เนรคุณได้ก็เอาคืนได้?/มังกรซ่อนกาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
4 เมษายน 2554 11:08 น.
ในสังคมไทย การให้สิ่งของทรัพย์สินแก่บุคคลที่ตนรัก เมตตาในครอบครัวก็ถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่สังคมไทยทำสืบต่อกันมา แต่ถ้าความเมตตาที่ผู้ให้ได้ให้แก่ผู้รับกลับถูกผู้รับการให้ประพฤติเนรคุณตอบแทนผู้ให้เสียแล้ว หากกฎหมายไม่ให้ความคุ้มครองพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อวัฒธรรมอันดีงามแล้ว ความเป็นสังคมแห่งความเมตตาในวิถีแบบชาวพุทธคงเสื่อมถอยลง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 3 ได้บัญญัติเรื่องการให้ไว้โดยมีส่วนคุ้มครองผู้ให้ในกรณีที่ผู้รับการให้ประพฤติเนรคุณไว้ด้วย อันมีตัวอย่างข้อเท็จจริงให้พิจารณากัน ดังนี้
นายดี เลิกกับภริยา โดยมีบุตรสาวชื่อ นางสาวแดง ต่อมานายดีได้เสียชีวิตลงตั้งแต่นางสาวแดงมีอายุได้ 5 ปี นางช่วยซึ่งเป็นน้องสาวของนายดี รับอุปการะเลี้ยงดูบุตรสาวของนายดี จนนางสาวแดงอายุได้ 22 ปี นางช่วยให้ความเมตตารักใคร่นางสาวแดงเหมือนบุตรของตน เนื่องจากนางช่วยไม่มีบุตร
เมื่อนางสาวแดงเรียนจบมหาวิทยาลัย นางช่วยได้จดทะเบียนยกที่ดิน และบ้านซึ่งอยู่บนที่ดินให้แก่นางสาวแดง ไว้เป็นหลักทรัพย์และอยู่อาศัย โดยนางช่วยก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวด้วย ต่อมาเมื่อนางสาวแดงมีอายุได้ 24 ปี ก็ได้ไปอยู่กินกับนายดำ และได้พานายดำเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย นายดำต้องการรถยนต์ขับจึงชักชวนนางสาวแดงนำโฉนดที่ดิน และบ้านไปจำนองกับธนาคารสยาม เป็นมูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาซื้อรถยนต์ตามที่นายดำต้องการ และนางสาวแดงก็เห็นชอบด้วย
นางช่วย รักนางสาวแดงมากจึงตามใจ นางสาวแดงทุกเรื่อง นางสาวแดงอยู่กินกับนายดำได้ 2 ปี นางเขียวน้องของนางช่วยได้นำ เด็กหญิงฝ้าย อายุ 14 ปี มาฝากนางช่วย เพื่อให้เด็กหญิงฝ้าย ได้เรียนหนังสือในเมือง นางช่วยตกลงรับเด็กหญิงฝ้ายมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน ต่อมาในระหว่างที่เด็กหญิงฝ้ายมาอยู่ที่บ้าน นายดำได้นำหนังสือโป๊ และวีซีดีโป๊มาให้เด็กหญิงฝ้ายดูในเวลาที่นางสาวแดงและนางช่วยไม่อยู่บ้าน นายดำแอบทราบว่าเด็กหญิงฝ้ายได้เล่าเรื่องดังกล่าวให้นางช่วยฟัง นายดำกลัวนางช่วยโกรธจึงได้หนีออกจากบ้านไป นายดำหนีไปได้ 3 เดือน นางสาวแดงได้ไปตามหานายดำจึงทราบว่านายดำหนีออกจากบ้านเพราะสาเหตุใด นายดำอายนางช่วย จึงไม่กล้ากลับมาอยู่ที่บ้านด้วย เมื่อนางสาวแดงกลับไปบ้านพบนางช่วย ด้วยความโมโหที่ไม่สามารถพานายดำกลับมาอยู่ด้วยได้ นางสาวแดงจึงด่านางช่วยว่า
“อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว”
จากนั้นนางสาวแดงจึงย้ายออกจากบ้านไปอยู่กับนายดำ นางช่วยเสียใจมากเพราะรักนางสาวแดงเหมือนลูก แต่ก็โกรธที่นางสาวแดงด่าตนเช่นนั้น และกลัวว่านายดำจะนำพานางสาวแดงไปในทางที่ไม่ดี จึงไปปรึกษาทนายความเพื่อฟ้องขอถอนคืนการให้โฉนด และบ้านจากนางสาวแดง โดยขอให้ศาลบังคับให้นางสาวแดงจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองจากธนาคารสยาม และคืนที่ดินและบ้านดังกล่าวแก่นางช่วยโดยปลอดภาระจำนอง
คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉันว่าถ้อยคำที่นางสาวแดงด่านางช่วยว่า “อีแก่ไม่ยุติธรรม มึงทำให้ครอบครัวกูแตกแยก กูจะไม่อยู่กับมึงแล้ว” เป็นการหมิ่นประมาทนางช่วยอย่างร้ายแรงหรือไม่
ในประเด็นนี้ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาดูหมิ่นนางช่วยซึ่งเป็นอา เรียกนางช่วยว่า “อีแก่” ขึ้นมึงขึ้นกูกับนางช่วย ย่อมทำให้นางช่วยอับอายเสียชื่อเสียง และเป็นการหมิ่นประมาทนางช่วยอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) นางช่วยย่อมเรียกคืนการให้ เพราะเหตุนางสาวแดงประพฤติเนรคุณได้
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า นางช่วยจะถอนคืนการให้ได้เพียงใด
ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนฟ้องนางสาวแดงจดทะเบียนจำนองที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้แก่ธนาคารสยาม ซึ่งเป็นผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 534 บัญญัติว่า “เมื่อถอนคืนการให้ ท่านให้ส่งคืนทรัพย์สินตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ ว่าด้วยลาภมิควรได้” ดังนั้น นางสาวแดงจึงต้องคืนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่นางช่วยตามสภาพที่เป็นอยู่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 431 วรรคหนึ่ง (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 1078/2553)
สรุปว่านางช่วยฟ้องเรียกคืนการให้จากนางสาวแดงได้ แต่ให้คืนในสภาพที่เป็นอยู่ คือ คืนโดยติดจำนองเพราะเหตุว่าในขณะที่นางสาวแดงนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจำนอง นางสาวแดงยังคงสุจริตอยู่ยังไม่ได้ประพฤติเนรคุณต่อนางช่วยนั่นเอง
hiddendragon2552@gmail.com
.
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039158.