกายของคุณเข้าใจเป็นครั้งแรก แต่คุณสังเกตพลาดไปในข้อที่ว่ามันไม่ใช่หมาป่าไคโยติหรอก ถ้าจะพูดไป และมันไม่ใช่การพูดคุยในลักษณะเดียวกับที่คุณพูดกับผมอย่างแน่นอน"
"แต่หมาป่าตัวนั้นพูดจริง ๆ นี่นาดอนฮวน!"
"เอาละตอนนี้ขอให้ดูว่าใครล่ะ ที่กำลังพูดเหมือนคนบ้าบัดซบ จากการที่ได้เรียนรู้มามากมายหลายปี คุณก็น่าจะรู้มากขึ้นเมื่อวานนี้คุณได้ หยุดโลก และคุณอาจจะ เห็น แล้วด้วย ชีวิตที่มหัศจรรย์นั้นบอกบางสิ่งกับคุณ และร่างกายของคุณสามารถเข้าใจในสิ่งนั้นได้เพราะโลกได้แตกทำลายลง"
"โลกก็เหมือนกับที่มันเป็นอยู่เดี๋ยวนี้นั่นแหละดอนฮวน"
"ไม่หรอก มันไม่เหมือนกันเลย วันนี้พวกหมาป่าไคโยติไม่มาบอกอะไรกับคุณและคุณไม่สามารถ มองเห็น เส้นใยของโลก แต่เมื่อวานนี้คุณทำสิ่งเหล่านั้นได้เพียงเพราะว่าบางสิ่งในตัวของคุณหยุดลง"
"อะไรล่ะในตัวของผมที่หยุดลง"
"สิ่งที่หยุดลงในตัวของคุณเมื่อวานนี้คือ สิ่งที่ผู้คนบอกกับคุณว่าโลกนี้เป็นเช่นไร คุณพอมองเห็นหรือยังว่าผู้คนบอกกับเราว่าโลกเป็นเช่นนั้นเช่นนี้นับตั้งแต่วันที่เราเกิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่เราไม่มีทางเลือกเลยนอกจากจะเห็นโลกในลักษณะเดียวกันกับที่ผู้อื่นบอกเราไว้"
เรามองดูกันและกัน
"เมื่อวานนี้ โลกเป็นดังที่หมอผีทั้งหลายบอกกับคุณว่าเป็นเช่นไร" ดอนฮวนพูดต่อ "ในโลกชนิดนั้น หมาป่าไคโยติพูดได้ งูกะปะ ต้นไม้และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็พูดได้เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ผมต้องการให้คุณได้เรียนรู้คือ การเห็น บางทีในตอนนี้คุณทราบแล้วว่า การเห็น เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณด้องมองเข้าไปในทั้งสองโลก คือ โลกของคนธรรมดาและโลกของหมอผี ตอนนี้คุณพรวดพราดเข้าไปตรงจุดกึ่งกลางของโลกทั้งสองนั้น เมื่อวานนี้ คุณเชื่อว่าหมาป่าตัวนั้นพูดกับคุณได้ หมอผีคนใดที่ยังไม่เห็น จะเชื่ออย่างเดียวกัน แต่หมอผีที่ เห็น แล้วจะรู้ว่า การเชื่อเช่นนั้นคือการถูกตรึงเอาไว้ในโลกของหมอผี และในทำนองเดียวกัน การไม่เชื่อว่าหมาป่าตัวนั้นพูดได้ก็จะถูกตรึงไว้ในโลกของคนธรรมดา"
"หมายความว่า ทั้งโลกของคนธรรมดาและโลกของหมอผีไม่จริงใช่ไหมดอนฮวน"
"โลกทั้งสองนั้นจริง ทั้งสองโลกนั้นสามารถที่จะกระทำกับคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจจะถามหมาป่าในเรื่องอะไรก็ได้ที่คุณอยากรู้ และมันจะตอบคำถามของคุณได้ เพียงแต่ว่าส่วนที่น่าสลดใจในเรื่องนี้ก็คือหมาป่านั้นไว้ใจไม่ได้เลย พวกมันเป็นนักหลอกลวง นับว่าเป็นกรรมของคุณ ที่ไม่มีเพื่อนที่พอพึ่งพาอาศัยได้"
ดอนฮวนอธิบายว่า หมาป่าไคโยติจะเป็นสหายของผมในชีวิตนี้ และในโลกของหมอผีนั้นการมีสหายเป็นหมาป่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา แกบอกว่าน่าจะเป็นอุดมคติทีเดียวสำหรับผมหากว่าจะมีสหายเป็นงูกะปะในเมื่องูกะปะเป็นเพื่อนที่ยิ่งใหญ่ได้
"ถ้าผมเป็นคุณ" แกพูดต่อไป "ผมจะไม่มีวันเชื่อหมาป่าไคโยติ แต่คุณก็ต่างออกไป คุณอาจเป็นหมอผีหมาป่าก็ได้"
"หมอผีหมาป่าคือหมอผีชนิดไหนล่ะ ดอนฮวน"
"หมอผีหมาป่า คือ หมอผีที่ได้รับอะไรหลาย ๆ อย่างจากพี่น้องหมาป่ายังไงล่ะ"
ผมอยากจะถามต่อไป แต่ดอนฮวนทำท่าทางให้ผมหยุดพูด
"คุณได้เห็นเส้นของโลก" แกกล่าวต่อไป "คุณได้เห็นชีวิตที่รุ่งเรือง ตอนนี้คุณเกือบจะพร้อมแล้วที่จะพบกับพันธมิตรของคุณ คุณรู้แล้วนี่นะว่า ชายคนที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้คือพันธมิตรของคุณ คุณได้ยินเสียงครางของมันเหมือนกับเสียงเครื่องบินไอพ่น ชายคนนั้นจะรอพบคุณอยู่ที่ขอบที่ราบ ซึ่งเป็นที่ราบที่ผมจะนำคุณไปด้วยตัวของผมเอง"
เราเงียบกันไปอีกนาน ดอนฮวนประสานมือไว้ที่หน้าท้อง และนิ้วหัวแม่มือของแกไหวไปมาแทบจะไม่เป็นที่สังเกตเห็นได้
"เกนาโรจะไปยังหุบเขาแห่งนั้นพร้อมกับเราด้วย" แกพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน "เกนาโรเป็นคนที่ได้ช่วยให้คุณ หยุดโลก"
ดอนฮวนมองมาทางผมด้วยแววตาที่ทิ่มแทง
"ผมจะบอกคุณอีกเรื่องหนึ่ง" แกพูดแล้วหัวเราะ "ตอนนี้มันมีความหมายจริง ๆ ขึ้นมาแล้ว เมื่อวันก่อนเกนาโรไม่ได้เคลื่อนรถของคุณออกไปจากโลกของคนธรรมดาหรอก แกทำเพียงบีบให้คุณมองโลกของคนธรรมดานั้น ในลักษณะที่หมอผีทั้งหลายมอง เกนาโรต้องการให้ความเชื่อมั่นของคุณอ่อนตัวลง การทำตลกบ้า ๆ บอ ๆ ของเกนาโรได้บอกกับร่างกายของคุณว่า ความพยายามที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็น เรื่องเหลวไหลไร้สาระ และเมื่อเกนาโรชักว่าวขึ้นไปนั้นคุณเกือบจะ เห็น คุณพบรถของคุณและคุณอยู่ในโลกทั้งสองโลก ส่วนเหตุที่เราเกือบจะม้ามแตกเพราะหัวเราะก็คือว่า คุณคิดอย่างจริงจังขึ้นมาว่าคุณขับรถจากจุดที่เราพบมันเพื่อพาเรากลับบ้าน"
"แต่ดอนเกนาโรบีบให้ผมเห็นโลกของหมอผีได้อย่างไรล่ะ"
"ผมอยู่กับเกนาโร และเราทั้งสองรู้จักโลกชนิดนั้น เมื่อใดที่คุณรู้จักโลกชนิดนั้นแล้ว ทั้งหมดที่คุณทำขึ้นเพื่อจะทำให้มันอุบัติขึ้นมาคือ ใช้วงแหวนแห่งพลังพิเศษที่ผมบอกกับคุณแล้วว่าพวกหมอผีมีติดตัว เกนาโรทำมันได้ง่าย ๆ เหมือนกับดีดนิ้วมือ แกทำให้คุณยุ่งอยู่กับการพลิกก้อนหิน เพื่อจะเบนความคิดของคุณ และเพื่อให้ร่างกายของคุณ เห็น"
ผมบอกกับดอนฮวนว่า เหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นตลอดช่วงสามวันที่ผ่านมานั้น ทำให้แนวความคิดที่ผมมีต่อโลกบุบสลายลงชนิดที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมบอกว่าตลอดสิบปีที่ผมติดต่อสัมพันธ์กับแก ผมไม่เคยรู้สึกรุนแรงขนาดที่ทำให้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แม้ในช่วงที่ผมเสพยาสมุนไพรลวงจิตเข้าไป
"พืชสมุนไพรที่มีพลังเป็นเพียงเครื่องช่วยเท่านั้น" แกบอก "ของจริงอยู่ตรงที่ ร่างกายรู้ขึ้นมาว่ามันสามารถ เห็น นับจากนั้นเท่านั้นที่คุณจะสามารถเข้าใจได้ว่า โลกที่เรามองเห็นอยู่ทุกวันเป็นเพียงคำอธิบายเท่านั้น จุดมุ่งหวังของผมอยู่ตรงที่จะแสดงให้คุณเห็นในเรื่องนี้ แต่นับว่าเป็นโชคร้ายที่คุณมีเวลาเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยก่อนที่พันธมิตรจะจัดการกับคุณ"
"พันธมิตรที่ว่านั้นจะจัดการกับผมด้วยหรือ"
"ไม่มีทางเลี่ยงจากมันได้หรอก การที่จะ เห็น คุณต้องเรียนรู้วิถีทางในการมองโลกของหมอผี และด้วยเหตุนี้เองพันธมิตรจะต้องถูกเรียกตัวเข้ามา และเมื่อเราทำเช่นนั้น มันก็จะมาหา"
"คุณสอนให้ผม เห็น โดยไม่เรียกพันธมิตรเข้ามาได้ไหมล่ะ"
"ไม่ได้หรอก การที่จะ เห็น คุณต้องเรียนรู้ที่จะมองดูโลกในอีกลักษณะหนึ่ง และลักษณะเดียวที่ผมทราบคือ วิถีทางของหมอผี"
--------------------------------------------------------------------------------
ขอออภัยที่เปลี่ยนเสียงจากต้นฉบับเดิมที่สะกดชื่อหมาป่า coyote
จาก"โคโยต" เป็น "ไคโยติ" (ซึ่งยังเป็นรูปคำแบบไทย ๆ อยู่)
The American Heritage Dictionary
of the English Language, Third Edition
แยกการออกเสียงเป็น "ไค-โอ-ที" หรือ "ไค-โอท"
1. A small, wolflike carnivorous animal (Canis latrans) native to western North America
and found in many other regions of the continent. Also called prairie wolf.
2. A firefighter who is sent to battle remote,
usually very severe forest fires, often for days at a time.
[American Spanish, from Nahuatl cóyotl.]
http://olddreamz.com/bookshelf/ixtlan/ixtlan.html